Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    36 hours ชีวิต ความตาย ความหมาย ศรัทธา

    แอบมาแทรกเรื่องสั้นระหว่างเขียน project เดิมครับ ....
    (ขอเน้นว่าเป็นเรื่องสั้นนะครับ ... ไม่ใช่สารคดี เหอ ๆ )

                                             36 Hours
                    36 ชั่วโมง ชีวิต ความตาย ความหมาย ศรัทธา


    6:30 น. ผมตื่นมาอย่างงัวเงีย แต่มองนาฬิกาแล้วก็ต้องรีบลุก เพราะอีก
    ครึ่งชั่วโมงผมก็ต้องไปทำงานแล้ว อากาศเย็นสบายออกหนาว ๆ สมกับเป็นจังหวัด
    ในภาคเหนือ ช่างต่างจากกรุงเทพที่เรียนมาหลายปีที่มีแต่ร้อนกันร้อน
    โครต

              ผมเป็นคนต่างจังหวัด แต่จบหมอจากรุงเทพ  ... ภูมิใจที่ .... ที่เรียน
    จบ .... ภูมิใจที่ได้เป็นหมอสมดังที่ตั้งใจเลือกเรียนเอง  ตั้งใจที่จะเลือกมา
    ต่างจังหวัดที่ไม่ใช่บ้านเกิด .... อยากทำงาน ....อยากช่วยคน .....อยากรู้ว่า
    หมอต่างจังหวัดเป็นยังไง....


    7:00 น. ผมไปถึงวอร์ดอายุรกรรม ที่ผมเป็นคนดูแลอยู่อย่างรวดเร็ว ตาม
    ประสาแพทย์ที่มักอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเสร็จได้ภายในเวลาไม่เกิน 20
    นาที  ซึ่งเพื่อนผมแซวว่าพวกแกมัน “วิ่งผ่านน้ำ” มากกว่า “อาบน้ำ”

        โรงพยาบาลที่ผมอยู่เป็นโรงพยาบาลจังหวัดระดับที่ถือได้ว่าเป็นโรง
    พยาบาลศูนย์ วอร์ดที่ผมดูแลอยู่ชั้นที่ 8 ฝั่ง A หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า 8A  
    จริง ๆ แล้ววอร์ดผมมีขนาด 30 เตียง แต่ตอนนี้กลายมาเป็น 52 เตียง ชนิด
    ที่อีกยี่สิบกว่าเตียงคือเอาเตียงผ้าใบแบบชายหาดมาปูนอนกัน จนแทบไม่มี
    ทางจะเดิน เตียงฝ้าใบล้นออกไปนอกห้องกินพื้นที่ไปจนถึงระเบียงห้องหน้า
    ลิฟต์ มองแล้วก็จนใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะส่งคนไข้ต่อไปนอนที่ไหน
    ก็นี่มันโรงพยาบาลจังหวัดแล้วนี่นา ..... โรงพยาบาลประเทศก็ไม่มี ....

              ผมเริ่มราวด์คนไข้ในวอร์ด (ราวด์คนไข้ แปลว่าดู ตรวจคนไข้) ไปเรื่อย
    ๆ  แต่รวดเร็ว  พร้อมกับน้องแพทย์ฝึกหัดอีก 2 คน คือหว้าและโบว์ ที่อยู่ฝึก
    กับผม

        ผมเดิมไปแต่ละเตียง ถามว่าเป็นไงบ้าง ทักทายนิดหน่อย ก็เดินผ่านไป
    ยังเตียงถัดไป ... หลายเตียงญาติ ๆ ตัดพ้อ ... “ทำไมหมอคุยสั้น
    จัง” .... “อะไรพูดแป๊บเดียวก็ไปแล้ว” ..... และอีกหลาย ๆ คำที่ได้ยินบ้าง
    ไม่ได้ยินบ้าง .... เข้าใจ ...เป็นใครมานอนโรงพยาบาล หมอมาคุยวันละไม่กี่
    นาทีก็ไป ย่อมรู้สึกไม่ดี .... แต่ลำพังแค่คุยกับคนไข้เตียงละ 5 นาที คูณ
    52 เตียงก็ปาไป 260 นาที หรือก็คือ 4 ชั่วโมงกว่าแล้ว ..... หากคุยเตียงละ
    10 นาที ก็จะกลายเป็นเวลา 9 ชั่วโมง ซึ่งก็คงเป็นไปไม่ได้ .... ในเมื่อยังมี
    อีกหลายอย่างที่ต้องทำ ... ได้แต่คิดว่าหากว่างจะหาเวลามาดูเพิ่มล่ะกัน


