Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องเล่าจากเรือนจำ ตอน น้ำตาของผู้เป็นพ่อ (ตอนที่ 1)

    น้ำตาของผู้เป็นพ่อ


    สกล เป็นชายคนนึง รูปร่างสูงผอม ผิวคล้ำ เดิมเป็น คนนครราชสีมา อายุ ในตอนนั้นประมาณ
    34 ปี สกลมาทำงานในกรุงเทพฯ ได้ 20 กว่าปี สกล สามารถ สร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยการขับรถเร่ ขายกับข้าว เดิมเริ่มจากการขีมอเตอร์ไซด์ หลังจากทำมาอยู่หลายปีก็เก็บเงิน พอซื้อรถกระบะมือสองเพื่อเป็นพาหนะใช้เพิ่ม สินค้าที่นำไปขายได้ สกล แต่งงาน อยู่กินกับภรรยา ที่อายุอ่อนกว่า แต่ก้อร่วมหัวจมท้าย กันมา เนินนาน มีบุตร สาวอยู่ 2 คน แม้จะลำบากยากเย็น แต่ สกล กับ ภรรยา ก็ดำเนินชีพด้วยการ เร่ขายกับข้าว บางครั้งมีกำไร บ้างบางครั้งขาดทุนหมดไปกับค่าน้ำมันบาง แต่ชีวิต ก้อยังมีความสุข ด้วยลูกสาวของสกล คนโต เป็นเด็กเรียนดี ช่วยพ่อแม่ ทำงานบ้าน ในเวลา ที่ สกล และภรรยาออกไปเร่ขายกับกับข้าวด้วยรถกระบะคู่ใจ ในบางครั้งต้องออกไปแต่เช้าตรูกลับเข้าบ้านอีกครั้ง ไม่ต่ำกว่า 2 ทุ่ม ขึ้นไป จึงทำให้ บุตรสาวทั้งสองคน ต้องอยู่ โดยลำพัง ในทาวเฮาส์เล็ก ๆ ย่านนนทบรี แต่ก็ยังมีเพื่อนบ้านที่ช่วย เป็นหูเป็นตาให้ บ้างในบางครั้ง บุตรสาวคนโตของสกล มีอายุ 15 กำลังเรียนอยู่ ชั้น ม. 4 เวลาเดินทางไปโรงเรียนจึงต้องขึ้นรถประจำทางซึ่งไม่ไกลจากบ้านมากนัก ส่วนบุตรสาวคนเล็กอายุ 10 ขวบอยู่ชั้น ป. 6 เวลาเดินทางไปโรงเรียนมีรถโรงเรียนมารับซึ่ง เรียนคนละทีกับพี่สาวคนโต สกล ใช่ชีวิตค่อนข้างประหยัด อดออม และตัวของสกลก้อดำเนินชีวิตแบบ ถ้าสมัยนี้คงเรียกว่าเศรษกิจเพียงพอ อีกทั้งเป็นคน เหล้าไม่กินบุหรี่ ไม่สูบ และไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท จึงไม่มีการพบปะสังสันกันเหมือนชายไทยผู้อื่น และที่สกล ต้องทำมาหากินชนิดที่วันหยุดไม่พักก้อเพื่อไม่อยากให้ลูกลำบากในอนาคตเหมือนเช่นตัวเองในสมัย วัยรุ่นรับจ้างทำงานทุกอย่างเพราะจบการศึกษาแค่ป 3 อีกทั้ง เนื่องจาก พ่อของสกล เสียขีวิตด้วยโรคตับแข็ง โรคยอดฮิตของ คนสมัยก่อนทางภาคอีสาน ทุกวันๆนั้น สกล ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ ตี 3 เพื่อไปรับผักที่ตลาด เพราะหากไปสาย ก็จะได้แต่ผัก ไม่สวย เพราะผักสีสวย ๆเหล่านี้ พ่อค้าแม่ค้า มักจะเลือกและนำไปขายต่ออีก ที ตั้งแต่วันจันทร์ – วันอาทิตย์ไม่เว้นแม้แต่วันหยุดต่าง ๆในบางครั้ง สกล ไม่ได้มีวันหยุด เช่นคนอื่น เพราะ ถ้าหยุดไป 1 วัน ลูกค้าประจำก้อจะต้องเดินทางไปหาซื้อวัตถุดิบเอง แล้ว จะไม่ต่อเนื่อง ครั้งต่อไปจึงไม่ค่อยมาซื้ออีก (อ่านต่อตอนที่ 2)
