คุณเคยรู้สึกเหงาไหม...
คุณเคยรู้สึกอ้างว้างหรือเปล่า...
เจ็บปวดไหมที่รู้สึกว่าไม่มีใครเหลียวแลหรือต้องการคุณ...
ผมน่ะเหรอ...
ผมไม่รู้สึกอะไรเลย...
อย่างน้อยก็ตอนนี้
ผมไม่ได้รู้สึกถึงแม้แต่แรงลมที่กำลังปะทะหน้าผมอยู่ แม้ว่าจะยืนอยู่ริมระเบียงด้านนอกของดาดฟ้าชั้นเจ็ดเลยก็ตาม
นานแล้ว...ที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ มองลงไปยังเบื้องล่างที่ถูกความมืดบดบังความสูงที่แท้จริงไว้
ในหัวของผมกำลังคิดแต่เรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา ว่าถ้าผมโดดลงไปผมคงได้นอนหลับอยู่ตรงนั้นตลอดไป ไม่ต้องตื่นมาพบกับทุกวันที่น่าเบื่อ ไม่ต้องคอยฟังเสียงพ่อแม่ทะเลาะกันทุกเช้าค่ำ ไม่ต้องกลับบ้านที่ไม่มีใครรอผมอยู่
เพียงแค่โดดลงไป... ผมก็ไม่ต้องทนอยู่กับความอ้างว้างเดียวดายอีกต่อไปแล้ว
คิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบนั้น
เสียงใสๆ ของใครบางคนทำให้เท้าของผมที่กำลังจะก้าวลงบนอากาศธาตุหยุดชะงักลงและเอียงคอไปมองผู้หญิงที่มายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ถ้านายตายพ่อแม่พี่น้อง ครอบครัวของนายจะเสียใจแค่ไหนกัน ให้มันเป็นแบบนั้นจะดีเหรอ
พวกเขาไม่ได้สนใจผมมานานมากแล้ว ถึงผมจะตายตอนนี้ก็คงไม่มีใครมาใยดีผมหรอก
นายคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ ถ้าใครในครอบครัวนายตายบ้าง นายคิดว่าตัวเองจะไม่เสียใจเหรอ นายคิดว่าปัญหาที่นายเจอมันหนักหนาสาหัสขนาดแก้ไขไม่ได้เลยเหรอ นายคิดว่าตัวเองมีปัญหาแค่คนเดียวรึไง คนอื่นๆ อีกมากมายก็มีปัญหาเขายังมีชีวิตอยู่ทนสู้ต่อไปได้เลย นายเป็นผู้ชายอกสามศอกกลับไม่คิดอยู่สู้บางเลยรึไง เอาสิ! โดดเลย ถ้าโชคดีหน่อยหัวนายก็คงทิ่มลงหอหักหัวแตกสมองไหลตายโดยไม่ทรมานมากนัก แต่คงลำบากคนที่ต้องมาเก็บศพนายน่าดู ถ้าโชคร้ายอาจจะแค่แขนขาหักพิการหรือกลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต ต้องทรมานทั้งตัวเองแล้วยังลำบากคนที่ต้องมาดูแลนายอีก ถ้าไม่กลัวว่ามันจะแบบนั้นก็โดดเลยสิ
ผู้หญิงอะไรพูดมากชะมัด...
อ้าว! เลิกคิดฆ่าตัวตายแล้วใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเมื่อผมก้าวเท้ากลับเข้าไปด้านใน
แน่ล่ะ...ก็เธอเล่นพูดซะผมหมดอารมณ์อยากตายแล้วนี่
แล้วนั่นนายจะไปไหนน่ะ เธอถามต่อ แต่ผมไม่รู้จะตอบอะไร เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปที่ไหนดี บ้าน...ผมก็ยังไม่อยากกลับ
เหมือนเธอคนนั้นจะอ่านใจผมได้...