    11 : 00  น. ผมเดินมาถึงเตียงน้องอ้อ ... น้องอ้อเด็กสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง
    เธอมานอนโรงพยาบาลเพราะกินยาฆ่าหญ้ามาเมื่อสองวันก่อน เพราะ
    ทะเลาะกับแฟนหนุ่ม ... จนอยากตาย ....เธอเป็นเด็กนักเรียนชั้นม. 5 ใน
    จังหวัดนี่เอง ผมเดินไปถามอาการ .... เธอบอก “สบายดีค่ะ” เหนื่อยนิด
    หน่อย ... มึน ๆ นิดหน่อย .... เธอตอบด้วยรอยยิ้มนิด ๆ  ผมมองหน้าเธอ
    ได้แต่นึกเศร้าในใจ ..... โบว์ได้คุยกับเธอเมื่อเย็นวานนี้  รู้ว่าตอนนี้เธอไม่
    อยากจะตายแล้ว .... ตอนนั้นแค่วูบหนึ่งของความโกรธ ... วูบหนึ่งของความ
    เสียใจ ..... วูบหนึ่งของการตัดสินใจที่ผิดพลาด ..... ผมหันไปมองหน้าแม่
    ของเธอ ... เธอน้ำตาคลอ .....

              เมื่อวานเย็นผมบอกเธอไปแล้ว .... ว่าลูกเธอกำลังจะตาย .... เธอไม่
    เชื่อ .... เธอบอกลูกไม่เห็นจะป่วยหนักตรงไหน ... ยังพูดได้ ... กินข้าวได้
    อยู่เลย .... ผมเข้าใจ .... ว่าเป็นใครย่อมไม่อยากจะเชื่อ .... เพราะลูกเธอดู
    เผิน ๆ ก็ไม่เหมือนคนป่วยหนักจริง ๆ .... แต่ยาที่เธอกินเข้าไปนี่สิ ....
    อันตราย .... อันตรายจริง ๆ .... ยาจะค่อย ๆ ทำลายปอดจนเป็นพังผืด ....
    ตับวาย .... ไตวาย ......อวัยวะล้มเหลว ... อาการจะมากขึ้นเรื่อย ๆ .... จน
    เสียชีวิตในที่สุด .......

          ผมนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตอบน้องอ้อไปว่า
    “ดีแล้ว ที่สบายดี”  .... แม้รู้เต็มอกว่ามันไม่จริง ..... และเธอกำลังจะ
    ตาย ....ผมแตะบ่าแม่เธอเบา ๆ  ก่อนเดินไปตรวจเตียงถัดไป


    12 : 30  น. ตามคาดว่าผมไม่สามารถดูคนไข้ให้เสร็จก่อนเที่ยงได้  ผมเดิน
    ละจากคนไข้เตียงสุดท้าย รีบเผ่นไปกินข้าวเที่ยง เพราะเดี๋ยวบ่ายโมงผมต้อง
    ไปตรวจโอพีดีต่อ ( OPD ; outpatient department = ตรวจผู้ป่วย
    นอก) .... สวมวิญญาณจระเข้ กลืนข้าวลงได้หมดในเวลา 10 นาทีเศษ ตาม
    ด้วยน้ำอีกแก้ว แล้วเดินไปยังแผนกผู้ป่วยนอกอายุรกรรมทันที


