Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    MOT D’AMOUR : ถ้อยคำของความรัก (ตอนจบ)

    ตอนที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7440418/W7440418.html
    ตอนที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7469143/W7469143.html
    ตอนที่ 3 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7497848/W7497848.html

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตอนจบ

    กานตาภาหลับตาลงเมื่อใบหน้าของประณตเคลื่อนเข้ามาใกล้ จนกระทั่งรู้สึกถึงสัมผัสร้อนผะผ่าวจากริมฝีปากที่กดประทับตรงหน้าผาก ไล่เรื่อยลงมายังแก้ม และแตะลงเหนือริมฝีปากของเธอเพียงแผ่วผ่าน

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วนาที ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ดันตัวเธอให้ห่างตัวเขาออกไป คล้ายกับพยายามยับยั้งชั่งใจอย่างสุดความสามารถ แต่แล้วเขากลับรั้งตัวเธอเข้ามาหาเขาอีกครั้ง และแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธออีกครั้งอย่างลึกล้ำ เนิ่นนานกว่าคราวแรก

    มือที่ยกขึ้นหมายจะวางทาบบนอกของชายหนุ่มเพื่อผลักออกไป ขอให้หยุด และปล่อยเธอให้เป็นอิสระในคราวแรกกลับยึดเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมใส่ดึงร่างของเขาเข้ามาชิด และปล่อยใจตอบสนองสัมผัสที่เพิ่งบอกตนเองให้ปฏิเสธ

    หากในวินาทีเดียวกันนั้น กลับมีความรู้สึกหนึ่งก่อตัวขึ้นในใจ และรุนแรงขึ้นทุกขณะ แล้วมือของเธอที่จับยึดเสื้อเชิ้ตของเขาเอาไว้เมื่อครู่ก็คลายออก และผลักร่างสูงโปร่งที่กอดเธอเอาไว้ให้ถอยห่างออกไปจากเธอ

    หญิงสาวกำมือข้างที่สวมแหวนอยู่แน่น กุมไว้เหนือหัวใจที่กำลังเต้นแรง รู้สึกว่าใบหน้าของตนทั้งชาและร้อนจัดด้วยความรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป ในขณะที่เขาชะงักกับการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของเธอ และมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

    “กานต์ยังรักผมอยู่ไหม...”

    ประโยคดังกล่าวของเขาทำให้หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วครู่อย่างไม่คาดคิด... นี่ไม่น่าจะเป็นคำถามที่ตอบได้ยากเย็นเลย หากเธอกลับพบว่าไม่สามารถให้คำตอบแก่เขาได้

    “ฉันไม่...” เธอสามารถเอ่ยออกมาได้เพียงสองคำแรกเท่านั้น...

    เขากุมต้นแขนทั้งสองของเธอเอาไว้ ต่อข้อความที่ขาดหายไป และตั้งเป็นคำถามให้เธอตอบ “กานต์ไม่รู้ว่ายังรักผมอยู่ไหม หรือกานต์ไม่รักผมแล้ว...”

    เธอทำได้เพียงแค่เงียบ และก้มหน้าลงหลบสายตาของเขาไป หากไม่นานนักเธอกลับต้องเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าเพราะคำถามต่อมาของเขาที่กระทบใจเธอเข้าอย่างจัง

    “หรือตอนนี้กานต์กำลังคบกับใครสักคนอยู่…”

    ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในวันที่เธอกับเขาถกเถียงกันจนกระทั่งทุกอย่างจบลงด้วยการเลิกรากำลังเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ เจ้าของข้อสงสัยดังกล่าวเป็นเขา ไม่ใช่เธอ และเธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นี่ไม่ใช่ความจริง

    เธอจำได้ดีว่า บ่อยครั้งที่เขาคาดเดาความรู้สึกและความคิดของคนรอบข้างได้อย่างไม่ผิดพลาด ต่อให้โกหกอย่างแนบเนียนเพียงใดก็ยากจะพ้นสายตาของเขาไปได้ สุดแท้แต่เขาจะเอ่ยปากออกมาว่า ดูออกหรือไม่เท่านั้น

    “ใช่คนที่ซื้อแหวนที่กานต์สวมอยู่ให้หรือเปล่า”

    กานตาภาสะดุ้งน้อย ๆ กับข้อสังเกตของนายตำรวจหนุ่ม “ณตรู้ได้ยังไง”

    “ใช่จริง ๆ สินะ…” เขาพึมพำแผ่วเบาคล้ายใจลอยไปกับความคิดของตนเองชั่วครู่ “ผมควรจะเอะใจมาตั้งแต่แรกแล้ว...”

