Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ช่วงนี้เจอเรื่องเลวร้ายเยอะ... ขอเขียนให้กำลังใจตัวเองและคนอื่นๆหน่อย... ขอมอบบทความนี้ให้ทุกๆคนครับ

    Nick Vujicic  เกิดที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย  เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2525   เขาจบปริญญาตรีสาขาการเงินและการบัญชีเมื่ออายุ 21 ปี   ฟังดูอาจจะเหมือนชีวิตผู้ชายวัยรุ่นธรรมดาๆคนหนึ่ง   แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาของชายผู้นี้คือ เขาไม่มีแขน และไม่มีขา


               ครอบครัวของนิค เป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด พ่อของเขาเป็นพระคริสเตียน  แต่ในวันที่นิคลืมตาดูโลก สิ่งสุดท้ายที่พวกเขานึกถึง คือการ “ขอบคุณพระเจ้า” เขากำเนิดมาพร้อมกับโรคประหลาดหายากที่ชื่อ Tetra-Amelia syndrome   ที่ทำให้การเจริญเติบโตของแขนและขาล้มเหลวตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา  เขาเกิดมาโดยมีเพียงลำตัวช่วงล่างถึงแค่สะโพก มีเพียงเท้าข้างเล็กๆ และนิ้วเท้าอีก2นิ้ว ยื่นออกมาจากต้นขาข้างซ้าย แต่นอกจากข้อบกพร่องนั้น เขาเป็นเด็กที่สุขภาพสมบูรณ์ดี    เขาเติบโตมาอย่างลำบากยากเข็ญ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และตามกฎหมายในออสเตรเลียขณะนั้นทำให้เขาไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกับเด็กปกติทั่วไปได้  แต่ระหว่างนั้นก็มีการออกกฎหมายใหม่  ทำให้เขาถูกย้ายไปยังโรงเรียนสำหรับเด็กปกติทั่วไป   เขาเริ่มหัดเขียนหนังสือด้วยนิ้วเท้า2นิ้ว ฝึกใช้คอมพิวเตอร์โดยใช้ ”ส้นเท้า” และ “นิ้วเท้า”   ทำทุกๆอย่างเพื่อช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด  เขาสามารถ ขว้างลูกเทนนิส พัตต์ลูกกอล์ฟ รับโทรศัพท์ ขึ้นบันได ว่ายน้ำ ตกปลา และอีกหลายๆอย่างที่คุณนึกไม่ถึง


               หลังจากจบมหาวิทยาลัย เขาเริ่มออกเดินทางไปทั่วโลก เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ต่อหน้าผู้คนมากมาย โดยมากจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก  เพื่อสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต  ให้กับเพื่อนร่วมโลกของเขาโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ และ ศาสนา ถ้อยคำของเขา เรียกรอยยิ้มและน้ำตาจากผู้คนนับล้าน เขาเชื่อมั่น และ ศรัทธาในความรักที่พระเจ้ามอบให้เขา  ในปี พ.ศ. 2548 เขาก่อตั้งองค์กร ที่ชื่อ “Life Without Limbs”  โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ จูงใจ และ สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้พิการเช่นเขา มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข


                หากมองข้ามร่างกายของเขาไป   ชีวิตของเขาดูจะสมบูรณ์แบบไปเสียหมด   แต่ด้วยความผิดปกติทางสรีระ ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่า เขาต้องผ่านเรื่องโหดร้ายมามากมาย เขาเติบโตมาท่ามกลางความรู้สึกแตกต่าง แปลกแยก  ช่วงปีแรกๆที่เขาเข้าเรียนในโรงเรียนสำหรับเด็กปกติ  เป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับเขามาก ตอนอายุ8ขวบ เมื่อการสวดภาวนาขอให้แขนและขางอกออกมาไม่เป็นผล เขาเริ่มคิดที่จะฆ่าตัวตาย เขากล่าวโทษพระเจ้าที่สร้างเขาขึ้นมาในแบบที่เขาเป็น        “ ผมมองไม่เห็นความหวัง หรือ อนาคต ผมรู้ว่าผมจะไม่มีวันได้แต่งงาน และถึงแม้จะได้แต่งงาน ผมก็ไม่มีโอกาสกระทั่ง จะกุมมือของคนที่ผมรัก  ไม่มีโอกาสจะเต้นรำกับเจ้าสาวในพิธีสมรส   ในชีวิตของผมไม่เคยมีใครที่จะกล้าพูดกับผมว่า “ ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร ” และถึงแม้จะมีใครกล้าพูดเช่นนั้น  ผมก็ไม่มีทางที่จะเชื่อได้แม้แต่น้อย มีสองสิ่งที่คนเราต้องการในชีวิต หนึ่ง คือคนที่จะบอกเราได้ว่า “ ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร ” และ สอง คือ ความรัก  อย่างน้อย ผมก็ได้รับความรักจากครอบครัวของผมอย่างล้นเหลือ”(1)      ทุกครั้งที่เขาพยายามจะทำในสิ่งที่คนปกติทำได้ ต้องใช้ เวลา และ หยดน้ำตา ไปมากมาย     แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งในชีวิต เขาได้ตระหนักว่า เมื่อมองจากภายในนั้น เขาไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นเลย


