คนเราเกิดมาสิ่งแรกที่เราได้สัมผัสนั่นคืออ้อมกอดของแม่ ต่อมาก็คือความรักและความอบอุ่นจากแม่
จะเห็นได้ว่าเรามีแต่ได้ตั้งแต่เล็กจนโต ความห่วงใยที่แม่มีให้ลูกนั้นมันมากยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
ฉันยังไม่เคยเป็นแม่มีแต่เป็นลูกของแม่ ฉันจึงไม่อาจบอกใครต่อใครได้ว่า ความรักลูกนั้นเป็นอย่างไร
แต่อย่างไรก็ตามในฐานะที่ฉันเป็นลูกคนหนึ่งซึ่งได้รับความรักจากแม่ บอกได้เลยว่ามันยิ่งใหญ่และมีแต่สิ่งที่ดีๆ
จนวันหนึ่งฉันได้รับรู้เรื่องราวที่ทำให้ฉันได้รู้ว่า ความรักของแม่ไม่อาจเทียบกับอะไรได้บนโลกนี้
ฉันได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศแห่งความเศร้า ความสูญเสีย ของคนเป็นแม่ที่ต้องสูญเสียลูกไปไม่มีวันได้คืน กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ และนั่นเองที่ทำให้แม่คนหนึ่งต้องตายทั้งเป็น
เช้าวันหนึ่งฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน ซึ่งปกติจะโทรหาฉันไม่บ่อยนักตั้งแต่เธอแต่งงานมีครอบครัว หลังแต่งงานเธอย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในบ้านสามี
โดยในบ้านสามีเธอนั้นมีคนอาศัยอยู่ 6 คน มีพ่อแม่,น้องชาย,น้องสะใภ้,หลาน และเธอกับสามี ซึ่งถ้าเทียบกับพื้นที่ในบ้านหลังเล็กๆและดูคับแคบ คงไม่เหมาะสักเท่าไหร่นักถ้าจะต้องอยู่รวมกันถึง 6 คน
เมื่อเปรียบเทียบกับฐานะของครอบครัวเธอแล้ว บอกได้เลยว่าแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เพราะพ่อแม่ของเธอมีชื่อเสียงในอำเภอแห่งหนึ่ง มีตำแหน่งเป็นเทศมนตรีและเป็นประธานนายกองค์การบริหารส่วนตำบล
ในส่วนของญาติๆส่วนใหญ่รับข้าราชการ มีชื่อเสียงกันพอสมควร จึงทำให้พ่อแม่ของเธอไม่เห็นด้วยในการแต่งงานครั้งนี้
แต่ด้วยความที่ทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน และมีความรักต่อกันจึงทำให้ ไม่มีสิ่งใดมาพลัดพรากพวกเขาได้
จนในที่สุดพวกเขาก็ได้แต่งงานสมใจ จนได้มาใช้ชีวิตอยู่กันจนถึงปัจจุบัน เธอไม่อาจปฏิเสธความต้องการของสามีที่จะไม่ยอมย้ายครอบครัวออกไปอยู่ข้างนอก เพราะสามีของเธอไม่เคยไปอยู่ที่ไหนนอกจากบ้านของตัวเอง
ระยะทางจากบ้านถึงที่ทำงาน ใช้เวลาในการเดินทางราวๆ ชั่วโมง ต้องตื่นนอนแต่เช้าตีห้าทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้สามีของเธออยากจะแยกตัวออกไปจากที่นี่ เพื่อไปเช่าห้องพักอยู่ใกล้ๆกับที่ทำงาน
จนมาวันหนึ่งเธอท้อง เธอบอกกับฉันว่าเธอดีใจที่เธอจะมีลูก เธอคลอดลูกเป็นผู้ชาย หน้าตาน่ารัก ผิวขาว เลี้ยงง่ายกินนมเก่ง
วันหนึ่งฉันมีโอกาสนัดเจอกันเป็นวันเกิดของลูกเธอ ฉันพาเธอและลูกไปนั่งกินข้าวกันที่เดอะมอลล์บางกะปิ เด็ก 2 ขวบ เวลาพูดและทำอะไรดูน่ารักไปซะหมด ฉันยังแอบเผลอยิ้มและหัวเราะกับความซนของเขา
หลังจากนั้นเราต่างก็แยกย้ายกันกลับ และเจอเธอและลูกอีกทีตอนกลับบ้านเทศกาลสงกรานต์ เป็นวันรวมญาติและครอบครัว
วันนี้เองที่เธอเปิดใจกับฉันถึงเรื่องราวทั้งหมด ที่เธอได้รับและเก็บอยู่ในใจมานานไม่กล้าบอกกับใครให้รับรู้แม้แต่ตัวฉัน เหตุผลเพียงแค่ไม่อยากให้คนอื่นๆมาเป็นห่วงชีวิตตัวเอง
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามีมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ตลอดเวลาชีวิตของเธอไม่ได้มีความสุขเลย เพราะแม่สามีเธอไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ เพียงเพราะว่าไม่เข้าตา
