เปลี่ยน
...คุณเคยรู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีกว่าเดิมเพื่อใครบางคนบ้างไหมครับ...
ตีสี่กว่าๆ ในขณะที่ท้องฟ้ายังคงมืดมิด และคนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา ผมลุกขึ้นจัดแจงทำธุระส่วนตัวสักพักก่อนที่จะเปลี่ยนชุดและออกวิ่งตามทางไปยังสวนสาธารณะใกล้บ้าน
การออกกำลังกายและรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าทำให้ผมรู้สึกสดชื่นและสมองปลอดโปร่ง ซึ่งนั่นทำการใช้ชีวิตและการทำหน้าที่การงานในวันนั้นเต็มไปด้วยความสดใส พลังกายและพลังแห่งความคิดสามารถถูกดึงออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
...เมื่อก่อนผมนอนดึกเนื่องจากการเที่ยวเตร่ยามค่ำคืน ตอนเช้าก็มักจะตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว สมองมึนงงทำอะไรคิดอะไรไม่ค่อยออก และบ่อยครั้งที่ผมต้องลาหยุดงานเนื่องจากลุกจากที่นอนไม่ไหว ซึ่งนี่เองก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หน้าที่การงานหรือแม้แต่รายได้ไม่ก้าวหน้าอย่างที่มันควรจะเป็น...
หลังออกกำลังกายเสร็จผมกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางไปทำงาน ในช่วงเวลาก่อนเจ็ดโมงเล็กน้อย ผมสามารถปล่อยอารมณ์และนั่งคิดไอเดียอะไรใหม่ๆ ออกมาเพื่อช่วยให้การทำงานของผมและขององค์กรสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากในเวลาเช่นนี้ ในออฟฟิศผู้คนยังบางตาและยังคงไม่พลุกพล่าน สายตามองกวาดไปทั่วอย่างผ่อนคลาย หากเป็นเมื่อก่อน...
...หากเป็นเมื่อก่อน ผมมักจะมาถึงที่ทำงานพอดีกับที่เข็มนาฬิกาบอกเวลาเข้างานพอดิบพอดี พอมาถึงก็ต้องรีบลนลานไปยังโต๊ะทำงานก่อนที่จะรื้อค้นเอกสารที่เก็บไว้ที่ไหนก็ไม่รู้อยู่อีกหลายนาที แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในงานประจำก็จะแย่อยู่แล้ว อย่างไปหวังเลยว่าผมจะคิดอะไรใหม่ๆ ออกได้...
เมื่อมีความคิดใหม่ๆ ในการปรับปรุงงานออกมาตลอดเวลา ผมก็เริ่มเข้าตาผู้บริหารมากขึ้น ความก้าวหน้าทั้งหน้าที่การงานและรายได้ก็เริ่มเข้ามาอย่างรวดเร็วแบบที่ผมเองก็ไม่คาดคิด
...เมื่อไม่มีความคิดอะไรในการปรับปรุงงานเลย แน่นอนว่าผมก็เป็นแค่พนักงานปลายแถวที่ไร้ซึ่งคนเหลียวแล จะมีก็เพียงเพื่อนซึ่งไปเที่ยวด้วยกันทุกคืนเท่านั้นที่ยังพูดคุยและบอกให้ผมลืมๆ เรื่องพวกนี้ไปเสีย...
หลังเลิกงานผมเดินออกจากที่ทำงาน ท้องฟ้ายังคงมีแสงแดดส่องให้ความสว่างอยู่ ผมค่อยๆ เดินทอดน่องและชมบรรยากาศรายทางอย่างไม่รีบร้อน ลมเอื่อยในเวลานี้เสมือนต้องการจะบอกว่าการใช้ชีวิตอันเร่งรีบในวันนี้ได้หมดลงแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาแห่งความผ่อนคลาย แสงสีส้มเริ่มทอลงมาอาบพื้นถนน ตึกรามบ้านช่อง และผู้สัญจรไปมา แสงยามเย็นซึ่งให้ทั้งความสงบเย็นตาและความรู้สึกว้าเหว่ไปพร้อมๆ กัน
ความรู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศแบบนี้เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้ซึมซับมาก่อนเลยในตอนนั้น
...หากเป็นตอนนั้น เมื่อเข็มสั้นชี้ไปที่เลขห้าและเข็มยาวชี้ไปที่เลขสิบสองบนหน้าปัทม์นาฬิกาเมื่อไหร่ เป็นอันรู้กันดีว่า ต่อจากนี้สถานบันเทิงยามราตรีไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งจะกลายเป็นที่สิงสถิตของผมและเพื่อนๆ ไปจนถึงช่วงเวลาที่ร้านเหล่านั้นปิดบริการ ผมไม่เคยสนใจบรรยากาศอื่นๆ นอกเหนือจากควันบุหรี่และกลิ่นแอลกอฮอล์ในสถานที่อับอากาศเท่านั้น...
