ความคิดเห็นที่ 1 “....ว่าเมืองปารีสนี้ มันเป็นเมืองบรมศุข จะหาแห่งใดในเมืองๆด้วยกันเสมอเหมือนเปนไม่มี........เมืองปารีส เปนเมืองที่นับว่างามที่หนึ่งในยุโรปจริงๆ .........เปนเมืองบริบูรณ์ด้วยอาหาร แลด้วยความสนุก แลบริบูรณ์ด้วยเข้าของสารพัด ที่จะต้องการอะไรได้ เพราะเหตุฉนั้น คนที่ไปมาเที่ยวเตร่จึงเห็นเปนเมืองสวรรค์ ความจริง ก็สมควรจะเทียบ......” พระราชพิพนธ์ ไกลบ้าน ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   นี่คงเป็นประโยคที่บรรยายความหรูหราของเมืองปารีส เมืองที่มีทุกอย่างที่มนุษย์ต้องการได้เป็นอย่างดี  ดิชั้นเป็นลูกเรือสายการบินตะวันออกกลางสายการบินนึง ที่มีโอกาสได้ไปเห็นเมืองต่างๆทั่วโลก ตั้งใจไว้หลายครั้งแล้วว่า อยากเขียนมาเล่าให้คนอื่นๆฟังบ้าง เอาสาระมั่ง เอาฮามั่ง เพราะลูกเรือ เราไป Lay over แต่ละครั้ง ก้อได้อย่างมากสุด สองวัน สามวัน ต่อเมืองนึง ก้อมีเรื่องเขียนมั่งแหละ ไม่น้อยเกิน ไม่ยาวซะเบื่อ สองปีผ่านไป ยังไม่มีอะไรโผล่มาจากหัวลงกระดาษซักเรื่อง ปีใหม่ 2552 นี้แหละ จะตั้งใจจริงซะที  เอาวะ อย่างน้อย ปีๆนึงผ่านไป ได้ทำอะไรที่ตั้งใจสำเร็จซักทีเนอะ เพื่อนๆร่วมบอร์ด มาช่วยติดตามและคอมเม้นกันด้วยนะคะ   จะเริ่มละนะ อ๊ะ.....เห็นใครยกมือขึ้น ถามไรคะ......อ๋อ......ทำไมถึงอยากเขียน ก้อเพราะเป็นสจี (สจ๊วตสาวน่ะค่ะ เรียก สจี) เนี๊ย หลายคนถามกันเหลือเกินว่า เลิกไปแล้ว จะทำอะไรอีก เออ...เราเอง ก้อยังตอบไม่ได้เนอะ เผอิญป็นประเภทชอบมีความสุขไปวันๆนึง โดยสันดานเนี่ย ชอบเที่ยวมาก พอตารางบินออก เพื่อนบางคน ชีรีบแจ้นไปคอม หาแหล่งตื่นตาตื่นใจ แหม ตื่นตาของแต่ละคนนี่ มันก้อหลากหลายเนอะ บางคน ตื่นตาเพราะเห็นเมือง ตื่นตาเพราะเห็นเงินที่จะได้ บางคน ตื่นใจเพราะได้เวลาถอยหลุย พราด้า กุชชี่ แล้ว....รอได้ไปชอปมานานแล้ว......บางคน ตื่นใจเพราะจะได้เห็นของใหญ่ๆ  บางคน กรูได้เมาแล้ว อีกหลายคน กรูจะได้ไปหากิ๊กกรู อีกคน ไปหากิ๊กใหม่ อูย......สุดแต่จะพรรณนา แต่ของเดี๊ยนเนี่ย ตื่นอยู่สองอย่าง... ตื่นเมือง (เพราะอยู่บ้านนอก?.... บ้า เค้าเกิดที่ กท. จ๊ะ  ....ตื่นเมืองเพราะจะได้เห็นเมืองสวยๆ กับสิ่งที่ไม่เคยเห็นต่างหาก) กะตื่นเงิน..... เงินที่กำลังจะต้องเสียไปน่ะ แต่เสียเงินเรื่องเที่ยวน่ะ เดี๊ยนสู้ตายค่ะ ดีกว่าเสียเงินไปเพราะผู้ชายเลวๆ จิงมะคะ...   แล้วไงต่อล่ะ ก้อเลยวางแผนเที่ยวน่ะสิ พร้อมประเมินเงินที่จะต้องแลก ออกจากรร.กี่โมง  ไปไหน อะไรยังงัย...อูยยย....แม่ลิสต์ลงมาหมด จนเพื่อนที่ไปบินด้วยกัน แค่เดินตามและจ่ายเงินตามเดี๊ยนเท่านั้นแหละค่ะ ก้อได้เห็นสิ่งสวยงามสมใจ เลยมาค้นพบตัวเองค่ะว่า อยากเป็นไกด์ค่ะ......ค่ะใช่ค่ะ  ...ไกด์สาว ทัวร์สวาท...ว๊าย.......ผิดประเภทค่ะ เดี๊ยนพาไปชมเมืองอย่างเดียว ชมอย่างอื่น ต้องไปกันเองนะคะ .....   เนี่ยแหละค่ะ เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เดี๊ยนลองเขียนบล๊อกขึ้นมาซักอัน พาเพื่อนๆไปเที่ยวน่ะค่ะ เอาสาระและฮาแตกปนๆกันไป แบบไม่เครียดน่ะค่ะ เพื่อนๆว่า จากสองสามย่อหน้าที่เกริ่นมานี่ สไตล์การเขียนของเดี๊ยน จะไปรอดมะคะ ..........ยังไม่ถามว่า จะเป็นไกด์รอดมั๊ยนะคะ เพราะ ต้องตัดสินเดี๊ยน จากการอ่านจบตอนพาชมปารีสนะคะ พร้อมกับตัดสินความสวยของเดี๊ยนไปด้วย ในขณะเดียวกัน อิอิ....   เอาล่ะค่ะ ได้ฤกษ์เริ่มซักที อะ.....เดี๊ยนบินมาแล้วสองปีนะคะ ไปยุโรปมาทั่วละ มานั่งคิด เอ.....จะเริ่มจากเมืองไหนดีน๊า.....ทำไมถึงเลือกปารีสน่ะเหรอคะ.....ก้อเพราะจากความชอบของเดี๊ยนไงคะ ในบรรดาเมืองยุโรปที่สายการบินเดี๊ยนบินไปถึง ถ้าพูดเรื่อง ความงามของเมืองแล้วล่ะก้อ ไม่มีที่ใดเทียบ ปารีส อย่างแน่นอนค่ะ เดี๊ยนเลยเอาปารีสนี่แหละวะ ขึ้นเป็น เรื่องแรก..........   สองปีที่เดี๊ยนบินมา ไปปารีสมา สองครั้งค่ะ .............ว๊าย.........พูดไปอายเค้านะคะ นังเอ ตัวอิจฉาของดิชั้น พูด: ไปมาสองครั้งเอง??   สจีสาว:                          ใช่ค่ะ นังเอ ตัวอิจฉาของดิชั้น :      แต่ละครั้งอยู่กี่วันคะน้อง........ สจีสาว:                                   วันเดียวค่ะพี่ นังเอ ตัวอิจฉาของดิชั้น :      อูยย..........ยังมีหนังหน้ากล้ามาเขียนนะคะ   แหม พี่ขา......ก้อหนูบอกแล้วว่า หนูจะเขียนแต่ละครั้งที่ไป แบบสั้นๆ คนอ่านเค้าจะได้ไม่เบื่อ มาคอยติดตามว่า หนูจะได้ไปไหนต่อไงคะ แหม วันเดียว เที่ยวไม่ทั่ว แต่ก้อเที่ยวได้ชิมิแคะ เชื่อเดี๊ยนเหอะค่ะ ว่า วันเดียว เดี๊ยนพาคุณไปได้หลายที่แน่นอนค่ะ ตามมาสิคะ   ครั้งแรกของเดี๊ยน ที่เห็น CDG อยู่ในตารางบิน อูยยย...........กี๊ดดดด.........บ้านแทบแตกค่ะ เพราะอยากไปมานานแล้ว โน่น....เมื่อปี 07 โน่นค่ะ เดือนเมษายน ฤดูใบไม้ผลิ หนสองล่อไปปี 08 ค่ะ ปลายเดือน พฤศจิกายนค่ะ ห่างกันนานมะล่ะค่ะ หนแรกนี่ อยู่ปารีสแบบแป๊บเดียวค่ะ ต้องว่าแค่ค้างคืน ถึงจะถูก ภาษาแอร์เค้าว่า ไปดมหมอนแล้วกลับบ้านค่ะ แต่เดี๊ยนก้อสู้ตายค่ะ ลงเครื่องตอนบ่ายสามปุ๊บ เข้ารร. เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกเลยค่ะ รร.ไม่ได้อยู่ในเมืองนะคะ รร.อยู่ในสนามบิน!!!! ............ใช่ค่ะSheraton Airport Hotel เปิดหน้าต่างมา เครื่องบินเต็มเลยค่ะ  แก้ผ้าไม่ได้นะคะ เดี๋ยวเครื่องบินตก ความสวยมันยิงไปไกล เดี๋ยวนักบินเค้าจะมองความสวยของเดี๊ยนจนลืมบังคับค่ะ เอ...รึว่า เค้าตกใจเพราะเห็นของแปลกก้อมิทราบนะคะ อิอิ......จากรร. ต้องนั่ง รถไฟเข้าเมืองอีกเป็น ชม. เสียตัง 18 ยูโรค่ะ ซื้อตั๋ววันไปเลย  ตอนนั้น มันฤดูใบไม้ผลิงะคะ พระอาทิตย์ตกตอนสองทุ่มสามทุ่ม มีเวลาถ่ายรูปค่ะ เดี๊ยนเลยตัดสินใจลุย.....   งั้น ตกลง ปารีสตอนนี้ เดี๊ยนเอาสองครั้งมารวมกันเลยนะคะ โอเคนะคะ..... จากคุณ : PRESTO - [ 17 ม.ค. 52 22:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มกันเลยดีก่า ก่อนอื่น ถ้าใครไปเที่ยวเอง มีแผนที่กะหนังสือนำเที่ยวเป็นหัวหน้าทัวร์ แบบเดี๊ยน เวลาขึ้นรถไฟเข้าเมือง มันจะเป็นงี้ค่ะ จากสนามบิน ทุกขบวนจะผ่านปารีสหมดค่ะ สถานี หลักๆในปารีสคือ Gare du Nord แล้วจะไปสถานที่เที่ยวไหนอีก ก้อเปลี่ยนเป็น Metro ไปลงที่ใกล้ที่สุดของสถานที่นั้นๆค่ะ  แต่ขบวนที่ออกก่อนอาจจะไปถึงช้ ก่าขบวนที่ออกช้า เพราะมันอาจจะจอดทุกสถานีเป็นหวานเย็นงะคะ  วิธีดูคือ ที่ชานชาลา จะมีป้ายบอกสถานีต่างๆทุกสถานี ลิสต์ลงมาเลย แล้วจุดขาวๆ ที่โผล่มาหน้าชื่อสถานี บอกว่า ขบวนนี้จะจอดที่สถานีนั้นๆค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้ามองไป เห็นขาวพรืด แสดงว่า ห้ามขึ้นนะคะ อันนี้ หวานเย็น จอดทุกป้ายค่ะ กว่าจะถึงเป็นชม.ค่ะ  เอาที่มีขาวประปรายค่ะ ค่อยขึ้น ไม่ต้องห่วงค่ะ ทุกขบวนจอดที่ Gare du Nord  ครึ่งชม. ถึงเลยค่ะ แซงหน้าอีขบวนที่ออกก่อน เตรียมยิ้มเยาะไว้เลยค่ะ 5555   ว๊ายยย............เม๊าเพลินค่ะ เกือบเลยสถานี เรามาลงที่ สถานี Cite นะคะ  โผล่หนังหน้าขึ้นมาเจอแสงอาทิตย์ ว๊าย.............ผิวเดี๊ยนจะไหม้ค่ะ......บ้า.......คนนะคะ ไม่ใช่ผีแวมไพร์ ..........เอาล่ะค่ะ ที่อยู่ตรงหน้าของเราคือ มหาวิหาร โนตทร์ ดาม เดอ ปารีส์ค่ะ ที่ต้องบอกว่า เดอ ปารีส์ เพราะ โนตทร์ ดาม มีหลายที่หลายเมืองนะคะ ระบุให้ชัดเจนว่า ที่เมืองปารีสค่ะ  เราเดินข้ามสะพานมาสู่เกาะ ซิเต้ อ๊ะ......อะไรนะคะ........อ๋อ ...อยากถ่ายรูปกันเหอคะโอเคค่ะ เดี๊ยนอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ก่อน ระหว่างนี้ ฟังเดี๊ยนเม๊าไปพลางๆนะคะ   เกาะซิเต้นี่ เป็นเกาะอยู่กลางลำน้ำแซนน์ค่ะ เป็นจุดเริ่มต้นของมหานครปารีสแห่งนี้ค่ะ จึงมีสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่มากมาย ทั้งวิหารที่เรากะลังจะเข้าไปเยือน รวมทั้ง ปาเล เดอ จูสตีส (Palais de Justice) ที่เป็นปราสาทของราชวงศ์เก่าแก่ของฝรั่งเศส กาเปเตียง   บุคคลแรก ที่เข้ามาตั้งรกรากตามประวัติศาสตร์เนี่ย คือชาวประมงค่ะ เผ่ากอล ชื่อ ปารีซีย์ค่ะ แล้วโรมันก้อแผ่อำนาจเข้ามา ต่อมาอยู่เป็นเมืองชื่อ ลูเตเตีย ผสมผสานกันเป็นเอกลักษณ์เรื่อยมา   เรียบร้อยนะคะ.....