    ...........สำหรับลูกสาวคนโตของ สกล จัดว่าหน้าค่อนข้างดี ตาดี เพราะเหมือนทางแม่ ทั้งพี่ทั้งน้อง เพราะภรรยาสกลเป็นเหนือ สกลสามารถเก็บเงินซื้อทาวเฮาส็ย่านนนทบุรี ได้ อีกทั้งรถกระบะที่ใช้ก็ผ่อนหมดไปนานแล้วเช่นกัน แต่ เวลาที่ สกล อยู่กับลูกก้อจะมีเฉพาะ เวลา กลางคืนเท่านั้น ชีวิต สกล กับครอบครัวถือว่า อบอุ่น ลูกสาวรัก และห่วงพ่อ กับแม่ ช่วยทำงานบ้าน ไม่เกียจคร้าน ในขณะเดียวกัน ก็ ในช่วงที่พ่อกับแม่ออกไปขายกับข้าวในยามที่ไม่มีการบ้าน ก็เอาเวลาว่างมาท่องหนังสือ ทบทวนตำหรับตำรา เสมอ ๆ ไม่ได้ขาด ฉะนั้นเกรดเฉลยออกมาแต่ละเทอม
    เมื่อ สกล กับภรรยาเห็น จึงทำให้หายเหนื่อจาก การค้าขาย สกล จำได้ดีในตอนที่ลูกสาวคนโตขึ้น ม.6 เกรดเฉลย ผลการเรียนลูกสาวดี มาก ถ้าเป็นแบบนี้ หากเรียนจบมัธยมก็ จะสามารถเข้า
    เรียนใน มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ ส่วนลูกสาวคนเล็กยังเด็กอยู่จึงไม่ได้เคี่ยวเข็ญ มาก เมื่อการดำรงณ์ ชีวิตของ สกล เ ป็นเช่นนี้จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาได้ไปเที่ยว กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก บ่อย ๆจึงมีไม่มากแต่ สกล จำได้ว่า ลูกสาวคนโตอยากให้พาไปสวนสยามในวันเกิด เค้าจึง ต้องหยุดขายของไป 1 วัน เพราะ อยากให้ลูกมีความสุข ......... แต่เรื่องราวของชีวิตแต่ละคน บางเรื่องบอกไม่ได้ ว่าขึ้นอยู่กับ กฎแห่งกรรมรึไม่…………
    มีอยู่วันนึง ไม่นานหลังจากพาลูก ๆไปเที่ยว หลังจาก สกล กลับ จากการเร่ขายกับข้าว กลับ ถึงบ้านประมาณเกือบ 2 ทุ่มครึ่งได้ แต่ ภายในบ้านมีแต่ลูกสาวคนเล็กหลับอยู่ คนเดียว สกล และภรรยาเข้าใจว่าลูกสาว อีกคนอยู่ชั้นบน จึงไม่ได้ขึ้นไปดู ทั้งคู่จึง อาบน้ำ คิดเงินเพื่อดูกำไรและขาดทุน แต่ อยู่ ๆภรรยาของสกลก้อวิ่งหน้าตาตื่นมาบอก สกล ว่า ลูกสาวคนโตยังไม่กลับไม่ได้อยู่ในห้อง นอนด้วย หาจนทั่วในในก็ไม่เจอ ช่วง ปี 39 ในสมัยนั้นมีใช้กันก้อแค่เพ็จเจอร์ ไม่ได้มีเทคโนโลยี่ที่มีโทรศัพท์มือถือ กันเหมือนเดี๋ยวนี้ มีหนทางติดต่อก้อแค่โทรศัพท์ บ้าน สกล ถามลูกสาวคนเล็กก้อไม่รู้เรื่องเพราะรถโรงเรียนมาส่ง ส่วนลูกสาวคนโต เรียนโรงเรรียนมัธยมอยู่อีกแห่ง ด้วยหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่อยู่มา 10 กว่าปีลูกกลับเข้าบ้านลูก อยู่บ้านตลอด มาตอนนี้มีทางเดียวต้อง ไปแจ้งความแล้วกลับไปดูที่โรงเรียน เพราะ สกล รู้สึกใจคอไม่ดี ชนิดที่บอกไม่ถูก เมื่อแจ้งความกับตำรวจ ที่ส.นท้องที่ ร้อยเวร ให้ สกล กลับไปรอที่บ้านเพราะหากหายออกจากบ้านยังไม่ครบ 24 ช.มยังไม่ถือว่าเป็นคนหาย สกลกับภรรยาแยกกันตามหา โดยไปถามเพื่อนบ้านใกล้ ๆก็ไม่ได้ข้อมูลใด ๆ ส่วน สกล มาที่โรงเรียนเวลานั้นประมาณ 4 ทุ่มกว่า ไม่มีใครอยู่ยกเว้น ภารโรงเฝ้าโรงเรียน สกล จำเหตุการณ์ ได้ดีชนิดที่ว่าตายก็ไม่มีวันลืมได้ คืนวันนั้นสกลนอนไม่หลับกระสับกระส่ายสวดมนต์ไหว้พระ ได้แต่ภาวนาให้ถึงเช้าไว ๆ ....