                  “ คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณล้มลง .. คุณก็ต้องลุกขึ้น...ใช่มั้ย? เพราะถ้าคุณพยายามจะเดินทั้งที่ยังล้ม คุณก็คงไม่มีทางที่จะไปไหนได้   บางครั้งในชีวิต เมื่อคุณล้มลง และคุณคิดว่าไม่มีความเข้มแข็งพอที่จะลุกขึ้น  คุณคิดว่าคุณจะพอมีความหวังได้ไหม  ผมนอนอยู่กับพื้นอย่างนี้ โดยที่ไม่มีแขนและขา มันดูเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะลุกขึ้นยืน..... แต่คุณคิดผิดแล้วล่ะ  ผมจะพยายามเป็นร้อยครั้งเพื่อลุกขึ้นยืน  และถ้าผมล้มลงทุกครั้งที่พยายามและผมยอมแพ้ คุณคิดว่าผมจะลุกขึ้นยืนได้มั้ย..... ไม่มีทาง !!    แต่ถ้าผมพยายาม ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ครั้งแล้ว ครั้งเล่า  ผมจะบอกให้ว่า ความล้มเหลวและความผิดหวังมันไม่ใช่จุดจบหรอก มันขึ้นอยู่กับว่า คุณอยากให้มันจบลงเช่นไร    แล้วคุณจะพบความเข้มแข็งที่จะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง อย่างที่ผมทำได้........ ”(2)    


                 ไม่มีชีวิตใดสมบูรณ์แบบ หลายๆครั้ง คนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ต่อไปกับสิ่งที่ยังเหลือ  ผมจะไม่พูดว่า เมื่อเจอกับปัญหาให้คุณนึกถึง นิค หรือ คนที่แย่กว่าคุณ ..... เพราะมันเป็นคำพูดซ้ำซาก และเพราะความทุกข์ ความเจ็บปวด ความผิดหวัง ของแต่ละคน  มันก็นำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้    และในหลายๆครั้ง คนที่จมอยู่กับความทุกข์ ก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะนึกถึงคนอื่น    แต่ผมอยากให้จำไว้ว่า ไม่ว่าจะต้องล้มลงสักกี่ครั้ง  ประสบกับ การ พบพาน หรือ พลัดพราก   ความสมหวัง หรือ ผิดพลั้ง สักกี่หน  จงใช้สติและลองตั้งคำถามกับตัวเอง  ไม่ต้องเลยเถิดไปถึงคำถามระดับอภิปรัชญาที่ว่า “คนเราเกิดมาทำไม”  แค่คำถามง่ายๆว่าคุณต้องการให้ชีวิตคุณเดินไปในทิศทางใด ไปข้างหน้า อยู่กับที่ หรือ ถอยหลัง  เพราะคนที่จะตัดสินว่าคุณจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งหรือไม่ มีเพียงตัวคุณคนเดียวเท่านั้น อย่าโทษโชคชะตา หรือ ใครก็ตาม หากคุณเลือกเองที่จะยอมแพ้  


                   หากคุณต้องการชัยชนะ บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องรอให้สถานการณ์รอบข้างเปลี่ยน แค่เติมความหวัง และ พลังในใจก็เพียงพอแล้ว
                     


    “It matters how you gonna finish , are you gonna finish strong?” ; Nick Vujicic


    (1) ดัดแปลงบางส่วนจาก  http://www.youtube.com/watch?v=TtweZxNGk1Y

    (2) ดัดแปลงบางส่วนจาก  http://www.youtube.com/watch?v=v4uG2kSdd-4

    จากคุณ : epsilon_dX - [ 2 ก.พ. 52 16:02:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com