Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ท่านหญิงบัลลังก์เลือด : บทที่ 2 ก้าวเดินมาดมุ่ง

    บทที่ 2
    ก้าวเดินมาดมุ่ง

    สายลมแห่งความตาย เปลวเพลิงแห่งความโศกเศร้า เสียงก้าวย่ำเท้าของคนที่ถูกเรียกขานว่าพรรคพวกและเหล่าศัตรูที่ไม่คาดคิด มือที่เคยจับเพียงมีดหั่นเนื้อสัตว์และพืชผักในครัวเรือน ในบัดนี้กำลังเพียรพยายามที่จะกระชับดาบเหล็กมั่นในมือซ้าย  มันหนัก มันเหม็นคาวเลือด  มันชวนเวียนหัวคลื่นไส้อาเจียน แต่เพราะทราบแก่ใจดีว่าหากล้มลงไป ทุกสิ่งที่คนผู้นั้นหมายมาดก็จักพังทลาย จึงทำได้เพียง....กัดฟันฝืนทน

    “ ขนดินปืนไปที่เนินเขา เราต้องล่อพวกศัตรูให้ตามไปที่นั่น!” อาเดอเรีย เอสเตอร์ตะโกนสั่งเหล่าคนแปลกหน้าที่พี่ชายบุญธรรมของนางเรียกว่าพรรคพวก  มันคงมีสาเหตุบางอย่างที่เอเทลไม่ยอมให้คนทั้งหลายเห็นใบหน้าแท้จริงของเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ในเวลานี้เสียหน่อย ต้องตั้งสติ ทำไปตามที่ตนเองคิด  หน้าที่ของนางเวลานี้ย่อมไม่ใช่การเพียรตั้งข้อสงสัยเป็นแน่แท้

    “ นี่คิดจะทำอะไรของท่านน่ะหัวหน้า! จะหนีอย่างนั้นน่ะหรือ!” ชายวัยกลางคนผู้มีเส้นผมสีทองอร่ามถามนางด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว   ดวงตาสีเขียวนั่นจ้องตรงมาทั้งมีคำถาม ทั้งหยั่งเชิงทั้งไม่แน่ใจ อาเดอเรียไม่ต้องนิ่งคิดให้นานนางก็ทราบดีถึงความแคลงใจที่แสดงออกมา เพราะสิ่งที่สะท้อนในดวงตาของคนเหล่านี้ก็คือตัวนาง คงเป็นเพียงเด็กหนุ่มร่างเล็กผู้มีเส้นผมสีดำที่ต้องคำสาปของคนต่างเชื้อชาติ และยิ่งด้วยท่าทีที่จับดาบยังไม่มั่นแบบนี้ คนทุกคนเบื้องหน้าคงคิดสงสัย ว่านางน่ะหรือคือผู้นำที่แท้จริงของพวกเขาไม่มากก็น้อย

    “ ถูกต้อง เราจะหนีไงล่ะ ” ถ้อยคำสั้นๆที่ทำให้ถูกกระชากคอเสื้อขึ้นจนตัวลอย ดวงตาสีดำสนิทของเด็กสาวคนหนึ่งจ้องมองตรงไปเบื้องหน้าอย่างเรียบนิ่ง ทั้งที่ใจเต้นระส่ำ แต่ก็เผชิญสายตาตรงๆกับชายผมทองผู้มีความไหวหวั่นอยู่เต็มอกเฉกเช่นกัน  

    “ นี่คิดอะไรอยู่! พวกเราจะมาสังหารเจ้าเมืองคนใหม่ไม่ใช่รึไงกัน!”