    ............เช้ารุ่งอีกวันหลังจาก ภรรยา ส่งลูกสาวคนเล็ก ขึ้นรถโรงเรียน สกล เดินทางไปโรงเรียนแต่ เช้า เพื่อเข้าพบ ครูใหญ่ หลังจากติดตามข้อมูลต่าง ๆที่โรงเรียน ก็ ไม่สามารถบอกข้อมูลใด ๆได้ เพราะลูกสาวคนโต สกล เป็นเด็กเรียนไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนมากนักเพราะเคร่งเรียน รวมถึงเวลากลับ มันเดินทางกลับโดยรถเมล์ จากปากของเพื่อนสนิทที่นั่งด้วยกันก็ ไม่มีอะรัยบ่งบอกว่า ลูกสาว สกล จะหายตัว ไป แบบไม่รู้ที่มาที่ไป ส่วนตำรวจ มาช่วยสอบสวนแต่ไม่มีใคร ทราบเบาะแสใด ๆ เช่นกัน จากเหตุการณ์นี้เกินขึ้น จาก 1 วันเป็น 2 วัน ไม่มีข้อมูลใด ๆบ่งชี้ ครอบครัว สกล จึงได้แต่ออกตามหา ลูกสาวเองหา ข้อมูลเอง ในแต่ละวัน สกล นอนไม่เคยหลับหลังจากวันนั้น ความรู้สึกเหมือนมีหวังแต่ หัวใจเหมือนร้องให้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา ส่วนภรรยาของสกล ก้อได้แต่ร้องให้ สำหรับลูกสาวคนเล็กเห็นแม่ร้องให้ก็ร้องให้ตามในบางครั้ง ส่วนตัวของ สกล รู้แต่ว่าถ้าถึงเวลาเช้าจะต้องไปหาลูกสาว ต่อ สกลและภรรยา ทุกข์ใจและ ดูเศร้าสร้อยเป็นอย่างมากบางครั้งนึกผิดที่ไม่น่าจะมุ่งแต่ทำมาหากินจนเกินไปจนลืม ที่จะดูแลลูกได้ดี
    สำหรับตำรวจก็แค่บอกว่าให้สายสืบลงพื้นที่แล้วต้องรอ ข้อมูล เหตุการณ์นี้ผ่านไปได้ประมาณ สักเกือบ 2 อาทิตย์โดยที่แต่ละวันหลังจากวันที่ลูกสาวสกลหายตัว สกลได้ออกตามหามาโดยตลอดแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลใด ๆ
    .............. อยู่ ๆมาวันนึงหลังจากเหตุการณ์ลูกสาวหายตัวผ่านไปได้ 2 อาทิตย์กว่า ก็ มีโทรศัพท์จาก ร.ต.อ ....... เจ้า ของคดี นี้โทรมาแจ้งว่า ให้มาที่โรงพยาบาลตำรวจ สกลและภรรยาใจคอไม่ดี ได้แต่หวังให้ไม่ใช่อย่างที่คิด หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ได้แต่มีความ หวัง ไม่ว่าลูกจะพิการหรือเป็นเช่นไรยังไงก็อยากให้กลับมา สำหรับคดีนี้เป็นคดีนึง ของ ปี 39 ช่วงปลายเดือน ต.ค ตำรวจพบศพเด็กนักเรียนอายุ ประมาณ 15-17 ปี สภาพถูกข่มขืน โดยศีรษะ ถูกทุกด้วยของแข็งใบหน้าเละจำเค้าเดิมไม่ได้ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์สถานที่เกิดเหตุไม่ไกลจากโรงเรียนผู้เสียชีวิต เท่าไหร่ แน่นอน พ่อกับแม่ย่อมจำลูกดีได้เสมอ สกล กับภรรยาก็เช่นกัน แม้สภาพศพที่ไม่น่าดู แน่เมื่ออยู่ให้ห้องเย็นโรงพยาบาลตำรวจ สกล เสื้อ นักเรียนมัธยมตัวปัก สีกระโปรง สกล จำได้แม่นหัวใจแทบหลุดออกจากร่าง น้ำตาของผู้เป็นพ่อ รวมถึงภรรยา เป็นลมล้มพับไปไม่รู้กี่รอบ ต่อกี่รอบ ตำรวจ ได้แต่ปลอบใจ ให้ทำใจมันง่ายที่พูดแต่ ความเป็นจริงของผู้สูญเสียแล้ว วันเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดแล้ว ถ้าจะเป็นคำพูดคงจะบอกว่า ขอ ตายแทนลูกได้ไหม ในเวลานั้นเป็นเวลาที่ญาติๆได้มารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อนจัดงานศพ หลังจากงานศพ

    จากคุณ : กุมภ์กานต์ - [ 23 ธ.ค. 51 20:19:25 A:58.9.150.131 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com