เมื่อก่อนชั้นเลยคิดว่าชีวิตเป็นอะไรที่เรียบง่าย จนบางครั้งก็คิดว่าโลกทั้งโลกมันมีอยู่แค่นี้ และชั้นก็ดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความเรียบง่ายนั้นเช่นเดิม แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของชั้นก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนจากหน้ามือ เป็นหลังมือเลยทีเดียว และจุดนี้เองมันทำให้ชั้นคิดว่าอยากจะแชร์ประสบการณ์ต่างๆผ่านเนื้อเรื่องที่ชั้นจะแต่งขึ้นกับเพื่อนๆนะค่ะ
ชั้นก็คงต้องบอกว่า ชั้นเองเป็นคนที่เขียน หรือถ่ายทอดอะไรไม่เก่งนัก ทั้งๆที่จบทางด้านภาษาศาตร์มา แต่ชั้นเป็นคนที่ชอบอ่านมากคนนึงเหมือนกัน และหลังจากอ่านเรื่องของเพื่อนๆมา ก็คิดว่าบางทีเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตชั้นอาจเป็นแง่คิดของสาวๆ หรือหนุ่มๆบางคนได้บ้างก็ได้
**ชื่อในเรื่องที่ชั้นเขียนเป็นชื่อสมมุติขึ้น หากไปคล้องจองกับใครก็ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ**
ขอสมมุติชื่อตัวเองก่อนเลยนะค่ะ ชั้นชื่อกิ๊บค่ะ และกิ๊บขอย้อนไปสมัยเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนสตรีล้วนแห่งนึง กิ๊บสอบเข้าที่นี้ได้เรียนในแผนศิลป์-ฝรั่งเศส กิ๊บไม่ชอบคณิตค่ะ เลยขยันที่จะเรียนภาษามากๆ จนรู้สึกว่าชอบในการเรียนภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ในสมัยนั้นกิ๊บมีเพื่อนไม่กี่คนที่สนิทๆ อาจเป็นเพราะเราเองไม่ค่อยชอบกิจกรรม และคิดว่าการทำกิจกรรมมันค่อยข้างไร้สาระ (- -เสียดายจนมาถึงทุกวันนี้) ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว และวันนึงเพื่อนที่สนิทๆกันชื่อ หมวย (หมวยเป็นเพื่อนที่ดีกับกิ๊บเสมอ หมวยมีความเป็นผู้ใหญ่ทั้งๆดูหุ่นและรูปร่างหมวย มันไม่ได้บอกเลยว่าหมวยเป็นคนสมบุกสมบันได้ขนาดนั้นแต่sheก็สามารถ น่าทึ่งจริงๆ - -") เค้ามาบอกกับกิ๊บว่า หมวยได้งานPart-timeในร้าน 7-11 (สมัยนั้น ชม.ล่ะ 20-23 บาทเองมั้งค่ะถ้าจำไม่ผิด)มันอาจทำให้เวลาที่อ่านหนังสือด้วยกันกับกิ๊บน้อยลง
จากนั้นมาเวลาของกิ๊บกับหมวยก็น้องลงจริงๆ เพราะหมวยเอาแต่ทำงาน จนช่วงปิดเทอม กิ๊บก็นึกสนุกในการมาทำงานแบบหมวยบ้างและอีกอย่างมันเป็นการหาค่าขนมในช่วงปิดเทอมด้วย ทั้งๆที่บ้านของกิ๊บเองไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะบ้านเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะความดื้อรันของกิ๊บเอง ที่ไม่เชื่อฟังพ่อ-แม่ และจุดเปลี่ยนชีวิตที่กิ๊บเองก็คาดไม่ถึงมันก็เกิดขึ้น..