โอเคค่ะ ไปต่อกัน อูย.....คนเยอะนะคะเนี่ย  จากลานหน้าวิหารเนี่ย เพื่อนๆจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของวิหาร ประตูบานเบ่อเร่อ เล่นเอาคน เหลือตัวเท่ามด ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าทั้งหมด จะเป็นฝีมือมนุษย์ มหาวิหารนี้ เริ่มการก่อสร้างตั้งแต่คริสศตวรรษที่ 12-13 ปัจจุบัน คริสศตวรรษที่ 21 อายุของตึกนี้ จึงร่วม 800 ปี!!! ที่อยู่ข้างหน้าเราเนี่ยค่ะ.........   มหาวิหาร ตกแต่งด้วยศิลปะโกธิค เพราะลวดลายการตกแต่งที่มียอดแหลม  ศิลปะโกธิคของวิหารนี่ ถือว่าชั้นยอดนะคะ ที่นี่ เป็นสถานที่จัดงานครั้งสำคัญหลายต่อหลายหนมาแต่โบราณ  ครั้งสำคัญคือ งานบรมราชภิเษกของนโปเลี่ยน ที่ทรงสวมมงกุฏพระองค์เอง แทนที่จะเป็นสมเด็จพระสังฆราช เพราะท่านไม่ยอมรับนโปเลี่ยน รูปนี้ ตั้งอยู่ที่ พระราชวังแวร์ซายน์ (พลิกไปดูรูปได้) นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประกาศอิสรภาพของกรุงปารีสโดยนายพล ชาลส์ เดอ โกล ชื่อของท่าน กลายเป็นชื่อที่สจีสาวอย่างเดี๊ยน อยากให้มาเยือนในตารางบินบ่อยๆค่ะ CDG = Charles de Gaulle ชื่อสนามบินไงคะ   มองจากหน้าวิหาร จะเห็นหอคอยสูงขึ้นมาทั้งสองด้าน (พลิกไปดูรูปประกอบได้นะคะ)  นั่นคือ หอระฆังค่ะ เหง่งหง่างหนักถึง 16 ตันค๊า.......... ไปแขวนอยู่ได้ยังงัยเนี่ย  ยังไม่พอ ยอดแหลม ตรงกลางวิหารสูงถึง 82 เมตร คิดดูสิคะว่า เมื่อตอนสร้าง วิทยาการยังไม่ก้าวหน้าเหมือนเดี๋ยวนี้ ต้องนั่งห้างไปสร้างกันปีๆ ถ้าไม่ได้สร้างเพื่อถวายพระเจ้า ก้อคงเลิกกันไปนานแล้วค่ะ อ๊ะ ...ลืมบอกไปค่ะว่า ระฆังนี้ ชื่อ บูร์ดงค่ะ   มาเข้าไปข้างในกัน  อูย.....เย็นวูบเชียวนะคะ เพราะอยู่ในที่มืดและวิหารสร้างด้วยหิน แสงที่เข้ามาในวิหารมีเพียง แสงอาทิตย์จากกระจกสี เก่าแก่ มีชื่อเสียงมากนะคะ อันกลมๆน่ะค่ะ เค้าเรียกว่า Rose Window เส้นผ่านศูนย์กลาง 9 เมตร!!!! ถ้ามองจากข้างหน้าวิหาร จะเห็นรูปสลักพระแม่มารี  ประทับอยู่บนระเบียง กระจกนี้ สร้างให้เป็นรัศมีของพระนางค่ะ   ภายในวิหาร มองตรงไป จะเห็นแท่นบูชากลาง ผนังทั้งสองด้านของวิหาร จากประตูถึงแท่นบูชา เป็น Chapelค่ะ หรือ ห้องสวดมนต์ ซอยเป็นห้องๆ รวม 29 ห้องค่ะ  นักท่องเที่ยวบางท่านก้อจะไม่รู้ว่า  ในวิหารนี้ มีสิ่งน่าชมอีกอย่างคือ Tresor หรือพระคลังของวิหาร ค่ะ เสียตังอีก 2 ยูโร เข้าไปเหอะค่ะ ไปดูกัน   ข้างในมีเครื่องทอง เครื่องเงิน ลงยา ประดับเพชรพลอยมากมาย รวมทั้งเสื้อคลุมของพระสันตปาปา และพระคาร์ดินัล  ประดับดิ้นเงินและทอง (ดูรูปได้เลย)       เดินกันทั่วแล้ว ถ่ายรูปกันจุใจแล้ว ก้อได้เวลาไปชมที่อื่นกันค่ะ เดี๊ยนจะพาคุณๆ นั่งMetro ไปลงที่ สถานี Charles de Gaulle Etoile จะมีทางออกหลายทางค่ะ ดูให้ดี เราจะขึ้นไปทางออกที่บอกว่า  L’arc de Triomphe แปลว่าอะไรน่ะหรือคะ ตามมาสิคะ เดี๋ยวก้อรู้เอง   โผล่หน้าขึ้นมาจะจ๊ะเอ๋กับ เอ...อะไรอ่ะ โค้งๆๆๆ อ๋อ......เราอยู่กลางประตูชัยนี่เอง....อ๊ะ วันนี้ เค้ามีอะไรกันน่ะ ทหารถือพวงหรีดเต็มเลย อ๋อ..........วันนี้ เค้ามาสดุดีทหารนิรนามที่ถูกฝังอยู่ใต้คบเพลิงในประตูชัยนี่ค่ะ ส่วนประตูนี้ สร้างเมื่อปี 1836 ให้แก่ทหารที่ร่วมรบกับนโปเลียน เพื่อขยายจักรวรรดิไงคะ   อะ.....ถ่ายรูปกันนะคะ  เสร็จยัง.............รีบตามมาค่ะ ด่วน...........พระอาทิตย์จะตกแร๊วววว............   เผอิญว่า เดี๊ยนมีออร์เดอร์หลุยอยู่ชิ้นสองชิ้นนะคะ ขอแว๊บไปชอบร้านหลุย ณ ถนนที่ลือชื่อสุดในโลก ชอง เซลิเซ่ค่ะ ท่านผู้อ่านก้อถือโอกาสพักสายตาซักครู่นะคะ   เอาล่ะค่ะ.........เราจะลงรถไฟไปต่อ ลงที่สถานีชื่อ Trecadero โผล่หัวขึ้นมา จะเห็น ตึก ขาวๆๆ มีตุ๊กตาทองเป็นตัวๆๆ วางตามระเบียง ที่นี่คือ ปาเล เดอ ชายโย (Palais de Chaillot) เบื้องหน้าเรา คือ.....แหม รีบหยิบกล้องถ่ายรูปกันใหญ่เลยนะคะ.........ใช่ค่ะ........ สัญลักษณ์ของกรุงปารีส...........หอไอเฟลค่ะ...   