ตอนที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7440418/W7440418.html
ตอนที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7469143/W7469143.html
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 3
กานต์เป็นคนแรกที่ผมรัก...
ถ้อยความในประโยคสุดท้ายของเขาที่กล่าวกับเธอ คือ คำบอกรักครั้งแรกที่เธอได้ยินจากปากของชายหนุ่ม และเป็นคำพูดที่จริงจังเกินกว่าจะบอกกับตนเองว่าฝันไป และหนักแน่นเกินกว่าจะบอกว่าตนเองฟังผิด
การพบเจอกันหลังจากลากันมาแสนนาน วันนี้ เขาทำให้หัวใจของเธอทำงานหนักเหลือเกิน และในยามนี้ คำพูดเหล่านั้นของเขากำลังทำให้หัวใจของเธอเต็มตื้นด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นอยู่ในอก มากมายจนกระทั่งไม่สามารถหาคำนิยามสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย
ณต... ไม่มีคำใดที่เธอสามารถเอ่ยออกมาได้นอกจากชื่อของเขา และคำถามที่ไม่น่าถามเลยคำนี้ จริงหรือ...
ประณตชะงักไปนิดหนึ่ง สบตาเธอ แล้วพยักหน้ารับ จริงครับ...
ไม่มีการย้ำคำว่ารักซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง และดูเหมือนว่า นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้นที่เขาพูดกับเธอด้วยประโยคที่เธออยากได้ยินจากเขามาตลอดเวลาที่คบกัน
น้อยครั้ง หากมีค่ากว่าคำรักที่ถูกพร่ำบอกออกจากปากของใครอีกคนหนึ่งที่ควรถูกลบออกจากใจของเธอไปได้แล้วอย่างเทียบกันไม่ได้...
ถ้าผมทำให้กานต์ไม่สบายใจ กานต์จะลืมที่ผมพูดไปเสียก็ได้นะครับ เขาบอกเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป หากสิ่งที่เขาได้รับกลับมาพร้อมกับคำตอบกลับเป็นสัมผัสจากมือเล็กกว่าในมือของเขา
ไม่หรอก... เธอส่ายหน้า ฉันจะจำไว้... ไม่มีวันลืมเลย
ทว่าไม่ทันที่เขาจะตอบความใดจากหญิงสาวข้างกายได้ นายตำรวจหนุ่มก็ต้องกล่าวขอโทษและปล่อยมือจากมือของเธอ เพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือที่มีเสียงเตือนบอกว่ามีข้อความเข้าออกมาเปิดอ่าน
เธอยิ้มให้เขาแทนคำพูดว่าเข้าใจ เพราะงานของเขาเป็นงานที่อาจถูกตามตัวเมื่อใดก็ได้ และอดนึกขันตัวเองไม่ได้... ถ้าเป็นเมื่อก่อน แม้รู้ถึงความจำเป็นของเขาดี แต่เธอก็อดขุ่นใจอยู่ไม่น้อยที่เขาต้องผละไปจากเธอทั้งที่เพิ่งได้พบหน้าและได้ใช้เวลาด้วยกันเพียงไม่นาน
กานตาภาจิบสก็อตช์ที่เหลือในแก้วพลางมองชายหนุ่มร่างสูงบนม้านั่งข้าง ๆ และสังเกตเห็นว่า ความรู้สึกที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาแตกต่างไปจากครั้งที่รับโทรศัพท์จากดนัยชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
ความโกรธขึ้งและเคร่งเครียดในคราวก่อนแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแสนอบอุ่นกับข้อความบนหน้าจอราวกับเจ้าของข้อความนั้นกำลังสนทนากับเขาอยู่ตรงหน้า
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่ความรู้สึกที่เห็นจากเขาได้บ่อยนัก ยกเว้นเพียงบางครั้งและกับบางคน... และหนึ่งในไม่กี่คนที่ว่า คือ หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวหยักศกเป็นคลื่นอ่อน ๆ เจ้าของดวงตาคู่สวยเจือเศร้าที่เขาพยายามทำความเข้าใจกับเธอว่าเป็นเพียงเพื่อนสนิท และเป็นคนที่เธอพบในห้องพักของเขาในเช้าวันหนึ่งก่อนที่ความสัมพันธ์ของเธอและเขาจะจบลงด้วยการเลิกราคนนั้น...
สายตาของเธอผู้นั้นยามเปิดประตูออกมาพบเธอแสดงความตกใจในครั้งแรก หากในเวลาต่อมาก็แสดงความเป็นมิตร คุ้นเคยราวกับเธอเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง โดยปราศจากร่องรอยเย้ยหยัน และกิริยาแสดงความเป็นเจ้าของอย่างที่เธอเคยได้รับจากผู้หญิงที่พบในห้องของดนัยจนเป็นชนวนเหตุให้เธอตัดขาดกับเขาในที่สุด
เธอพยายามจะนึกชื่อของเธอคนนั้นให้ออก แต่ชื่อดังกล่าวกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ และหันมาพบว่าเธอกำลังมองเขาอยู่
ข้อความของเกดน่ะครับ เขาบอก การะเกด... เพื่อนผมที่กานต์เจอตอนโน้น
ประณตมองเธอเป็นเชิงถาม ขอเวลาผมส่ง SMS กลับไปหาเกดแป๊บนึงนะครับ
โทรศัพท์กลับหาเขาก็ได้นะ ณต กานตาภาว่า
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ ยิ้มให้เธอแทนคำขอบคุณในคำแนะนำ และพิมพ์ข้อความสั้นส่งกลับไปยังเจ้าของข้อความที่ส่งมาถึงเขา ผมกับเกดไม่คุยโทรศัพท์กันมาหลายปีแล้วละ...