กิ๊บได้ทำงานใน7-11 แต่คนล่ะสาขากับที่หมวยทำนะ สำหรับงานของเด็กPart-Timeอย่างเราที่รับวันล่ะ 20 บาทในกะปกติ และ23 บาทสำหรับกะกลางคืน งานในกะกลางวันก็จะหมุนเวียนช่วงเวลาไปเรื่อยๆ แล้วแต่ใครสะดวกช่วงเวลาไหน สำหรับกิ๊บในช่วงปิดเทอมก็ได้ทำ Part-Time 6 - 8 ชั่วโมง แต่พอเปิดเทอมแล้วก็จะเหลือแค่วันละ 4 ชั่วโมงในตอนเย็นเพื่อไม่ให้กระทบการเรียน และนี่เป็นครั้งแรกที่หาเงินด้วยตัวเอง มันช่างเหนื่อยดีจริงๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยทำงานบ้าน อย่างกิ๊บ ต้องมาทำงานในร้าน7-11ตั้งแต่เช็คกระจก ยันเป็นcashier และเงินที่ได้มาในเดือนแรก 2000 กว่าบาทและสำหรับเด็กอย่างเรามันก็ตาโตนะ มันรู้สึกว่าเราเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งมันไม่จริงเลย ในชั่วโมงนั้นมันอยากทำงานนะ อยากมีเงิน และไม่ค่อยฟังพ่อ-แม่แล้ว และที่สำคัญไปกว่านั้น เราเริ่มมี"แฟน"
"โอม"แฟนคนแรกของกิ๊บ ที่เค้าสอนให้เรารู้จักโลกในอีกมุม มุมมืดของชีวิตที่ใครก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ ก็อย่างที่เค้าว่า วัยรุ่นเหมือนวัวกำลังคึก หากไม่ล้อมคอกดีๆ วัวก็จะตะเลิดไปไกลอย่างไม่คิดชีวิต เพราะวัวอย่างกิ๊บ อาจพูดง่ายๆว่าเราไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้ว่า การมีความรัก หรือการอยู่ร่วมกับเพศตรงข้าม มันเป็นอย่างไร (กิ๊บเรียนรร.สตรีล้วนมาตั้งแต่ม.1 - ม.5 เลยค่ะและในวัยประถมนั้นเราก็เกาะกลุ่มเป็นเพื่อนผู้หญิง) กิ๊บกับโอมเจอกันในวันงานของโรงเรียน ที่ทางโรงเรียนจัดงานประเพณีการออกร้านของโรงเรียนในละแวกนั้น หลังเลิกเรียนโอมจะมารอกิ๊บหน้าโรงเรียนและไปส่งที่ร้าน 7-11 และหลังจากกิ๊บทำงานเสร็จเค้าก็จะไปส่งที่บ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวันโดยที่พ่อ-แม่ไม่รู้ จนกระทั่งวันนึงกิ๊บไม่สบายและไม่ไปโรงเรียน จึงนอนอยู่ที่บ้าน กิ๊บเลยโทรบอกโอมว่าไม่ต้องไปรับหน้าโรงเรียน แต่แล้วโอมกลับมาหาที่บ้าน และช่วงนั้นพ่อ-แม่ไปทำงาน โอมมาเยี่ยมและซื้อขนม+นมมาให้จากนั้นก็กลับไป แต่แล้วเหตุการณ์ไม่เป็นแบบนั้น ในคืนนั้นเองพ่อ-แม่กลับมาจากทำงานและกิ๊บนอนอยู่ในห้อง
"เพี๊ยะ-เพี๊ยะ" พ่อหยิบไม้เกาหลังมาฟาดกิ๊บอย่างรุนแรงหาว่าพาผู้ชายเข้าบ้านมาทำอะไรกัน ซึ่งกิ๊บบอกอย่างสัจจริงเลยว่า เราไม่มีอะไรกันอย่างที่พ่อคิด และพ่อเองก็ไปฟังเพื่อนข้างบ้านพูดมาอีกที โดยไม่ถามกิ๊บซักคำว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ส่วนแม่ก็ร้องไห้ใหญ่เลย กิ๊บไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆคือกิ๊บไม่เคยถูกพ่อตีรุนแรง ประกอบกับอารมณ์วัยรุ่น จึงตัดสินใจในวินาทีนั้นคือ การเก็บข้าวของออกจากไปบ้านไปมีชีวิตของตัวเอง เพราะถือว่าทำงานหาเงินได้แล้ว
จุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตได้เริ่มต้นตรงนี้ ถ้าหากวันนั้นกิ๊บไม่ออกจากบ้าน กิ๊บอดทนรอให้พ่อสงบลง และหันหน้าคุยกันด้วยเหตุผล พ่อ-แม่ อย่างไรเสียก็ให้อภัยลูกได้เสมอ ไม่ว่าลูกจะทำอะไรก็ตาม
ชั้นเขียนมาถึงตอนนี้ ก็รู้สึกเศร้าใจกับการกระทำของตัวเองมากๆ เพราะชั้นยังคงเฝ้าโทษตัวเองในบางครั้งว่า มันเป็นความผิดของชั้นเอง ที่ทำให้ครอบครัวของเราไม่มีความสุขนับแต่ชั้นออกจากบ้านมา เรื่องที่เขียนมันอาจยาว เพราะเขียนตั้งแต่สมัยชั้นอายุเพียง 15-16 ปีเท่านั้นและเหตุการณ์ก็ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว
***********************************************
จริงๆชื่อเรื่องยังหาไม่ได้นะค่ะแต่พอดี เหลือบไปเห็นลูกอมที่น้องที่ทำงานๆเอามาให้เป็นของขวัญวันปีใหม่ ^^"~ ไว้คิดออกจะมาตึ้งชื่อเรื่องใหม่ค่ะ
แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 14:46:34
แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 14:43:13
จากคุณ :
ฮานะจังแห่งPWC
- [
6 ม.ค. 52 14:42:35
]