ที่เดี๊ยนพาทุกท่านมาลงที่สถานีนี้ เพราะ เป็นมุมที่สวยที่สุดของการชมหอไอเฟลค่ะ เป็นเนินเขา เดินลงบันไดมาเรื่อยๆ เอ๊า.........ระมัดระวังกันนะคะ.....อย่ามัวแต่ถ่ายรูป เดี๋ยวตกกระได กระดูกกระเดี๊ยวหัก มะ เดินเข้าไปใกล้ๆหอไปเฟลกัน โหย.....ยิ่งเข้าใกล้ หอก้อยิ่งสูงๆๆๆๆๆๆขึ้น ต๊าย................300 เมตรค่ะท่าน ความสูงของหอนี้ สร้างเฉพาะงาน Universal Exhibition 1889 แล้วจะรื้อออกค่ะ แม้จะโดนขี้ปากนักศิลปะ แต่ชาวบ้านชอบ ยิ่งตอน กุสตาฟ ไอเฟล เอาธงชาติไปติดบนยอดหอ ชาวบ้านยิ่งโห่ร้องให้เก็บเอาไว้ ไม่ให้รื้อ ถกเถียงกันมานานค่ะ รัฐบาลเอาไว้ใช้เป็นที่สถานีรับส่งสัญญาณและเก็บเอาไว้จนบัดนี้ค่ะ   ต๊ายตาย.........เป็นสจีอย่างเดี๊ยนนี่ก้อดีอย่างนี้แหละเนอะ เมื่อวาน ซดโซบะที่โอซาก้า วันนี้ มาชมพระอาทิตย์ตกดินที่ปารีส มะรืนอาบแดดที่มัลดีฟ อิอิอิ...............อย่าหมั่นเดี๊ยนนะคะ แหม.....ก้อพูดให้อิจฉาเล่นนิดๆหน่อยๆ อิอิ......   โอเคค่ะ มืดแล้ว เริ่มหนาวแล้วนะคะ เอาผ้าพันคออกมาใส่กันเร็ว ถุงมงถุงมือด้วย เดินตามเดี๊ยนมานะคะ อย่าหลง เดี๊ยนจะพาลัดเลาะชมเมืองปารีสยามค่ำคืนค่ะ   เราก้อเดินมาสุดถนนแล้ว เลี้ยวซ้ายค่ะ เลาะมาที่ Les Invalides ค่ะ ที่นี่ พระเจ้าหลุยที่ 14 ทรงสร้างเป็นที่พักของทหารพิการ เดี๋ยวนี้ เป็นอาคารกว้างใหญ่ สวยงาม เป็นโดมทรงแหลม ใช้เป็นที่จัดแสดงและพิพิธภัณฑ์ทางการทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ ภายใน คือสุสานของพระเจ้านโปเลียน โลงพระศพหุ้มทองคำหนัก 11,818 กิโลกรัม !!!!  เอาไว้งวดหน้าจะพามาชมข้างในนะคะ  เพราะวันนี้ ปิดแล้ว   อูยยยย..........เห็นในแผนที่ มันใกล้ๆ เดินเอาเข้าจิง ขาลากเหมือนกันนะคะ สจีสาว ขาใหญ่เป็นโต๊ะสนุ๊กไม่ได้นะคะ เดี๋ยวนุ่งสั้นไม่สวย ขออนุญาต ลงเมโทรนะคะ ลงที่ La Tour Maubourge ขึ้นที่ Palais Royal ค่ะ ขึ้นมาปุ๊บ ว๊าย..........สวยจังเลย แหม ฮือฮากันใหญ่นะคะ ก้อแหม พระราชวังลูฟวร์นี่คะ   ลูฟวร์ เป็นที่ประทับของกษัตริย์มาจนถึงปี 1793 ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สะสมของโบราณตั้งแต่สมัยอิยิปต์ จนถึงภาพวาดสมัยเรเนสซอง ที่มีชื่อเสียงก้องโลกคือ รอยยิ้มพิศวง........... ต๊ายตาย เดี๊ยนก้อเรียกซะ...... แหมเก๋ดีออก รูปโมนาลิซ่า หรือฝรั่งเศสเรียก โชกงด์( Joconde)   ลูฟวร์เปิดทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร 9am-6pm วันพุธและศุกร์ ถึง 10 pm ค่ะ ซึ่งเดี๊ยนมาไม่ตรงกับวันพุธและศุกร์ เลยอดไป ตอนนี้.... ปิดแล้วค่ะ   เพื่อนๆทุกท่าน อาจจะเห็นสิ่งก่อสร้างประหลาดตา พีระมิดแก้วงะคะ เค้าสร้างขึ้นเพื่อนกระจายแสงอาทิตย์ สู่อาคารรอบด้าน รวมถึงบริเวณที่อยู่ใต้พีระมิดด้วยค่ะ แถมยังเป็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์อีกทาง คนสร้างเป็นชาวอเมริกันเชื่อสายจีนค่ะ ชื่อ I.M. Pei   เอาล่ะค่ะ วันนี้ ก้อเหนื่อยกันมามากแล้ว เดินกันมาเยอะแล้วนะคะ ตอนนี้ เดี๊ยนก้อขาลากแล้วค่ะ เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ได้เวลากลับกันแล้วเนอะ อะ......เราชมวิวข้างลำน้ำแซนน์ดีก่า (พลิกไปดูรูปได้นะคะ) ระหว่างทางกลับไปสถานีเมโทร ซิเต้ เพื่อกลับรร. ไปนอนกันเถอะเน๊อ.......... จากคุณ : PRESTO - [ 17 ม.ค. 52 22:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอาล่ะค่ะ ปารีสในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้บาน สวยงาม พักสายตาซักครู่นะคะ แล้วไปเที่ยวปารีสต่อกะสจีสาว ในฤดูหนาว ปลายเดือน พย. ปี 08 กันต่อค่ะ   พร้อมรึยังค๊า...............   วันที่ 20 พฤศจิกายน 2008 ต๊ายยยยย...........เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของสายการบิน ระหว่างที่เดี๊ยนไม่ได้มาปารีสค่ะ เค้าย้ายจากรร.เดิมที่สนามบิน มาใกล้เมืองเข้ามาอีกนึ๊ดดดดดดด.........นึ๊ดเดียวจิงๆค่ะ เพราะห่างจากสนามบินแค่ รถไฟป้ายเดียวเองค๊า..........ห่วย.........อยู่ในเมืองเหมือนสายการบินบางสายก้อไม่ได้เนอะ  จะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้นงะคะ....