ริมทางเท้าสองข้างทางมีร้านอาหารถูกๆ รสชาติเยี่ยมให้ผมเลือกอยู่นับไม่ถ้วน และร้านในย่านนี้จำนวนนับไม่ถ้วนอีกเช่นกันที่ผมเคยเป็นลูกค้ามาแล้ว แต่วันนี้ผมอยากให้มีอะไรพิเศษนิดหน่อย ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจเดินผ่านร้านอาหารเหล่านี้ออกไปอีกหน่อยเพื่อไปห้างสรรพสินค้า
...ริมถนนสองข้างทางในเวลาค่ำคืนเต็มไปด้วยสถานบันเทิงและนักท่องราตรี หลังจากผ่านการดื่มมาจากที่อื่นจนเริ่มมีอาการเคลิ้มๆ แล้ว พวกเราก็จะมาต่อยังสถานที่แห่งนี้ โดยเฉพาะวันพิเศษอย่างเช่นวันเงินเดือนออก ดังนั้น ผมและพรรคพวกตัดสินใจเดินผ่านร้านเล็กๆ เพื่อไปยังร้านที่ใหญ่และหรูที่สุดในย่านนั้น...
ที่ห้างสรรพสินค้าในเวลานี้ยังคงมีทั้งอาหารสด อาหารแห้ง เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ให้เลือกได้อย่างเหลือเฟือ ผมค่อยๆ บรรจงเลือกวัตถุดิบแต่ละอย่างด้วยความใจเย็นและประณีตอย่างยิ่ง อาหารการกินมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพ หน้าตาของอาหารก็เหมือนกัน มันสีส่วนสำคัญต่อการเจริญอาหารของผู้ที่ได้กิน วันนี้ผมตั้งใจจะบรรจงปรุงอาหารอย่างสุดฝีมือ
...เวลาเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในสมัยก่อน อาหารจำนวนน้อยนิดในจานพลาสติกราคาถูกกับราคาที่แพงหูฉี่เพียงแค่นั้นที่ถูกเสิร์ฟไว้สำหรับเป็นกับแกล้มสำหรับนักดื่มอย่างพวกผม ไม่มีใครสนใจคุณภาพของอาหาร ทุกคนมาที่นี่เพียงเพื่อต้องการเสียงเพลงแสบแก้วหูและความเมาเท่านั้น...
เมื่อได้วัตถุดิบที่ต้องการครบแล้ว ผมเดินออกจากห้างสรรพสินค้าและแวะไปยังร้านดอกไม้สดที่เลยจากตัวห้างฯ ออกไปอีกหน่อยหนึ่ง หลังจากเดินวนเวียนอยู่สักครู่ผมก็ตัดสินใจเลือกดอกที่ถูกใจที่สุดและยืนรอให้ทางร้านจัดช่อให้ ก่อนที่จะโบกรถแท๊กซี่โดยมีจุดมุ่งหมายคือสถานที่พำนักของตัวเอง
จิตใจล่องลอยนึกไปถึงความอบอุ่นของบ้าน ห้องครัวง่ายๆ ที่มีทุกอย่างครบครัน ห้องรับแขกสไตล์น่ารักที่ผู้ตกแต่งบรรจงสุดฝีมือทุกกระเบียดนิ้ว น้ำอุ่นๆ ในอ่างอาบน้ำ เตียงนอนและผ้านวมหนานุ่มในห้องปรับอากาศที่อุณหภูมิถูกปรับให้สบายที่สุดยามนิทรา
...เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในคืนนั้นจบลง เสียงดนตรีเงียบเชียบ แสงสีดับมืดลง ผมและพรรคพวกเดินโซซัดโซเซออกจากร้านก่อนที่ต่างจะแยกย้ายกันโบกแท๊กซี่โดยมีจุดมุ่งหมายคือสถานพำนักของตัวเอง เมื่อถึงบ้านผมก็ทำได้เพียงเดินไปที่เตียงและล้มตัวลงนอนในทันทีโดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด...