คำบอกเล่าของเขาทำให้หญิงสาวต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ และยิ่งแปลกใจมากขึ้นกับคำตอบที่เขาให้เธอในเวลาต่อมา ตั้งแต่เกดสูญเสียการได้ยินไปน่ะครับ
เธอจำได้ว่า ในการพบกันครั้งนั้นการะเกดพูดคุยกับเธอได้อย่างเป็นปกติจนเธอไม่นึกเอะใจเลยว่า คู่สนทนาของตนมีความบกพร่องด้านการได้ยิน และเขาเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอเลย
เกดรู้ว่าพวกเราพูดอะไรโดยการอ่านปากครับ เขาเฉลยข้อกังขาให้ ที่กานต์เห็นว่าเกดพูดได้เหมือนปกติ หรือบางครั้งก็เกือบเหมือนปกติ เพราะเกดเพิ่งสูญเสียการได้ยินตอนอายุ 16 ทำให้มีคลังคำอยู่ในความทรงจำมากพอที่จะพูดและใช้ได้อย่างถูกต้อง
แต่ณตไม่เคยบอกเรื่องนี้เลย...
เขาพยักหน้ายอมรับว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ผมไม่ได้บอกใครว่าเกดมีปัญหาเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้คนคิดว่าต้องปฏิบัติกับเกดเป็นพิเศษ หรือมองเกดด้วยความสงสารว่าเป็นคนพิการอย่างที่มีคนมองอย่างนั้นบ่อย ๆ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ แล้วผมก็ไม่อยากให้เกดต้องตอบคำถามซ้ำซากถึงสาเหตุที่ทำให้เกดเป็นแบบนี้... ผมจะไม่เป็นคนพูดเรื่องนี้เอง เว้นแต่เกดจะขอให้พูดแทน
ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ ขณะกดส่งข้อความไปถึงคนที่เขาเอ่ยถึง และเหลือบมองเวลาที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือนิดหนึ่ง
ถ้ามีงานค้างอยู่ต้องทำต่อ ณตจะกลับเลยก็ได้นะ ไม่ต้องห่วง กานตากล่าว อีกสักพัก ฉันก็จะโทรศัพท์เรียกให้เพื่อนที่มาส่งมารับแล้วละ
ความกังวลลึก ๆ ในสีหน้าของเขายามเห็นเวลาเมื่อครู่จางหายไปทันที หากมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแทนที่ซึ่งบอกให้เธอรู้ว่า เขาเองก็อยากใช้เวลาอยู่กับเธอให้นานกว่านี้เช่นกัน
ให้ผมไปส่งนะ
เธอยิ้มให้เขา และพยักหน้า... ถึงเธอจะยืนยันให้เพื่อนมารับ แต่เธอตระหนักดีว่า เขาจะยังอยู่กับเธอที่นี่ ไม่จากไปไหนและไม่วางใจจนกว่าจะได้เห็นว่า เธอมีคนมารับโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้เขาต้องห่วงอีก
ประณตโบกมือเรียกบาร์เทนเดอร์ให้คิดเงิน ยกมือห้ามไม่ให้เธอเป็นฝ่ายออกเงิน รอให้เธอโทรศัพท์บอกเพื่อนว่าไม่ต้องมารับเธอเรียบร้อยแล้ว เขาก็ส่งมือให้เธอจับเพื่อทรงตัวระหว่างลงจากม้านั่ง และพับสูทสีเข้มที่เธอคลุมพนักที่นั่งส่งให้
ขอบใจมากนะ ณต เธอบอกขณะก้าวผ่านประตูกระจกของร้านที่เขาเปิดให้เธอออกไปก่อน
ยินดีครับ เขาขานรับด้วยรอยยิ้มที่หมายความอย่างเดียวกันกับคำที่พูด พลางม้วนร่มที่พนักงานของร้านส่งคืนให้เรียบร้อย และก้าวขึ้นเดินเคียงข้างเธอ
กานตาภาเงยหน้าขึ้นมองผืนฟ้ามืดสนิทที่ยังคงมีเมฆสีเทาปกคลุมอยู่บางเบา ฝนหลงฤดูที่ตกหนักมาตั้งแต่หัวค่ำหยุดไปนานแล้ว ความเย็นจากสายฝนที่ตกลงมาและสายลมยามค่ำคืนยังไม่จางหาย ทว่าความหนาวเยือกจับใจที่เคยรู้สึกกำลังลบเลือนไปทีละน้อย...
อย่างไรก็ตาม เวลาที่เธอจะอยู่กับเขาอย่างนี้เหลือไม่มากนัก เธออยากทำให้ทุกนาทีที่มีเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุด ก่อนกลุ่มเมฆที่ตั้งเค้าอยู่จะพาสายฝนหวนคืนกลับมาอีกครั้งและทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป
(มีต่อนะคะ)
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
6 ก.พ. 52 01:12:00
]