ถ้านายยังไม่รู้จะไปไหน มานั่งชมวิวเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม
พูดจบเธอก็ลากเก้าอี้ไม้เก่าๆ สองตัวมาปัดฝุ่นก่อนจะเชื้อเชิญให้ผมนั่ง
วิวตอนกลางคืนที่นี่สวยดีนะ
จริงอย่างเธอว่า...ผมนั่งลงข้างๆ เธอ มองออกไปยังแสงสว่างที่ส่องมาจากตึกรามต่างๆ ที่อยู่ไกลออกไป
เมื่อไหร่ที่รู้สึกไม่สบายใจ ลองมานั่งชมวิวแบบตอนนี้สิ อาจจะช่วยให้ใจสงบขึ้นได้บ้างนะ
ก็คงเป็นอย่างนั้น...อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รู้สึกสงบขึ้นบ้างนิดหน่อยแล้ว
อนาคตยังอีกไกลนะ คนทุกคนล้วนต้องได้เจอะเจอปัญหา อยู่ที่ว่าจะหนักหนาสาหัสสักแค่ไหน อาจจะมีคนที่ได้พบปัญหาหนักกว่านายก็ได้ และพวกเขาก็ยอมที่จะทนเพื่อที่จะเดินต่อไปให้ถึงวันข้างหน้าที่สดใส ลองให้เวลาผ่านไปแล้วย้อนกลับมามองดูใหม่ ปัญหาที่เคยคิดว่าหนักหนาในวันนี้ วันหน้าอาจจะกลายเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเองก็ได้ สู้ต่อไปสิ นายเป็นลูกผู้ชายไม่ใช่เหรอ
เธอถือวิสาสะตบบ่าผมเพื่อให้กำลังใจ ถึงจะรู้สึกแปลกแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
จริงๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะว่าผมต้องการให้ใครสักคนมาสนใจผม คอยฉุดรั้งผมเอาไว้แค่นั้นก็ได้ แล้วเธอก็มา...
เรานั่งดูวิวด้วยกันต่อไปอย่างเงียบๆ
จนกระทั่งเช้า....
ผมตื่นขึ้นบนเก้าอี้ตัวเดิม แต่ข้างๆ ไม่มีเธออยู่แล้ว มองไปรอบๆ ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครอยู่ ให้ตายเถอะ! อย่างน้อยก่อนจะกลับก็น่าจะปลุกกันบ้าง
ผมปัดฝุ่นที่ติดตามตัวออกพลางคิดในใจว่ายังไงก็คงต้องกลับ
ผมเดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงบ้าน เมื่อผมจับที่ลูกบิดประตู เสียงโหวกเหวกที่คุ้นเคยก็ลอยมาเข้าหู
พ่อแม่ของผม...พวกเขาทะเลาะกันเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
หัวใจที่รู้สึกปลอดโปร่งมาจนถึงเมื่อครู่กลับด้านชาขึ้นมาอีกแล้ว
ผมตั้งใจจะเดินผ่านเข้าไปโดยไม่ใส่ใจ แต่ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไปแม่ก็เริ่มหันมาเล่นงานผม
คิม แกไปไหนมาทั้งคืนหา!
ฉันทำงานเหนื่อยเพื่อส่งเสียแกไปเรียนให้ได้ดี แล้วทำไมทำตัวเหลวไหลแบบนี้ คราวนี้พ่อโวยบ้าง
แกอายุเท่านี้ก็คิดจะทำตัวเลวๆ แบบพ่อแกแล้วเหรอ
นี่คุณ! พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง นี่ตั้งใจจะด่าผมเหรอ
ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบจากผม ทั้งคู่ก็หันไปทะเลาะกันอีกแล้ว
พวกคุณเคยสนใจผมด้วยเหรอ ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก มันออกจะสั่นเครือด้วยซ้ำ
น้ำตาผมกำลังจะไหล...
ผมรู้สึกอึดอัด...
แน่นหน้าอก...
ท้องไส้ปั่นป่วนจนอยากอาเจียน
ไม่ไหวแล้ว...
ผมถามว่าพวกคุณเคยสนใจผมด้วยเหรอ ว่าผมจะเป็นยังไงน่ะ ผมตะโกนออกไปด้วยเสียงที่ดังมากจนทั้งคู่หันมามองผมอย่างตื่นตะลึง
อยากรู้นักใช่ไหมว่าผมไปไหนมา ผมไปอยู่บนดาดฟ้าที่ตึกร้างมาทั้งคืน รู้ไหมว่าทำไมผมไปอยู่ที่นั่น ผมตั้งใจจะไปตาย โดดลงมาจากตึกเจ็ดชั้นนั่นเพื่อจะได้ตายๆ ไปซะให้พ้นจากพวกคุณไง และคงตายไปแล้วถ้าไม่มีคนมาห้ามไว้ซะก่อน ผมเบื่อพวกคุณเต็มทนแล้ว ถ้าเกลียดกันมากขนาดนั้นจะทนอยู่ต่อไปกันทำไม ถ้าคุณไม่เคยคิดจะสนใจผมแล้วให้ผมเกิดมาทำไม
ทำไม!