งวดนี้ เราย้ายมาอยู่ที่ Hilton Paris ค่ะ   ต๊าย.............เครื่องแลนด์ตอนหกโมงเย็นกว่าๆ ฤดูหนาวอย่างนี้ มืดตั้งแต่สี่โมงห้าโมงเย็นแล้วค่ะ เดี๋ยนเลยนอนอยู่รร. เก็บแรงไว้เพื่อพรุ่งนี้ ซึ่งว่างหนึ่งวันเต็ม เดี๊ยนจะพาทุกท่านไปชม พระราชวังที่หรูหราที่สุดในโลกค่ะ............ราชสำนัก แวร์ซายย์ วันนี้ก้อนอนและพักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ กลางดึก..................................... กรึ๊ดดดดดดดดดดดด.........................เป็นอะไรค๊า.................ผีหลอก?........................ป่าวค่ะ เดี๊ยนเกิดอาการปวดหัวข้างเดียวค่ะ ไมเกรนกำเริบค่ะ ท่านผู้ชม ไม่ได้ค่ะ ต้องพยายามข่มตาหลับ เพื่อแวร์ซายย์วันพรุ่งนี้...............   ดึกขึ้นมาอีก................................ กรึ๊ดดดดดดดดดดดดดด................นอนไม่หลับค่ะ ปวดหัวไม่หายค่ะ.................ตายแล้ว ทำไงดี เอายามากินสิ .........ว๊ายยยย..............ลืมเอามาอีกค่ะ ตื่นเต้นจัด ทำไฟลท์มาปารีส วางลืมไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ........ไม่เป็นไร พยายามข่มตาหลับ เดี๋ยวก้อหลับเองแหละ.............   ดึกที่สุดของคืนนั้น กรึ๊ดดดดดดดด........เดี๊ยนนอนไม่หลับค่ะ นัดเจอกะแอร์สาวไทยอีกสองนาง ตอน 0550 ทำไงดีคะ .................   05.00 หลับ 05.45 สะดุ้งตื่นค่ะ.............กรึ๊ด..........รีบคว้าโทสับ โทรหาว่า วันนี้ขอเลื่อนเวลาเป็น 06.15 แทนค่ะ ไม่มีคนทั้งสองห้องค่ะ ต๊าย...........ทำไมตรงเวลากันน๊ากก.......... เดี๊ยนรีบแก้ผ้าเปลี่ยนชุดจะลงไปหาที่ล๊อบบี้ ต๊ายย....ไม่ทันอยู่ดี ห้านาที คนนะคะ ไม่ใช่เซเลอร์มูน.....จะได้แปลงร่างกันแป๊บๆ เดี๊ยนเลยรีบแต่งให้ไวที่สุด จนเพื่อนโทมาจิกค่ะ ค่อยอธิบาย........   ขอโทษขอโพยกันเรียบร้อย เดี๊ยนยังปวดหัวอยู่เลยค่ะ ฝนก้อมาตกอีก อูย......ทำไมจะต้องเป็นปารีสวันที่ชั้นมาด้วยนะ...........ขึ้นรถไฟ ไปลงที่ Cite ค่ะ แล้วเปลี่ยนสายไปลงที่ Chateau de Versailles  สุดสถานีค่ะ   อากาศวันนี้ หนาว และฝนตกค่ะ มืดครึ้มไปหมด ต้องเดินต่อนะคะ อีกหน่อยเดียว อูย...........ฝนเทลงมาโครมๆๆ ร่มก้อเอามาอยู่คันเดียวค่ะ เบียดกันสามนาง.......ลำบากมากค่ะท่าน จะคอยให้ฝนหยุดตกก้อไม่ได้นะคะ เดี๋ยวแวร์ซายย์คนจะเยอะ ดูได้ไม่เต็มตาค่ะ.........ไปถึงหน้าแวร์ซายย์ ตรงประตูสแกนกระเป๋าเวลา เจ็ดโมงเช้าค่ะ ยังไม่เปิดเลยค่ะ แอร์สอง สจีหนึ่ง นั่งบิดน้ำออกจากผ้าพันคอ แขวนตากตรงราวประตูค่ะ งามมะล่ะคะ เครื่องสำอางค์ละลายหมดแล้ว กี๊ด...........ความจิงจะบังเกิดกับหนังหน้าของเดี๊ยนแล้วค๊า............   อ๊ะๆๆ..........มีการ์ดมาเปิดประตูแล้ว อูย........คุณขา...........จะไปเที่ยวแวร์ซายย์ต้องมาต่อคิวเช้าๆอย่างนี้นะคะ ไม่งั้นคนบานตะไท เนี่ย ยิ่งตอนอยู่ในแวร์ซายย์ด้วยแล้ว เบียดเสียดกัน ถ่ายรูปแทบจะไม่ได้นะคะคุณผู้ชม   เอาล่ะค่ะ เดี๊ยนจะพาทุกท่าน ย้อนไปสู่ ราชสำนักที่หรูหรา รื่นเริง ที่สุดในยุโรป .....พร้อมรึยังคะ.....   ก้าวไปกะเดี๊ยนเลยค่ะ.........วันนี้มีนิทรรศการร่วมสมัย เป็นเครื่องเซรามิคค่ะ มาจัดวางอยู่ด้วย เลยออกจะขวางอารมณ์ราชสำนักของเรานะคะ ก้อ ทำเป็นไม่เห็นมันละกันค่ะ   เมื่อก้าวผ่านประตู จะอยู่ชั้น ground ของพระราชวัง เป็นทางเดินยาวๆๆ มีรูปสลักบุคคลต่างๆ วางเรียงไปทั่ว ผนังเพดานเป็นปูนธรรมดา  ระหว่างเดินนี่ ก้อฟังเดี๊ยนเม๊าไปด้วยนะคะ บิ้วอารมณ์ราชสำนักงะคะ   เดิม ยอดเนินนี้ เป็นปราสาทที่พักล่าสัตว์ชั่วคราวของพระราชวงศ์ ต่อมา พระเจ้าหลุยส์ที่ 14  โปรดที่จะหลีกหนีออกจากกรุงปารีส ที่วุ่นวาย และมีแต่ขุนนางชิงดีชิงเด่นกัน รวมถึงแสดงอำนาจอาจเอื้อม กินใช้หรูหราราวเป็นกษัตริย์ ให้เป็นที่เอือมระอาของพระองค์     ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ดูแลพระคลัง ชื่อ นิโกลัส ฟูเก (Nicolas