เธอเคยพูดและขอร้องสามีหลายต่อหลายครั้งให้ย้ายกันออกไปอยู่ข้างนอก ซื้อบ้านหลังใหม่อยู่กันสามพ่อแม่ลูก เพื่อตัดปัญหาเหล่านี้
แต่เธอโชคร้ายตรงที่เธอได้สามีเป็นลูกแหง่ไม่โต พูดง่ายๆคือไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจเดินออกจากบ้านไป เธอทนทุกข์อยู่อย่างนั้นมานานนับหลายปี
จนกระทั่งวันหนึ่ง แฟนเก่าของสามีเธอมาเยี่ยมเยือนที่บ้าน แม่สามีรีบเดินออกมาต้อนรับอย่างเอ็นดูและรักใคร่เสมือนลูก และพูดขึ้นมาว่าทำไมไม่มาเป็นสะใภ้ของแม่ต่อหน้าเธอและสามี ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจว่าทำไมแม่สามีถึงพูดแบบนี้
จนมาวันหนึ่งคนข้างบ้านมาเล่าให้ฟังเพราะความสงสาร เธอจึงได้รู้ว่าคนที่มาหานั้นเป็นแฟนเก่าของสามีเธอ และบอกว่าจริงๆแล้วแม่สามีไม่เคยชอบเธอเลย และอยากให้เธอเลิกกับสามีจะได้มาแต่งงานกับแฟนเก่า
เมื่อเธอได้ฟังเธอจึงนำเรื่องนี้กลับไปถามสามี เพื่อต้องการรู้คำตอบที่ชัดเจน และคำตอบที่เธอได้ก็ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมา แต่มันก็เป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้นสามีของเธอบอก
เรื่องราวมันไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้ เรื่องเลวร้ายที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น เมื่อวันหนึ่งแม่สามีได้ถีบจักรยานพาลูกของเธอไปส่งที่โรงเรียนในเวลาเช้าของวันหนึ่ง
เมื่อลูกของเธอเหลือบไปเห็นปลาลอยอยู่บ่อนาข้างถนน จึงขอให้ย่าจอดรถเพื่อลงไปดูปลา ด้วยความรักที่ย่ามีต่อหลาน จึงได้ตามใจจอดรถอยู่ข้างริมทาง
แต่เวลานั้นมีรถมอเตอร์ไซด์วิ่งมาด้านหลัง และชนเข้ากับท้ายรถจักรยานซึ่งมีลูกของเธอนั่งอยู่ ทำให้ร่างของทั้งย่าและหลานกระเด็นไปคนละทิศละทาง
เมื่อย่าลุกและพยุงร่างตัวเองขึ้นมาได้ รีบตะโกนเรียกหาหลาน และได้ยินหลานร้องไห้เพราะความเจ็บปวด
เมื่อย่ามองตามเสียงจึงเห็นว่าหลานนอนหงายหลัง พิงอยู่กับมอเตอร์ไซด์ที่ล้มลงบนพื้นถนน จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยหลานอย่างตกใจ
ด้วยความเป็นห่วงว่าหลานจะเป็นอะไรไป จึงไม่ทันได้สังเกตว่าหัวของหลานจริงๆแล้วได้เสียบเข้ากับที่พักมอเตอร์ไซด์
เมื่อดึงร่างออกมาจึงทำให้สมองไหลออกมา เมื่อย่าเห็นจึงตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ตะโกนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านแถวนั้น เมื่อรถร่วมกตัญญูมาถึงได้นำร่างของลูกเธอรีบส่งโรงพยาบาล
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอตรวจวินิจฉัยและรีบนำร่างลูกของเธอเข้าห้องฉุกเฉินทันที เพื่อทำการผ่าตัดด่วนเพราะสมองติดเชื้อ
ในเวลานั้นเธอกำลังวุ่นอยู่กับงานอย่างขะมักเขม้น โดยไม่รู้ว่าเวลานี้เกิดอะไรขึ้นกับลูก จนกระทั่งมีโทรศัพท์ดังเข้ามา เธอรับและตั้งสติแทบไม่อยู่เมื่อได้รับข่าว รีบเดินไปตามสามีที่ทำงานอยู่อีกแผนกหนึ่งเพื่อไปหาลูกที่โรงพยาบาล
ตลอดเดินทางเธอและสามีของเธอเอาแต่ร้องไห้ เพราะความเป็นห่วงและสงสารลูก ได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยชีวิตลูกของเธอให้รอดชีวิตในครั้งนี้
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเธอรีบวิ่งเข้าไปหาลูก ร่างของเด็กวัยแค่ 4 ขวบไม่รู้ว่าสายอะไรต่อมิอะไรมันโยงใยกันไปหมด ได้แต่ร้องไห้สงสารลูกแทบใจจะขาด
ส่วนสามีของเธอเมื่อเห็นลูกนอนอยู่ในสภาพแบบนี้ ทำใจยอมรับไม่ได้ถึงกับเป็นลม พยาบาลต้องรีบพาตัวไปนอนพักฟื้น