    “ ในเวลานี้น่ะหรือ” ย้อนคำถามที่ทำให้คนสามสี่คน ณ ที่นั้นต้องเงียบเสียงลงเล็กน้อย “ ข้าเป็นผู้ผิดที่ไม่อาจอ่านเกมนี้ของทางการได้ขาด  แต่เรา...ไม่อาจสูญเสียไปมากกว่านี้” ฉับพลันนั้นที่เด็กสาวเหวี่ยงตัวลงมาและทรุดเข่าลงบนพื้นดิน ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ตามสิ่งที่นางหวังไว้ก็มีเพียงให้คนทุกคนรอดไปจากที่นี่ให้ได้มากที่สุดเท่านั้น

    “ ท่านหัวหน้า!!!!”  เสียงร้องเรียกจากคนทั้งสี่คนนั้นดังขึ้น

    “ เมื้อสิ้นภารกิจนี้แล้ว พวกท่านจะตัดศีรษะข้าเซ่นแก่พวกพ้องที่ล้มตายเสียก็ได้ ขอแต่เพียงเพลานี้ ได้โปรดนำทุกคนขึ้นไปเหนือเชิงเขานั่น! และขอจง....ตามข้ามา!”  เปลวเพลิงรุมล้อมเข้ามา พร้อมกับเหล่าคนในขบวนการปลดแอกที่หนีกระเจิดกระเจิงเข้ามาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง  พวกเขามีเวลาไม่มากแล้วที่จะตัดสินใจ  เชื่อมั่นด้วยเพียงศรัทธา หรือหนีจากด้วยเพียงความคลางแคลง

    “ เข้าใจล่ะ...เราจะเชื่อท่าน  ท่านกาเบรียลเพียงแค่ตกใจมากเกินไปหน่อยเท่านั้นล่ะจึงได้ทำตัวไม่สุภาพกับท่านเช่นนั้น  ” โทนี่  ชายหนุ่มผมสีเทาหนึ่งในสี่คนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ห่างพูดขึ้นแก้ตัวให้สหาย

    “ นำทางไปสิ ขอพวกเราเห็นปาฏิหาริย์ของท่านอีกสักครั้งเถอะ” ชายผมทองผู้ถูกเอ่ยนามว่ากาเบรียลกล่าวย้อน สำหรับเด็กสาวแม้จะไม่เข้าใจความนัยของประโยคนั้น แต่นางก็หยัดกายขึ้นด้วยรู้แน่แก่ใจว่า...หากไม่อาจอยู่รอดในคืนนี้ ก็คือตายอย่างไร้ชื่อ

    “ ขอบคุณ” จ้องมองไปเบื้องหน้า ผู้คนที่รายล้อมเข้ามา รอบกายคือผืนป่าที่ติดไฟ  คือคนที่บาดเจ็บ สมาชิกในขบวนการกว่าหกสิบคนที่ตามเข้ามาสมทบ และคนสนิทอีกสี่คนตรงหน้า  “ จัดกองกำลังเป็นสี่ส่วน  พวกท่านทั้งสี่ขอจงนำสิ่งนี้ไปฝังตามทิศที่จะข้าบอกนี้ และขอคนสิบคนมากับข้าส่วนหนึ่ง ”

    “ คิดจะทำอะไรกันขอรับ” ชายผู้สูงวัยที่สุดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเฉกเช่นเคย  เส้นผมสีน้ำตาลของเขาพัดลู่ตามลม ดูนิ่งชา และเฉยเมย คลับคล้ายราชสีห์ที่จ้องมองเหยื่ออย่างเงียบสงัด และเพื่อ...รอคอยบางอย่าง สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้อาเดอเรียต้องชั่งใจอย่างมากในการจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำออกมา

    “ จะสร้างปาฏิหาริย์”  บอกได้...แต่เพียงเท่านี้


    ในอีกทางหนึ่ง ชายผู้หนึ่งกำลังวิ่งวนไปตามแนวไพรที่ติดไฟโหมกระหน่ำ  เขาสั่งให้พวกลูกน้องแยกกระจายกันออกไปเพื่อรอสัญญาณโจมตีตามคำสั่งของเอเทล ฟรีด้า หากแต่ขณะนี้กลับกลายเป็นว่าทุกสิ่งผิดพลาด สหายคนดีของเขาเดินเข้าติดกับของศัตรูเต็มกำลัง   ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตนเองที่ไม่ได้ห้ามปราม แต่ว่าใจอีกครึ่งหนึ่งกลับคิดไปในทางตรงกันข้าม