Fouquet) ใช้อำนาจฉ้อราษฎ์บังหลวงหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง สร้างปราสาท โว เลอ วีกงต์ (Chateau de Vaux-le-Vicomte)  อันหรูหราด้วยสถาปนิกชั้นเอก นักออกแบบสวนชั้นยอดของยุคมาตกแต่ง แถมยังกระแทกหน้าพระราชาด้วยการจัดงานเปิดตัวปราสาทใหม่ในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระเจ้าหลุยส์ด้วย ฟูเก เชิญพระเจ้าหลุยส์และขุนนางทุกคนมางาน จัดดนตรี ระบำม้า น้ำพุ ตื่นตาตื่นใจผู้มาเยี่ยมชมนัก แต่พระเจ้าหลุยส์ทรงเคืองมาก สิ้นสุดงาน  ฟูเกโดนลากเข้าคุกตามระเบียบ ด้วยข้อหายักยอกพระราชทรัพย์ จากนั้น พระเจ้าหลุยส์ ทรงเลือกปราสาทเล็กๆ ที่พำนึกล่าสัตว์ มาสร้างเป็นพระราชวังเพื่อสยบความผยองของขุนนางทุกคน ให้สาสมกับความหมั่นไส้ ทั้งเนื้อที่และตัวปราสาทที่ยิ่งใหญ่ หรูหรา เหนือปราสาทใดๆทั้งหมด ชื่อ แวร์ซายย์   นอกจากจะถูกตกแต่งให้หรูหราสมเป็นราชสำนักใหม่แล้ว ทรงตั้งกฏระเบียบใหม่ด้วย เพื่อกดอำนาจของขุนนางทุกคนลงใต้พระบาท  โลโก้ของราชสำนักหลุยส์คือ พระพักตร์ของพระองค์และรัศมีของแสงอาทิตย์รอบพระพักตร์นั้น ทรงเรียกตัวเองว่า สุริยกษัตริย์ ทรงเป็นศูนย์กลางที่ทุกคนต้องสยบ ด้วยประโยคที่พระองค์ตรัส “รัฐนั้น คือ ฉันเอง”  ...................เริ่ดเนอะ   ทุกวัน ใช้พ่อครัวปรุงอาหารถึง 500 คน !!!  และมหาดเล็กถวายงานเฉพาะพระองค์เดียวถึง 4000 นาย ขุนนาง เป็นแค่เพียงผู้ถวายรายงาน จัดฉลองพระองค์ และสั่งพ่อครัว “เชิญเครื่องเสวย” เท่านั้น ต๊าย..........   พอจะเห็นความอลังการของราชสำนักแห่งใหม่นี้ได้รึยังคะ เอาละ  เดินมาสุดทางพอดี เข้าประตูซ้ายค่ะทุกท่าน เดินขึ้นบันไดไปเลยค่ะ แล้วเดินมากะเดี๊ยนต่ออีกหน่อย จะเจอประตูบานนึง หยุดรอเดี๊ยนนะคะ   ทุกท่านคะ ...........และนาทีนี้ก้อมาถึง หลังประตูบานนี้ คือกลิ่นไอแห่งความหรูหราที่ทุกท่านจะต้องตื่นตะลึง  แอ๊ด.................เข้ามาเลยค่ะ   ทองอร่ามเลยใช่มะคะ (เปิดดูรูปได้เลยค่ะ) ทั้งเพดาน ทั้งผนัง ลงทองหมด ที่ว่าง เป็นวาดเฟรสโก้ ลงหินอ่อน เพดานแต่ละห้อง ก้อจะวางฟอร์มไม่เหมือนกันด้วยนะคะ เป็นเฉพาะห้องๆไป  เปิดภาพไปชมกันค่ะ เพราะเดี๊ยนคงบรรยายความเว่อของพระราชวังไม่ไหว   เดินไปกันทีละห้องเลยนะคะ อูย......นักท่องเที่ยวเริ่มจะเยอะกันแล้ว จากคุณ : PRESTO - [ 17 ม.ค. 52 22:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เอาล่ะคะ มาถึงห้องที่สวยที่สุดห้องนึงของปราสาท เป็นห้องที่ยาว...........ติดกระจก ตรงกับหน้าต่าง ห้องนี้คือ  Hall of Mirror ค่ะ เค้าติดกระจกตรงกับหน้าต่าง เพราะ เวลานั่งโต๊ะทานอาหาร คนที่นั่งหันหน้าเข้าผนัง ก้อจะได้เห็นสวนข้างนอกจากเงากระจกไงคะ แล้วกระจกก้อยังช่วยสะท้อนแสงเทียนด้วย จากรูป ดูสิคะ ว่า คืนๆนึง ต้องใช้เทียนกี่พันเล่ม ต้องจ้างพนักงานวางเทียนบนเชิงเทียน และโคมระย้าต่างหากเลยนะคะ   ด้านหลังห้องนี้ เป็นห้องอีกสองห้องที่สวยมากๆ ตามมาดูกันเลยค่ะ ห้องแรกคือ ห้องบรรทมของพระเจ้าหลุยส์ค่ะ ที่อยู่ตรงกลางของพระราชวังพอดี ห้อมล้อมไปด้วยทอง ติดกันคือ ห้องบรรทมของพระราชินีค่ะ เจ้าของสุดท้ายคือ สตรี ผู้โด่งดังที่สุด ใครคะ ในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส........ก้อพระนางมารี อังตัวเนตต์ไงคะ   แหม ตาค้างกันเลย ......สวยมากค่ะ  เอ๊า ถ่ายรูปกันเลยค่ะ อย่ายั้งนะคะ ฟังเดี๊ยนบรรยายไปด้วยนะคะ   สมัยก่อน ยุโรป ก้อมีราชสำนักอยู่หลายแห่งนะคะ ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี รัสเซีย เยอรมันเอง ก้อมีหลายพระราชวงศ์ค่ะ ทั้งปรัสเซียที่พอร์สดัมใกล้เบอร์ลิน บาวาเรียที่มิวนิค และที่สำคัญอีกพระราชวงศ์นึงคือ ออสเตรียค่ะ คือพระราชวงศ์ฮับสบูรก์ค่ะ  ซึ่งรุ่งเรืองที่สุดในสมัยของ พระนางมาเรีย เทเรซ่า พระนางลูกดกมากๆๆๆ  มีลูกหัวปีท้ายปีเชียวนะคะ คิดดูสิคะ สมัยก่อน มีแต่หมอตำแย ไม่ได้ทำคลอดง่ายๆ การฟื้นตัวก้อต้องใช้เวลานานกว่าปัจจุบัน คนเป็นแม่ลูกดกอย่างงี้ ต้องสุขภาพแข็งแรงมากๆนะคะ  แต่พระนางทรงมีแผนการมากมาย เพื่อขยายจักรวรรดิค่ะ   วิธีนึงของการมีพระธิดามากๆ เพื่อช่วยเรื่องการเมือง เดาสิคะว่าคืออะไร...........