กลับมาเขียนงานเดิมต่อ หลังจากไม่ได้เขียนมาซะนาน (ไปทำงานหลักหาเงินก่อน) บวกกับลองหัดเขียนเรื่องสั้น เล่น ๆ สองสามเรื่อง
โรคย้ำคิดย้ำทำ
(Obsessive Compulsive Disorder)
เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินโรคนี้มาบ้าง มาลองดูกันนะครับว่าเป็นยังไง
The Aviator
The Aviator เป็นภาพยนตร์ชื่อดัง โดยผู้กำกับมาร์ติน สกอร์เซซี่ (Martin Scorsese) นำแสดงโดยดาราชายยอดนิยม ลีโอนาโด ดีคาปริโอ The Aviator นั้นได้รับรางวัลออสการ์ไปถึง 5 รางวัล ได้แก่ นักแสดงหญิงสมทบยอดเยี่ยม(เคท บลันเชตต์) กำกับภาพยอดเยี่ยม ลำดับภาพยอดเยี่ยม กำกับศิลป์และเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม อีกทั้งได้เข้าชิง (แต่ไม่ได้) ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมด้วย
The Aviator นั้นสร้างมากจากเรื่องราวชีวิตจริงของ ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ นักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีในช่วงปี 1920-1940 ฮิวจ์นั้นเป็นเจ้าของธุรกิจการบินระดับยักษ์ใหญ่ TWA (Trans World Airline) เป็นทั้งผู้ออกแบบและสร้างเครื่องบิน รวมไปถึงบุกเบิกด้านธุรกิจการบินเชิงพาณิชย์อีกด้วย ฮิวจ์ยังเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ฮอลลิวู๊ดเรื่อง Hells Angles (1930) อีกด้วย
ชีวิตของฮิวจ์นั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นโลดโผน เขาเป็นทั้ง playboy ตัวยง เป็นเจ้าของธุรกิจยิ่งใหญ่ มีปัญหากับรัฐบาล เคยประสบอุบัติเหตุจนเจ็บหนัก และรวมถึงอาการทางจิตของเขา (ซึ่งจะเป็นที่กล่าวถึงหลักในนี้)
ฮิวจ์ในวัยหนุ่มนั้นร่ำรวยมาจากธุรกิจน้ำมันของครอบครัว เขาเริ่มสร้างชื่อด้วยการเป็นผู้กำกับหนัง Hells Angles ซึ่งเป็นหนังเกี่ยวกับเครื่องบิน และเป็นหนังที่ใช้งบเยอะที่สุดในสมัยนั้น ในการถ่ายทำเขาใช้กล้องมากถึง 26 ตัว มีตากล้องถึง 35 คน ตัวประกอบสองพันคน ใช้ทุนสร้างมหาศาลมากกว่า 4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ในสมัยนั้นคือเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมาแล้ว อย่าเอามาเทียบสมัยนี้นะครับ เพราะนั้นมันเมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน)
ฮิวจ์นั้นต้องการความสมบูรณ์และสุดยอดของภาพยนตร์มากซะจนทำให้เขาใช้งบบานปลาย จนต้องจำนองทรัพย์สินทุกอย่างที่มีเพื่อให้สามารถสร้างหนังต่อไปได้ และความเครียดอันนี้นี่เองที่ทำให้เขาเริ่มเกิดอาการทางจิตที่เรียกว่า โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder)
ในภาพยนตร์เราจะเห็นว่าเมื่อฮิวจ์ต้องจำนองทรัพย์สิน หลังจากเขายกมือขึ้นดู และเริ่มรู้สึกว่ามือตัวเองมีเชื้อโรคหรือสกปรกรึเปล่า
อาการย้ำคิดย้ำทำของฮิวจ์นั้นเป็นแบบกลัวเชื้อโรคและสิ่งสกปรก (โรคย้ำคิดย้ำทำแสดงออกได้หลายลักษณะครับ ดังจะได้กล่าวถึงทีหลัง ) อาการเขาเริ่มแสดงให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาที่เขาขับเครื่องบิน เขาต้องหากระดาษมาหุ้มพวงมาลัย โดยเขาบอกว่าเพราะมีคนจับมากี่คนแล้วก็ไม่รู้ เวลาทานอาหารหากมีใครคนอื่นมาแตะจานข้าว เขาก็จะเลิกกินจานนั้นไปเลย