หลังจากทำกิจวัตรทุกอย่างเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว อาหารที่ผ่านการปรุงแต่งอย่างสุดฝีมือกว่าชั่วโมงหลายรายการถูกนำมาตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหาร ดอกไม้แสนสวยถูกนำมาวางไว้ที่ฝั่งตรงข้ามกับด้านที่ผมกำลังนั่งอยู่
ดอกไม้ช่อนี้...และอาหารที่ผมบรรจงปรุงอย่างสุดฝีมือ...สำหรับคุณ...และสำหรับในวันครบรอบวันแต่งงานของเรานะจ๊ะ
ผมพูดแผ่วเบา สายตาเหม่อมองบรรยากาศอันเงียบเชียบในบ้าน ที่อีกฝั่งของโต๊ะอาหารนั่นว่างเปล่า มันปราศจากร่องรอยของใครคนนั้นที่จะนั่งอยู่ประจำที่นั่นเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้
ที่ห้องนี้ ตรงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงกระจ่างชัดเหมือนกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกคำพูดยังคงดังอยู่ในโสตประสาทตราบจนทุกวันนี้
ทำไม ทำไมคุณยังทำแบบนี้ คุณให้สัญญากับฉันกี่ครั้งแล้วว่าจะเลิกดื่ม เลิกเที่ยวกลางคืน คุณจะตั้งใจทำงานหาเลี้ยงครอบครัวของเรา
เสียงดังซึ่งแฝงไปด้วยอารมณ์โกรธระคนน้อยใจนั้นดังลอยมาจากที่ไหนสักแห่งในห้วงความคิด
อย่าโวยวายไปเลยน่า ถึงผมจะเมาบ้าง ถึงผมจะเที่ยวบ้าง แต่ผมก็กลับมาบ้านทุกวันนะ ผมไม่ได้ไปทำอะไรเหลวไหลที่ไหนซักหน่อย
เสียงอ้อแอ้ของผมก็เช่นกันที่ยังคงดังตอบโต้กับเธออย่างไม่ได้สนอกสนใจอะไร
ไหนล่ะ คำสัญญาว่าเราจะช่วยกันสร้างครอบครัวที่มีความสุข ไหนล่ะ คำสัญญาที่บอกว่าจะทำให้ฉันเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ขนาดวันนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของเราคุณก็ยังจำไม่ได้ คุณก็ยังคงไปเที่ยวเตร่กับเพื่อนๆ ของคุณ
เสียงสะอื้นดังลอดออกมาจากคำพูดตัดพ้อ
ถ้าคุณกลับมาแล้วเป็นอย่างนี้ทุกวัน หากคุณกลับมาเฉพาะร่างกายล่ะก็ มันไม่ต่างกับการที่คุณไม่ได้กลับมาหรอกนะ
โว้ย รำคาญโว้ย จะคร่ำครวญร้องห่มร้องไห้ไปทำไม ผมทำงานมาก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว แค่ไปเที่ยวดื่มกินนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไรไป แล้วพอถึงบ้านผมก็อยากจะพักผ่อน อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาหาเรื่องผมนักเลย ผมเบื่อ ได้ยินมั้ย ผมเบื่อ
ความเมาทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป มือไม้ถูกเหวี่ยงออกไปอย่างไม่ตั้งใจ หากแต่มันกลับไปถูกใบหน้าของเธอเข้าอย่างจัง และนั่นส่งผลให้เธอล้มลงในทันที
...เธอหันกลับมา น้ำตาไหลออกจากดวงตาหม่น ดวงตาที่เสมือนแบกรับความทุกข์ทั้งมวลไว้มานานแสนนาน...
คุณไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คำสัญญาที่คุณให้ไว้ทุกอย่าง คุณไม่เคยทำมันได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
คำพูดสุดท้ายที่เธอพูดก่อนที่เธอจะลุกขึ้นวิ่งออกไปสตาร์ทรถยนต์และขับออกไปด้วยความหุนหันพลันแล่น
เออ...อยากจะไปไหนก็เชิญ ไปให้ไกลๆ เลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีกยิ่งดี
ผมยังคงแผดเสียงไล่หลังเธอด้วยความเดือดดาล อาการเมาทำให้ผมไม่คิดที่จะตามเธอไปหรือแม้แต่จะพยายามห้ามเธอไว้ด้วยซ้ำ
...โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า นั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมและเธอจะได้พบกัน...
...และนั่นจะเป็นคำพูดสุดท้าย ที่ผมและเธอได้พูดกัน...
ข่าวอุบัติเหตุที่ส่งมาถึงในตอนเช้าวันนั้น เปลี่ยนแปลงโลกของผมไปตลอดกาล
คุณเห็นมั้ยที่รัก ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมเปลี่ยนตัวเองได้แล้วนะ คุณเห็นใช่มั้ย
น้ำอุ่นๆ ไหลออกจากดวงตาพร้อมด้วยเสียงสะอื้นไห้ จิตใจวูบไหวอย่างประหลาด
หากผมรู้ตัวเร็วกว่านี้ หากผมรู้จิตใจของตัวเองดีกว่านี้ หากผมเข้าใจเธอมากกว่านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
ทำไมผมถึงต้องมารู้ตัวว่าใครที่สำคัญกับผมมากที่สุดในวันที่ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว
...วันที่ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคน...แต่กลับไม่มีคนๆ นั้นอยู่เพื่อรับรู้และยินดีไปกับผมอีกต่อไปแล้ว...
...ผม...ขอโทษ...
จากคุณ :
KTH
- [
26 ม.ค. 52 19:39:01
A:192.168.0.17 X:61.91.161.169 TicketID:187608
]