ถูกต้องค่ะ..........ส่งลูกสาว ไปแต่งงานกับราชสำนักอื่นไงคะ พระธิดาคนสุดท้อง ชื่อ มาเรีย แอนทัวเนียค่ะ ทรงน่ารัก จิ้มลิ้มมาก พระนางมาเรีย เทเรซ่า ทรงตัดสินพระทัยทันทีว่า ลูกสาวคนนี้ ต้องอยู่ในราชสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ แวร์ซายย์ พระนาม มาเรีย แอนทัวเนีย ถูกเปลี่ยนเป็น มารี อังตัวเนตต์ ตั้งแต่บัดนั้น และต้องถูกส่งไปเรียนภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่เล็กๆด้วย   พอถึงกำหนดส่งตัว ราชสำนักฝรั่งเศสส่งคนมารับที่ชายแดน ตอนนั้น มารี อังตัวเนตต์น่าสงสารมากค่ะ เพราะเหตุผลที่ว่า เจ้าหญิง จะเป็นราชินีของฝรั่งเศส ตั้งแต่บัดนี้ ทุกอย่างที่เป็นฮับสบูรก์จะถูกเอาออกหมด เสื้อผ้าทรงโดนเปลี่ยนที่ชายแดนนั้น เพื่อเป็นแบบแฟชั้นฝรั่งเศส และหมาทรงเลี้ยง ก้อให้ทิ้งไว้ ขุนนางตอบเจ้าหญิงว่า หมาฝรั่งเศส มีให้เลี้ยงถมเถไป.........มาเรีย แอนทัวเนีย ไม่ได้กลับมาราชสำนักออสเตรียอีกเลย...............   ค่ะ..........เมื่อไปถึงราชสำนัก ทรงโดนล้อสำเนียงฝรั่งเศสแบบออสเตรีย การแต่งตัว รวมถึงมารยาทของฮับสบูรก์ทุกอย่าง ทรงโดนกีดกันจากสตรีราชสำนัก เพราะเหตุนี้มั๊ง หลังจาก ทรงหมั้น ทรงแต่งเรียบร้อยแล้ว เจ้าชายหลุยส์ที่ 15 ขึ้นครองเป็นพระเจ้าหลุยส์ มารี อังตัวเนตต์เป็นราชินี จึงทรงแต่งตัวและใช้ชีวิต สยบทุกนางในโลก ปาร์ตี้ ถูกจัดบ่อยแทบทุกคืน ช่างวัดตัวตัดฉลองพระองค์ถวายงานทุกวัน ทรงเปลี่ยนเครื่องแต่งตัววันละสามชุด และซื้อเครื่องเพชรด้วยเงินจากท้องพระคลังอันร่อยหรอ (ชมตุ้มหูและมงกุฎเพชรของพระนางได้ที่ สมิธโซเนียน กรุงวอชิงตันดีซีได้ค่ะ เดี๊ยนไปชมมาแล้ว เดี่ยวว่างๆ เอารูปมาลงให้ดูกันนะคะ) ในช่วงคริสต์มาส ทรงเลื่อนทองกลางหิมะ ท่ามกลางประชาชนที่ยากจน เครื่องเสวยอันอลังการท่ามกลางความอดอยากของราษฏร ปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์ ก้อระบุไม่ได้ว่า พระนางตรัสคำพูดนี้ แก่ประชาชนของพระนางที่ยากไร้จิงๆว่า  “ถ้าไม่มีขนมปังกิน ก้อกินเค้กแทนสิ”     พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เองก้อเอาใจพระนางมาก เพราะแต่งงานกันนานแล้ว ก้อไม่มีลูกด้วยกันซักที จนข่าวลือหนาหูว่า พระเจ้าหลุยส์เป็นหมัน ซึ่งเป็นเรื่องที่มารี อังตัวเนตต์รับไม่ได้ ที่ไม่มีรัชทายาท และกลัวจะมีใจออกห่าง แต่ในที่สุด พระนางก้อมีพระราชธิดา และพระราชโอรส   ประชาชน แหงนหน้ามองหน้าต่างของพระราชา ที่เต็มไปด้วยความฟู่ฟ่า และหันมามองตัวเองที่แบกะดิน จึงโกรธแค้นมาก บุกเข้าพระราชวัง พระเจ้าหลุยส์และพระนางมารี อังตัวเนตต์ หลบหนีออกมาทัน กลับกรุงปารีส พักอยู่ที่ลูฟวร์ ต่อมา ทรงถูกเชิญให้มาอยู่วังแคบๆ ชื่อตุยเลอรี พระราชทรัพย์ทุกอย่าง ตกเป็นของหลวง จนนาทีสุดท้ายแห่งชีวิต เตียงทั้งสองนี้ จึงว่างมา จนบัดนี้   เป็นไงคะ เห็นชีวิตของพระนางกันมาแล้ว พลิกไปดูรูปของพระนางได้นะคะ   เราก้อได้ชม ไฮไลท์ของพระราชวังนี้กันไปแล้ว เรื่อยลงมา ความงามก้อไม่เทียบเท่า จนถึงบันไดทางออกค่ะ ถ้าฤดูร้อน ควรไปเที่ยวสวนนะคะ แล้วเลยไปพระตำหนัก ตริอานง ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และ พระนางมารี อังตัวเนตต์ทรงสร้าง แต่วันนี้ เฉอะแฉะมากค่ะ เดี๊ยนขอพากลับมาชมวันหลังนะคะ   ว๊าย..............เสียงอะไรอ่ะ..............ต๊าย...........ท้องใครร้องคะนั่น.....อะๆๆๆ โอเค ก้อได้ค่ะ ไปหาอะไรทานกัน   ระหว่างเดินทางกลับสถานีรถไฟ ก้อแวะทานอาหารเที่ยงชุดใหญ่ซักมื้อค่ะ   อิ่มกันรึยังคะ ............