    “ ถ้าเจ้าผ่านคืนนี้ไปไม่ได้  ทุกอย่างก็จบ ” ซัสบอกกับตนเองยามที่เดินมาถึงทางตัน เมื่อเบื้องหน้าของเขาคือกองทหารของเจ้าเมืองเมราโน่นับสิบนายที่ยืนเรียงพร้อมเผชิญหน้าอยู่

    “ เจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ เจ้าพวกกบฏ!!” เสียงกรรโชกลั่นคำราม  หากแต่ในเพียงชั่วพริบตาร่างของชายหนุ่มที่ควรจะยืนอยู่ ณ ที่นั้นกลับหายลับไป  แสงสีเงินตัดกับผืนฟ้ามืดมัวและแสงเพลิงที่แดงก่ำราวหยาดเลือด กว่าจะได้ทันรู้ตัว คมดาบแหลมคมก็กลับเฉือนเข้าที่ลำคอของผู้สั่งการ   โลหิตพุ่งทะลัก ในขณะที่ซัส ยังคงร่ายรำคมดาบของเขาไปอย่างดุเดือดบ้าระห่ำ  พุ่งไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น ตรงไปตรงมา เฉียบคม และแกร่งกล้าอย่างน่าพรั่นพรึง  

    “ ไหนว่า...จะฆ่าข้าไงล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เมื่อซากศพไร้ศีรษะนั้นเกลื่อนพื้นและคนที่เหลือทำท่าจะหันหลังถอยหนี     เรื่องที่น่ารังเกียจสำหรับคนเป็นนักรบ  หันหลังให้ศัตรู ก็คือการ.....ทิ้งชีวิต

    “ อ๊าก!!!!!” เสียงร้องระงมกรีดลั่น เมื่อชายหนุ่มลงดาบฆ่าฟันจนเลือดอาบร่าง  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ดูราวกับสีของแมกไม้ ในเพลานี้มันช่างกลับคลับคล้ายดวงเนตรพญายมที่จ้องมองมายังหมู่มนุษย์ดุจมดปลวกกระนั้น

    “ ใคร!” พุ่งไปทางพุ่มไม้เตรียมลงดาบ หากแต่กลับยั้งทันเมื่อแลเห็นใบหน้าของคนที่ปรากฏออกมา  เด็กสาวผู้มีดวงตาสีลาเวนเดอร์งดงามที่เคยคุ้น หากแต่บัดนี้กลับเป็นน้ำตาของนางที่ไหลอาบใบหน้าจนหม่นเศร้า  “ คารีน่า!”

    “ ซ...ซัส...” คารีน่าเอ่ยนามนั้น ก่อนจะจับชายเสื้อของชายหนุ่มไว้  นางพบแล้วคนที่จะเข้าใจความรู้สึกของนางในเวลานี้ได้ดียิ่งกว่าใคร คนที่พี่ชายของนางเอ่ยเรียกว่าสหาย

    “ เกิดอะไรขึ้น! นี่เจ้าไม่ได้อยู่กับเอเทลหรอกรึ!” รู้สึกผิดปกติ เด็กสาวที่ตามสามัญจะต้องยืนเคียงข้างพี่ชายเสมอมา เหตุใดจึงมานั่งระงมร่ำไห้อยู่อย่างเดียวดายเช่นนี้

    “ ช่วยด้วย...ช่วยข้าด้วย...”

    “ เอ๋...”

    “ ท่านพี่..ช่วยท่านพี่ด้วย....อย่า....อย่าให้นังนั่น...เอาชื่อของพี่ชายข้าไป!” สิ้นเสียงนั้นจากน้ำเสียงอ่อนเรี่ยวแรง กลับกลายเป็นเสียงกรรโชกเอาความ  ซัสมองนางอย่างครุ่นคิด แน่นอนว่าเขาไม่ทราบความหมายที่คารีน่าต้องการสื่อแม้แต่น้อย เวลานี้นางช่างคลับคล้ายคนสติไม่สมประดีที่ไม่อาจพูดจากันได้รู้เรื่องเข้าใจ หากแต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่นางโอบกอดอยู่ เขากลับพลัน....ฉีกยิ้มมุมปากเพียงนิด  