เราจะเห็นว่าอาการย้ำคิดย้ำทำของฮิวจ์นั้นจะสัมพันธ์กับความเครียดในชีวิตอย่างชัดเจน ซึ่งในผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้ คือช่วงไหนยิ่งเครียดหนักอาการเหล่านี้ก็จะยิ่งเป็นเยอะ
ในภาพยนตร์ ฮิวจ์เองเมื่อเห็นแฟนไปคุยกับผู้ชายอื่น เขารู้สึกไม่พอใจ ทำให้เขาแสดงอาการ ย้ำทำ ออกมาให้เห็นชัดเจนนั้นคือ เขาเดินเข้าไปล้างมือหลาย ๆ ครั้ง ซ้ำไปซ้ำมา
ฮิวจ์เองหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์ Hells Angles เขาเปลี่ยนมารุกธุรกิจด้านการบินแทน ด้วยการซื้อบริษัท TWA ออกแบบและสร้างเครื่องบินขาย รวมทั้งมีแผนจะดำเนินการบินระดับนานาชาติ รวมถึงแผนสร้างเครื่องบิน เฮอคิวริส เครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกสมัยนั้น
ฉากหนึ่งในเรื่องที่แสดงอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำได้ดีที่สุด รวมถึงเป็นฉากที่ ดีคาปริโอ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมนั้นก็คือฉากที่ หลังจากฮิวจ์เผลอพูดแผนธุรกิจของบริษัทตัวเองให้บริษัทคู่แข่งฟังอย่างหมดเปลือกบนโต๊ะอาหาร ความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นทำให้จากนั้นเขาเดินไปเข้าห้องน้ำ และทำการล้างมือซ้ำ ๆ จนเลือดไหล ในฉากนี้เราจะเห็นว่าสีหน้าของฮิวจ์นั้นแสดงความทุกข์ทรมานอย่างมาก เพราะในคนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำนั้น เจ้าตัวเองไม่ได้ชอบในสิ่งที่ทำ และรู้สึกว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล แต่ที่ต้องทำเพราะจะมีความคิดแทรกเข้ามาตลอด อย่างฮิวจ์เองก็คงมีความคิดว่า มือสกปรก มีเชื้อโรคเข้ามาในหัวซ้ำ ๆ จนต้องแก้ด้วยการล้างมือ แม้จริง ๆ เจ้าตัวก็รู้ว่ามือก็สะอาดอยู่แล้ว แต่คนที่เป็นโรคนี้จะหยุดคิดไม่ได้
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีอาการย้ำคิดย้ำทำ นั่นคือทุกคนจะไม่สบายใจ และทรมานในสิ่งที่เป็น ในผู้ป่วยบางคนที่มีอาการย้ำทำแบบไม่แน่ใจ ต้องไปเช็คกลอนประตูว่าล็อครึยัง คนกลุ่มนี้จะมีความคิดที่ ไม่แน่ใจ ว่าประตูล็อครึยังตลอดซ้ำ ๆ แม้ว่าจะพึ่งเดินไปเช็คมาว่าล็อคแล้ว แต่พอเดินออกมา ก็ยังรู้สึก ไม่แน่ใจ อยู่ดี จนต้องเดินกลับไปมาสามสี่รอบ แม้ว่าจะไม่อยากเดินก็ตาม แต่หากไม่ทำก็จะรู้สึกทรมานกับความคิด ไม่แน่ใจ อันนั้น
ฮิวจ์นั้นหลังจากล้างมือเสร็จ เขาก็ไม่กล้าจับลูกบิดประตูในห้องน้ำ เพราะกลัวเชื้อโรค จนต้องใช้วิธีรอให้มีคนมาเปิดประตูเข้าห้องน้ำแล้วเขาค่อยแทรกตัวออกไปโดยไม่ต้องจับกลอนประตู
ต่อมาเราจะเห็นว่าฮิวจ์เริ่มมีอาการย้ำทำอย่างอื่นนอกจากการล้างมือ ก็คือ การพูดซ้ำ ๆ เช่นตอนที่เขาเข้าไปตรวจในโรงสร้างเครื่องบิน เขาพูดกับผู้ช่วยว่า เอาพิมพ์เขียวมาให้ฉันดู เสร็จแล้วเขาก็พูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ กันอีกหลายครั้ง จนต้องเอามืออุดปากตัวเอง