มะ กลับไปปารีสกันเถอะ เดียนว่า จะพาไปชมลูฟวร์ข้างในค่ะ   ว่าแต่ว่า แอร์นางนึง ชีมีออร์เดอร์กระเป๋าที่ต้องซื้อที่ร้านดิวตี้ ฟรีดัง เจ้าของเป็นคนไทยค่ะ หลายใบซะด้วยสิคะ นี่ก้อบ่ายกว่าแล้ว ชีเลยขอรีบซื้อก่อนค่ะ กลัวจะปิด ไปลงMetro ที่ Palais Royalค่ะ ขึ้นมา ข้ามถนนไปนิดเดียวเอง ก้อถึงร้านที่ว่านี้ เค้าบริการคนไทยดีค่ะ เผอิญว่า ของลงพอดี ยังไม่ได้ตีตราเครื่องกันขโมยน่ะค่ะ คุณเจ๊เจ้าของร้าน ก้อเอามาให้แอร์สาวเพื่อนเดี๊ยนเลือกซื้อค่ะ  คนมันเยอะน่ะค่ะ ในร้าน คนสนใจเป๋ายี่ห้อฝรั่งเศสนี้ก้อเยอะ ก้อเลยมาขอเลือกดูด้วย เจ๊แกด่าลูกค้าค่ะ  มีลูกจีนท่านนึง มาจับๆดู แกด่าว่า No no no no .don’t touch!!! Made in China Don’t touch!!!! ค่ะ เดี๊ยนล่ะ กลัวเจ๊เค้าค่ะ ว่าจะเลือกซักใบสองใบ เลยไม่ได้ซักใบมาเลยค่ะ  เดี๊ยนว่า พูดดีๆกะลูกค้าก้อได้นี่คะ อธิบายว่า ตอนนี้ สต๊อกเพิ่งมาลง ยังไม่พร้อมขาย ก้อว่าไป ไม่ได้มาด่าประชดลูกค้าอย่างนี้.........ไม่ไหวค่ะ...........เดี๊ยนล่ะ เป็นคนนึง ไม่กลับไปร้านชีแน่นอนค่ะ....   โอเค กว่าจะซื้อเสร็จ ก้อเริ่มมืด เดี๊ยนเอง ก้อมีออร์เดอร์หลุยค่ะ เลยกะว่า ถ่ายรูปหน้าลูฟวร์อย่างเดียวพอ ตอนยังมีแสงอาทิตย์เนี่ย แล้วตอนมืดแล้วค่อยกลับมาเข้าไปชมข้างในไงคะ เดี๊ยนลงเมโทรไปลง Charles de Gaulle Etoile เดินย้อนไปชอปหลุยกันนะคะ ทริปนี้เลยออกจะเน้นชอปไปซักหน่อย   ว๊ายยยยยยยยยย..............หลุยรุ่นเดี๊ยนต้องการหมดค่ะ ต้องไปอีกห้างนึง โอเค เราอยู่บน ชองเซลิเซ่ ไหนๆก้อไหนๆละ เดี๊ยนจะพาไปชิมร้านขนมที่เลื่องชื่อมากว่าร้อยปี La Duree ค่ะ ข้างในเป็นร้านตกแต่งสไตล์หลุยส์สวยงาม คนแน่นขนัด ห้ามถ่ายรูปนะคะ เดี๊ยนล่ะ อยากจะถ่ายขนมต่างๆมาให้ชมกันจิงๆ น่ากินไปหมดค่ะ แต่แพงค่ะ เอาโน่น เอานี่ คิดตังค์มา จะพาลแ.....ด......ก ไม่ลงน่ะสิคะ   ตอนนี้ ชอง เซลิเซ่ ประดับประดาไฟรับคริสต์มาสกันสวยงามไปหมดเลยค่ะ ชมรูปกันนะคะ   เดี๊ยนลง Metro ไปห้างดังชื่อ Gallerie La Fayette ค่ะ เพื่อซื้อหลุย แหม....มีออร์เดอร์น่ะค่ะ ไม่ซื้อไม่ได้ (สนใจ ติดต่อได้นะคะ .....อิอิอิ) เอาล่ะค่ะ เสร็จกิจแล้ว ไปลูฟวร์กันดีก่า วันนี้วันพุธค่ะ ลูฟวร์ ปิดสี่ทุ่ม อิอิอิ   ว๊าย..........แหม เพื่อนแอร์สาวเดี๊ยนเพลียน่ะสิคะ แล้วเพื่อนๆล่ะคะ เอาไงดี ............อ๋อ เหนื่อยกันเหมือนกันเหอคะ สงสัยอ่านกันยาว แหม โอเค.........ก้อได้ค่ะ งั้น ลูฟวร์เดี๊ยนติดเอาไว้อีกงวดแล้วกันค่ะ คอยติดตามต่อไปนะคะ จะเก็บให้ทั่วแน่นอนค่ะ   แต่ตอนนี้ เดี๊ยนเองก้อหิวแล้วค่ะ ขอเวลาไปดินเนอร์กัน จิบไวน์นิดๆ เติมรสชาติชีวิตในปารีสก่อนนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่มาทัวร์กับเราครั้งนี้ สจีนางนี้ ขอลาไปก่อน ไว้ครั้งหน้า ติดตามนะคะ จะพาไปที่ไหนดีน๊า............อุ๊บไว้ก่อน เที่ยวสนุกแน่ๆค่ะ   สวัสดีค๊า......................... จากคุณ : PRESTO - [ 17 ม.ค. 52 22:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เสียดาย ชวนดูรูปแต่ไม่มีรูปเนอะ จากคุณ : scottie - [ 18 ม.ค. 52 01:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นผู้ชายอ่า อ่านแล้วเจอเสียงกรี๊ดบ่อย ๆ เล่นเอามึนไปเหมือนกัน หุ ๆ ๆ เดี๋ยวกลับมาอ่านนะครับ อย่าลืมเอารูปมาอวดด้วยละครับ จากคุณ : X RoBiN - [ 19 ม.ค. 52 14:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ว๊ายตาย.......เพิ่งกลับมาจากบินค่ะ อูย........เหนื่อยมากๆๆ ขอบพระคุณนะคะ ที่เข้ามาชม คุณ Scottie และ X Robn คะ สำหรับรูป คลิ๊กที่ รูป เซท ปารีส-พระราชวังแวร์ซายย์ที่ http://cid-7c11d45f3ba38885.spaces.live.com/ ได้เลยค่ะ จะชมเป็น slide show ก้อได้นะคะ หรือเป็นภาพเล็กๆ คลิ๊กขยายใหญ่ก้อได้ ให้ดูมุมซ้ายบน คลิกที่รูปถ่ายค่ะ เดี๊ยนต้องขออภัยที่ ไม่ได้อัพขึ้นกับเนื้อหานะคะ เพราะมีตั้ง 59 ภาพ เกรงว่า จะทำให้ช้าน่ะค่ะ ปล. ถึงคุณ X Robin คะ แหม .....เดี๊ยน ตัวเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงนี่คะ ออกจะกี๊ดเยอะไปหน่อย ไม่เป็นไรนะคะ ครั้งหน้า จะสำรวมจริตจะก้านมากก่านี้ค่ะ ขอบพระคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ อย่าลืมเข้าไปชมภาพนะคะ.............รักทุกท่านนะคะ........ ขอแว๊บไปงีบซักเดี๋ยวนึงค่ะ จากคุณ : PRESTO (PRESTO) - [ 21 ม.ค. 52 22:14:02 ]