ผมหยุดหอบหายใจก่อนจะมองหน้าพ่อและแม่ที่กำลังอึ้ง
ผมตัดสินใจก้าวเท้าวิ่งออกไปจากบ้าน วิ่งออกไปอย่างไร้จุดหมาย น้ำตาเอ่อล้นตาจนแทบมองไม่เห็นทาง ผมกลับไปที่ดาดฟ้าและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม มองออกไปยังฟ้าไกลด้วยใจที่เหม่อลอย ก่อนจะหลับตาลงและหลับไปทั้งอย่างนั้น
ฟ้ามืดแล้ว...
ตื่นแล้วหรือ
เสียงใสๆ จากเธอคนเดิมทักเมื่อเห็นว่าผมลืมตามองเธออยู่อย่างงงๆ
สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง
เธอถาม...แต่ผมไม่ตอบ
ผมนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะเปิดปากพูด
พวกเขา...ท่าทางจะตกใจ ผม...ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ผมเกลียดพวกเขา แต่ผมก็รักพวกเขา ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองพูดเหมือนกำลังเพ้อ แต่การพูดออกไปแบบนี้มันช่วยทำให้ความอึดอัดในใจลดลงได้บ้าง
ถ้านายเสียใจจริงๆ ก็กลับไปสิ กลับไปขอโทษพวกเขา แล้วลองบอกไปสิว่าอยากให้เขาสนใจนายมากกว่านี้ พูดสิ่งที่นายคิดออกไปดีๆ อธิบายว่าอะไรที่ทำให้นายอึกอัดใจน่ะ
แต่ว่าผม...ผม....
นายยังโชคดีนะ นายยังมีโอกาสแก้ไขอะไรๆ ได้ ในขณะที่ฉัน...ที่คนอื่นๆ ไม่มีโอกาสแล้ว ในเมื่อมีโอกาสก็ลองทำดูเถอะ มันอยู่ที่ใจของนาย
เธอยิ้มอย่างเศร้าๆ ออกมาให้ผมได้เห็นนิดนึงก่อนจะเบือนหน้าหนีไป
บางที...เธออาจจะเป็นเหมือนกันกับผม หรืออาจจะมากกว่า....
ผมจะกลับ...ขอบใจนะ
ผมหันมายิ้มให้เธอก่อนที่จะเดินออกไป เธอยิ้มและอวยพรให้ผม
ขอให้โชคดีนะ
กลับมาแล้วหรือคิม หิวข้าวไหมลูก
แม่รี่เข้ามาหาผมและจับแขนผมเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายตัวไปอีก
เหนื่อยหรือเปล่ารีบไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวสิ คิม ผมหันไปมองพ่อที่ส่งยิ้มมาให้ แต่ผมก็สังเกตเห็นริ้วรอยแห่งความวิตกที่อยู่ในแววตา และเมื่อหันมามองแม่ก็เห็นได้ชัดว่าตาของแม่แดงก่ำ
ผมทำให้แม่ร้องไห้...
ผมเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำอย่างเงียบๆ และกลับลงมานั่งที่โต๊ะทานข้าว
ระหว่างที่รับประทานอาหารกันอยู่ พ่อแม่ของผมพยายามพูดคุยกันอย่างร่าเริงอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อทานกันเสร็จแม่ไล่ให้ผมไปนั่งดูโทรทัศกับพ่อ สักพักแม่ก็ตามมานั่งด้วย
คิม จู่ๆ พ่อก็เอ่ยเรียกผมด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจบอกพ่อกับแม่ได้นะ ที่ผ่านมาพวกเราอาจจะไม่ใช่พ่อแม่ที่ดีนัก เรายอมรับว่าที่ผ่านมาเราเอาแต่ใช้อารมณ์ใส่กันจนไม่สนใจลูกเลย แต่ให้โอกาสเราเถอะ ต่อไปนี้เราจะพยายามปรับตัวเข้าหากัน แม้จะยังไม่เข้ารูปเข้ารอย แต่เราจะพยายามเพื่อลูก ให้อภัยและอยู่ต่อกับพวกเราเถอะนะ
พูดถึงตอนนี้น้ำเสียงของพ่อดูจะสั่นเครือ แม่ก็พยายามกลั้นน้ำตาแต่มันก็ไหลออกมาจนได้ เมื่อเช้าผมคงทำให้พวกท่านตกใจมาก แม้จะรู้สึกผิด แต่ผมกลับดีใจที่ผลมันออกมาเป็นแบบนี้
ครับ
ผมตอบสั้นๆ และโอบกอดพวกท่านทั้งสองด้วยน้ำตา พวกเราสามคน พ่อแม่ลูกกอดกันอย่างแนบแน่น ต่อแต่นี้เราจะเริ่มต้นกันใหม่ ผมคิดอย่างนั้น...