    ความสนุก

    จบสิ้นลงแล้ว


    “ มาได้เท่านั้นสินะ....สหายข้า” ซัสเอ่ยพูด ในสิ่งที่เด็กสาวต้องเบิกตาโพลงอย่างไม่คาดฝัน  ที่ปลายเท้าของนางคือร่างไร้วิญญาณของพี่ชาย ที่โอบกอดอยู่คือศีรษะที่สิ้นไร้สีเลือดฝาด   นั่นคือ..ศพ

    “ เจ้า...เจ้าไม่เสียใจอย่างนั้นน่ะเรอะ! พี่ชายข้า! สหายของเจ้า!” กระชากมั่นที่ชายเสื้อ หากแต่ชายหนุ่มกลับแกะมันออกอย่างไม่ไยดี  

    “ เรื่องของข้ากับเอเทล เจ้าก็หาได้ล่วงรู้เช่นกัน  แม่สาวน้อย”  น้ำเสียงเยียบเย็นย้อนตอบ พริบตานั้นเองที่เสียงระเบิดพลันก้องกึกขึ้นทุกทิศทาง ไม่สิ จากสี่ทางต่างหาก  สิ่งที่มองเห็นคือพื้นดินเนินเขาที่ถล่มลงมาพร้อมกัน และทับถมร่างของทหารเมืองเมราโน่ที่เอาแต่รุดไล่ตามพวกกบฏอย่างไม่ดูท่า
    ที   “ ใครกัน.....”  โดยมิต้องคิดสงสัย ในวินาทีต่อมา เมื่อ เสียงทหารดังขึ้นพร้อมประโยคที่ไม่คาดฝัน


    “ ตามมันไป ! มันคือหัวหน้ากบฏ!!!”   ไม่ใช่เพียงวาจา แต่กลับเป็นเสียงดาบที่ดังขึ้นตัดกับเสียงระเบิดระลอกที่สองที่ดังมาจากชายป่าทิศที่เขาเพิ่งจากมา   ซัส ไม่มีเวลาจะต่อล้อต่อเถียงกับคารีน่าอีก หัวใจของเขานั้นเต้นระทึก อยากรู้อยากเห็นจนใจสั่น ใครกันที่ใช้นามของ “ผู้เป็นหัวหน้า” พลิกสถานการณ์รบในครานี้

    “ เจ้าจะทิ้งข้าไปไม่ได้นะ!”

    “ ต้องได้สิ นี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน  ” ฉีกยิ้มให้อย่างเยือกเย็น ก่อนจะผลักร่างของเด็กสาวให้ออกห่างโดยไร้สิ้นเยื่อใย คนบางคนคบหาเพราะพึงใจ คนบางคนคบหาเพราะฝันใฝ่ และคนบางคนคบหา....เพียงเพราะ...อยู่ใกล้

    “ เจ้า.......” ถูกผลักล้มลงบนพื้นดินพร้อมกับร่างของพี่ชาย  ดวงตาที่แดงก่ำด้วยคราบน้ำตาเหลือกขึ้นมองชายเบื้องหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่มันเรื่องราวอะไรกัน เมื่อชั่วโมงก่อนนางยังมีพี่ชายที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มกบฏ มีหญิงสาวที่พี่ชายของตนตกหลุมรักอยู่ข้างๆ และยังผู้ชายที่แม้ไม่ชอบใจแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นสหายผู้หนึ่งอยู่ข้างเคียง แล้วเวลานี้ล่ะ...นางเหลืออะไรกัน

    “ อย่าลืมฝังเอเทลซะล่ะ”  และนั่นก็คือคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้เด็กสาวกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง  สายลมที่โหยไห้ เปลวเพลิงที่ลุกโชน ทั้งความคิดของคนที่ยากแก่การคาดเดา ทั้งเรื่องราวบางอย่างที่ไม่อาจหาผู้อธิบาย

    นี่คือ

    โลกที่เป็นจริง

    จากคุณ : newravana - [ 18 ม.ค. 52 08:26:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com