สภาพจิตใจของคนเป็นพ่อกับแม่วินาทีนี้ ไม่อาจจะบอกใครๆได้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน เมื่อคุณหมอเรียกเธอกับสามีเข้าไปฟังอาการยิ่งทำให้ทั้งสองคนทำใจไม่ได้ คุณหมอบอกว่ามีทางรอดแค่ 20% ให้พวกเขาทำใจไว้
หลังจากนั้นเธอได้โทรศัพท์มาหาฉัน เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังพร้อมกับร้องไห้ตลอดเวลา สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนั้นคือปลอบใจเพื่อน และพูดในสิ่งที่ทำให้เพื่อนรู้สึกสบายใจ
รุ่งเช้าของวันใหม่เป็นวันเสาร์พอดี ฉันรีบนั่งรถไปเยี่ยมหลานที่โรงพยาบาล เมื่อฉันไปถึงสภาพที่ฉันเห็นมันช่างน่าสงสารเหลือเกิน ขนาดตัวฉันไม่ได้เป็นแม่ยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
ฉันจับมือน้องเขาและบอกกับเขา กลับมานะหลานแม่เขารออยู่นะ ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวร้องไห้ออกมาเพราะความสงสาร ในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้แล้ว สิ่งเดียวที่จะช่วยทำให้พวกเขาสบายใจได้คือ การไปทำบุญ
ฉันพาเธอและสามีไปทำบุญที่วัด และเข้าไปหาหลวงพ่อเพื่อให้ต่ออายุขัยให้กับลูกของเธอ
คำแรกที่หลวงพ่อพูดออกมาคือ เคราะห์หนัก ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือป่าวเพราะมันเป็นเคราะห์ของใครของมัน ฝืนดวงชะตาไม่ได้
สิ่งที่ช่วยได้ในเวลานี้ก็คือเจริญภาวนาสวดมนต์แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรไป หลังจากนั้นก็พากันกลับโรงพยาบาล
ลูกของเธอนอนหลับเป็นเจ้าชายนิทราร่วมเดือน ผ่าตัดประมาณ 5 ครั้งได้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมแล้วราวๆ เกือบสี่แสนบาท
ตลอดเวลาเธอและสามีทำใจให้เข้มแข็งมาตลอด จนวันหนึ่งคุณหมอบอกว่าเซลล์สมองตายแล้วนะจะให้หมอถอดออกซิเจน หรือว่าให้เขาหลับไปเอง
วินาทีนี้หัวใจของคนเป็นแม่แทบสลาย ถ้าหากหยุดเต้นได้ก็คงจะดีจะได้ตายไปอยู่กับลูก
ฉันได้รับข่าวในเวลาเที่ยง และรีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับศพพร้อมกับเธอ สิ่งที่ฉันเห็นในเวลานี้มันเศร้าและเสียใจทำไมชีวิตของเด็กตัวน้อยๆต้องจบลงแบบนี้
น้ำตาของฉันมันเริ่มไหลออกมาเพราะความสงสารจับใจ ถ้าหากวันนี้เกิดเป็นลูกของเราล่ะเราจะทำยังไง สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือรับศพของเขามาบำเพ็ญกุศลในทางศาสนาต่อไป
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่อยากให้เกิดกับใครจริงๆ บทเรียนอันล้ำค่าของการขับขี่รถอย่างประมาทมันสามารถพรากชีวิตของเด็กคนหนึ่งไปจากอ้อมกอดของแม่เขาได้
แต่สิ่งที่คนเป็นแม่ได้รับคือเงินจำนวน หนึ่งแสนสี่หมื่นบาท เพื่อแลกกับร่างไร้วิญญาณของลูกตัวเอง แล้วมันคุ้มกันไหมกับชีวิตของคนหนึ่งคน
พูดไปแล้วชีวิตของเธอน่าสงสาร ต้องต่อสู้กับคนในครอบครัวสามี และต้องสูญเสียเสียลูกไปอีก กำลังใจที่ผ่านมาคือลูก ตอนนี้ไม่มีลูกแล้ว
เธอบอกกับฉันว่าเลือกที่จะไป เพราะเธอไม่เหลือใครแล้ว บทเรียนบทนี้คงจะบอกให้หัวหน้าครอบครัวอีกหลายๆคนที่ไม่มีความกล้าในการตัดสินใจ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองในการใช้ชีวิตคู่
สักวันหนึ่งคุณจะไม่ได้สูญเสียแค่ลูก แต่คุณจะไม่เหลือใครสักคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและลูก
แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 01:28:39
จากคุณ :
ปัทมนันท์
- [
17 ม.ค. 52 00:55:55
]