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้ยินเสียงพวกท่านทะเลาะกันอีก อาจจะมีง้องแง้งบ้างนิดหน่อย แต่พยายามไม่ให้มันรุนแรงมากเหมือนที่ผ่านมา พวกท่านให้เวลาและสนใจผมมากขึ้น
ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามีความสุขดีมากแล้ว
แล้วเธอคนนั้นล่ะ...
ผมนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่ช่วยห้ามผมไม่ให้ฆ่าตัวตาย และช่วยให้กำลังใจเตือนสติผม ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง ชื่อของเธอผมก็ไม่ได้ถามไว้ ดูจากแววตาเศร้าๆ ของเธอในตอนนั้น เธอคงมีปัญหาอะไรอยู่ในใจเหมือนกัน
ผมรู้สึกละอายนิดหน่อยที่เอาแต่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง
วันนี้ผมเดินมาหยุดหน้าแมนชั่นศิโรรักษ์ในเวลาที่ใกล้พลบค่ำ ก็ตึกร้างที่ผมตั้งใจมาโดดนั่นล่ะ ที่นี่เคยมีคนมาโดดตึกฆ่าตัวตายมาก่อน ได้ยินว่าเพราะผีเฮี้ยนเลยไม่มีคนมาเช่าอยู่จนในที่สุดก็เจ๊งไป กลายเป็นตึกร้างไปในที่สุด
ผมคิดถึงข่าวหน้าหนึ่งที่เคยลงข่าวว่าเด็กผู้หญิงโดดตึกตายประชดพ่อแม่ ถ้าวันนั้นไม่มีใครมาห้ามผมไว้ ผมก็คงจะกลายเป็นอีกข่าวนึงในหนังสือพิมพ์ให้ชาวบ้านได้ถกกันสนุกปาก
ผมเดินขึ้นสู่ดาดฟ้าด้วยบันไดหนีไฟเหมือนเคยในใจก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
จะเจอเธอเหรอ ตึกร้างเปลี่ยวก็เปลี่ยว แล้วเธอจะมาอยู่ที่นี่ทำไมอีกล่ะ
สวัสดี
เสียงใสๆ ที่เอ่ยทักผม ทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ อยู่
สวัสดี ไม่คิดว่าเธอยังอยู่ที่นี่อีก
วิวที่นี่สวยนะ
อ้อ มาชมวิวสินะ...
สีหน้าดีขึ้นแล้วนี่ ชีวิตคงดีขึ้นแล้วสินะ ฉันดีใจด้วย
เป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากเธอนั่นแหละ ขอบใจนะ
เธอยิ้ม...
ตอนนี้ผมคิดว่ารอยยิ้มของเธอน่ารักมากจริงๆ
ผมชื่อคิมหันต์ แล้วเธอ...เอ่อ...อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเขินขึ้นมาที่จะถามชื่อเธอ
แสงดาว...จะเรียกว่าดาวก็ได้นะ
แสงดาว...ชื่อคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน
งั้นก็เรียกผมว่าคิมนะ
ผมกับดาวนั่งดูแสงไฟตอนกลางคืนเงียบๆ อยู่นานจนผมมองนาฬิกาข้อมือ มันบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ แล้ว ผมจึงบอกลาเธอ
แล้วคิมจะมาที่นี่อีกไหม ดาวเอ่ยถามผมด้วยแววตาที่คาดหวัง
มาสิ ผมจะมาที่นี่ทุกวัน
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 52 20:13:59
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 52 20:10:28
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 52 20:08:45
จากคุณ :
จันทราสีน้ำเงิน
- [
8 ก.พ. 52 20:06:24
]