ต่อมาฮิวจ์ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินที่เขาทดลองขับตก จนตัวเองบาดเจ็บสาหัส มีความเครียดหลายอย่างประดังเข้ามาไม่ว่าการที่กองทัพยกเลิกการซื้อเครื่องบิน การถูกห้ามบินจากเหตุเครื่องบินตก เป็นหนี้หมุนเงินไม่ทันอีกหลายล้าน รวมถึงการถูกสอบสวนข้อหามีการทุจริต ปัญหามากมายที่เข้ามาทำให้ฮิวจ์มีอาการย้ำคิดย้ำทำหนักมาก จนกระทั่งเขาเก็บตัวเองอยู่ในห้องมืด ไม่กล้าออกไปข้างนอก ทำเป็นเหมือนห้องกักกันเชื้อโรค ไม่กล้าใส่เสื้อผ้า และอาการพูดซ้ำ ๆ ของเขาก็มากขึ้นจนเห็นได้ชัด เขาพูดว่า เอานมเข้ามาให้ ซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง เวลาจะเปิดนมก็ต้องพูดบรรยายก่อนว่า เอามือขวาจับขวด เอามือซื้อเปิดฝา ถือฝาไว้ในมือซ้าย แล้วยกนมขึ้นดื่ม เขาต้องพูดซ้ำ ๆ แบบนี้ และต้องพูดให้ครบ หากพูดไม่ครบต้องเริ่มต้นพูดใหม่ ซึ่งนี่คืออาการย้ำทำอีกอย่างหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีลักษณะต้องพูดบรรยายในสิ่งที่จำ เช่นหากจะอ่านหนังสือ ก็ต้องพูดประกอบไปด้วยว่า จะอ่านหนังสือ ไม่พูดไม่ได้ จะพลิกหน้าก็ต้องพูด จะพลิกหน้า เป็นต้น
ในชณะที่ฮิวจ์อาการเป็นอย่างหนัก เอวาแฟนของฮิวจ์ได้เข้าไปหา และได้ปลอบช่วยเหลือ ให้เขาโกนหนวด ล้างหน้า จนเขาสามารถออกมาจากห้องได้ โดยเมื่อเอวาบอกให้ฮิวจ์ล้างหน้า เขามองน้ำอย่างไม่แน่ใจในความสะอาด เอวาได้บอกว่า ไม่มีอะไรหรอก เอามือแช่น้ำและล้างออกซะ ก่อนที่จะปลอบเขาว่า ฉันอยู่นี่ไม่ไปไหนหรอก
ฮิวจ์ยังแสดงความไม่แน่ใจและถามว่า คุณว่าน้ำนี่สะอาดไหม เอวาตอบว่า ไม่มีอะไรสะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่เราก็ทำดีที่สุด ถูกมั๊ย ทำให้ฮิวจ์ยอมที่จะล้างหน้าได้ ตรงนี้แสดงให้เราเห็นว่า แม้จะเป็นอาการเจ็บป่วยทางจิต แต่หากคนใกล้ชิดเข้าใจ ปลอบประโลม ให้การช่วยเหลือ ให้กำลังใจ สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นได้
ฉากนี้สะท้อนกับในอดีตตอนเด็กของฮิวจ์ เพราะในตอนเด็ก ๆ นั้นเราจะพบว่าขณะที่อาบน้ำ แม่ของฮิวจ์ได้ปลูกฝังแต่ในเรื่องของความสะอาด บอกให้เขาระวังเชื้อโรค ระวังการติดเชื้อ ซึ่งการย้ำซ้ำและปลูกฝังค่านิยมนี้ คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฮิวจ์มีอาการย้ำคิดย้ำทำในเรื่องเชื้อโรคและความสะอาด
สุดท้ายภาพยนตร์จบด้วยการที่ฮิวจ์อาการดีขึ้นจนสามารถออกมาจากห้องมาใช้ชีวิตได้ สามารถรอดพ้นจากการถูกซักฟอกได้ และสามารถทำให้เฮอคิวลิส เครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนั้นสามารถล่องลอยบนท้องฟ้าได้ แม้ฮิวจ์จะยังมีคงมีอาการย้ำคิดย้ำทำอยู่ แต่เขาก็สามารถใช้ชีวิตได้ต่อไป
แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 16:05:08
จากคุณ :
ผมอยากที่จะเชื่อ
- [
26 ม.ค. 52 16:03:17
]