    13 : 00 น.  ผมเริ่มตรวจผู้ป่วยนอก มองออกไปคนไข้ที่รอเฉพาะหน้าห้อง
    ผมเหลืออีก ยี่สิบกว่าคน ...เหนื่อย .... แต่ก็ต้องยิ้ม คนมาหาหมอทุกคน
    ทุกข์ยากมา หากเจอหน้าบึ้ง ๆ แค่เห็นก็คงแย่แล้ว ....  อีกอย่างแอบไม่
    อยากเป็นหมอคนที่สองในเดือนนี้ที่ถูกร้องเรียนว่า “ไม่ยิ้มเลย หน้าไม่รับ
    แขก”
         จริง ๆ เมื่อก่อนโรงพยาบาลไม่จำเป็นต้องจัดหมอมาตรวจช่วงบ่าย
    เพราะคนไข้ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ส่วนใหญ่แค่บ่ายโมงเศษ ๆ ก็ตรวจได้หมด
    แล้ว แต่หลังจากมาตรการ 30 บาทรักษาทุกโรค .... ยอดคนไข้ปีถัดมาเพิ่ม
    เป็นสองเท่าทันตาเห็น และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โอพีดีอายุรกรรมจากวันละ 300
    คน ถีบขึ้นเป็น 500-600 คนต่อวันทันที .... คนไข้เพิ่มสองเท่า .... แต่หมอ
    น้อยลงกว่าเดิมสามคนเพราะลาออกไป .... ทำไงนะเหรอ ...ก็ต้องเพิ่มเวลา
    ตรวจช่วงบ่ายไป ....
               30 บาท ...นโยบายดี ... เห็นด้วย .... ทุกคนมีสิทธิรับการรักษาเท่า
    เทียม..... ชม ...ขอชม ... อยากให้เป็นอย่างนั้น ..แต่ในแง่ปฏิบัติสิ .....
    ตอบยาก .... เมื่อหลายคนมาตรวจ ...หลาย ๆ คนย่อมมาด้วยความคาด
    หวัง ..... ความคาดหวัง .... ที่หลาย ๆ ครั้งไม่เป็นไปตามที่หวัง ย่อมผิดหวัง
    อารมณ์ ความโกรธ ความไม่พอใจก็เข้ามาแทนที่ คำตำหนิที่เข้ามา .....
    บริการไม่ดี .... ตรวจไม่ละเอียด .... ทำไมรักษาไม่ได้ .....  รักษาเต็มที่รึ
    เปล่า .......ฯลฯ  เพิ่มมาเป็นเงาตามตัว


    15 : 45 น. คนไข้คนสุดท้ายเดินออกจากห้องไป ไม่มีเวลาแล้ว วันนี้ผมอยู่
    เวรใน อายุรกรรม (เวรในแปลว่า เวรที่คอยดูแลผู้ป่วยใน ที่นอนอยู่ในโรง
    พยาบาล จะมีอีกเวรคือเวรนอกที่อยู่ประจำห้องฉุกเฉิน) อยู่เวรกับน้องแพทย์
    ฝึกหัดสองคนเดิมของผม หว้า กับโบว์ แพทย์หนึ่งคนกับแพทย์ฝึกหัดสอง
    คน ดูแลวอร์ด 4 วอร์ด ในสองชั้นคือ 8A  8B  9A และ 9B จำนวนเตียงปกติ
    ควรจะเป็นไม่เกิน 120 เตียงซึ่งถือว่าไม่มากเท่าไหร่เทียบกับหมอสามคน  
    แต่ตอนนี้มีคนนอนอยู่มากกว่าสองร้อยคน


    16 : 00 น. ผมไปรับเวร (อธิบายภาษาหมอหน่อย รับเวร คือการที่หมอคนที่
    จะอยู่เวรในคืนนั้น จะไปคุยกับแพทย์ประจำวอร์ดนั้นว่ามีคนไข้รายไหนต้อง
    ดู หรือต้องระวังเป็นพิเศษ คนไหนอาการหนักต้องเฝ้าติดตามอาการใกล้ชิด
    บ้าง) รับเวรกับหมอหรือก็เพื่อนผมเองนั่นแหละ  หมอประจำวอร์ดส่งเวรมา
    วอร์ดละหลายเตียง รวม ๆ มีคนไข้ที่ต้องระวังกว่าสามสิบเตียง ... ถามว่าจำ
    ได้ไหม ... จำไม่ได้หรอก .... ต้องจดโพยติดตัวเอา

    แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 52 11:50:12

    จากคุณ : ผมอยากที่จะเชื่อ - [ 7 ก.พ. 52 11:19:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com