    “ผมจำได้ว่ากานต์ไม่ค่อยชอบใส่แหวน แล้วคนทำงานเจรจาแบบนี้มักเลี่ยงใส่เครื่องประดับพวกนี้ ยกเว้นเป็นแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน แถมกานต์ยังมักจะจับแหวนที่สวมอยู่บ่อย ๆ เวลาไม่รู้ตัว... โดยเฉพาะเมื่อกี้นี้ สายตาของกานต์เวลามองแหวน มันเป็นสายตาที่เหมือนกำลังมองเห็นใครสักคนมากกว่าสิ่งของ”

    เขาถอนใจยาวก่อนสบตากับเธอ “ตกลงว่า กานต์คบกับเขาคนนั้นอยู่ใช่ไหม”

    “ใช่... แหวนนี้เขาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด” เธอยอมรับ “แต่ฉันเพิ่งเริ่มต้นคบกับเขาได้ไม่นาน ไม่ถึงสองเดือน แล้วก็ไม่รู้ว่าเราสองคนจะไปกันได้ไกลขนาดไหน”

    “แล้วไงล่ะครับ” เขาถามสวนกลับมาทันที “มันหมายความว่าอะไร... กานต์หมายความว่า กานต์จะคบกับเขาต่อไป หรือจะเลิกกับเขา หรือจะทำยังไงต่อไป”

    คำถามของเขาไม่ใช่คำถามที่เธอสามารถตอบได้โดยง่าย ณ เวลานั้นเลย... เธอไม่คาดว่าจะได้ยินคำถามนี้ ไม่เคยคิดว่าจะต้องตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบที่ดีกับตัวเธอ เขา และใครอีกคนหนึ่งได้อย่างไร

    ทางออกที่ดีที่สุดของเธอในยามนี้ คือ การนิ่งเงียบ... เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำยามที่เธอตั้งคำถามคาดคั้นเอาคำตอบเรื่องการะเกดจากเขาให้ได้ในวันนั้น

    ประณตเม้มปากแน่นทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่กลับเปลี่ยนใจ จับแขนเธอแน่นขึ้นคล้ายจะรั้งตัวเธอเข้ามาชิดเขาอีกครั้ง และการกระทำของเขาก็ทำให้เธอขืนตัวเอาไว้ ใช้มือยันร่างเขาออกไป  

    “ปล่อย… อย่าทำแบบนั้นอีก” เธอร้องบอกด้วยความตระหนก แม้ที่นั่นจะเพียงเธอกับเขา หากเสียงหนึ่งในใจเตือนไม่ให้เธอทำอย่างที่เคยทำซ้ำอีก

    ไม่ทันสิ้นเสียงห้าม มือที่ยึดเธอไว้กลับปล่อยเธอให้เธอเป็นอิสระ เหมือนเมื่อครู่นี้เขาต้องการเพียงทดสอบว่าเธอจะทำเช่นไรและคิดกับเขาอย่างไร

    “เพราะกานต์แคร์เขา รู้สึกผิดกับเขาใช่ไหม”

    กานตาภาพยักหน้า และหลบตาเขาไป... สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกว่าเสียงของตนเองแห้งหายจนเปล่งออกมาเป็นคำไม่ได้

    “ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดกับกานต์อีกแล้ว” เขาบอกเสียงเย็น ไม่มีรอยยิ้ม หรือความอบอุ่นหลงเหลืออยู่ในท่าทีของเขาอีกต่อไป “ทุกอย่างจบแล้ว…”

    “แต่... ณตไม่เข้าใจ” เธอพยายามแย้ง หากความคิดของเธอสับสนจนไม่อาจหาเหตุผลที่จะกล่าวกับเขาได้ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงกล่าวออกไปเช่นนั้น

    “สิ่งที่ผมควรจะได้พูด ผมก็ได้พูดหมดแล้ว สิ่งที่กานต์ทำเมื่อกี้บอกชัดแล้วว่ากานต์ไม่รักผมแล้ว สำหรับผมมันจบแล้ว กานต์จะให้ผมเข้าใจว่ายังไง...” เขาเน้นคำเดิมซ้ำอีกครั้ง “หรือกานต์จะให้ผมรอให้กานต์เลิกกับเขาเพราะไปด้วยกันไม่ได้ แล้วกลับมาหาผมอย่างที่ผมเคยรอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาโดยที่ไม่รู้ว่าผมจะได้โอกาสนั้นอีกเมื่อไหร่ หรือผมต้องรอกานต์ไปตลอดชีวิต...”  

    น้ำเสียงราวกับตำรวจกำลังตั้งคำถามกับผู้ต้องหาของประณตต่างไปจากคนเดิมที่เธอเคยรู้จักมาแสนนาน และไม่เหมือนกันผู้ชายแสนดีที่ปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยน ทะนุถนอมมาตลอดช่วงเวลาก่อนหน้านี้

    “หรือกานต์จะให้ผมแย่งกานต์จากเขา ทำทุกวิถีทางให้เรากลับมาคบกันเหมือนเดิม หรือจะให้ผมเอาเรื่องเก่าของเราไปพูดให้เขาฟังอย่างที่พี่หนึ่งเคยทำกับผม” เขาสบตากับเธอตรง ๆ “เมื่อก่อนผมอาจจะไม่ทำ แต่อย่านึกว่าตอนนี้ ผมจะทำไม่ได้...”

    “กานต์ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าที่ผมไม่ช่วยพี่หนึ่ง ผมไม่ช่วยเพราะช่วยไม่ได้อย่างเดียว ไม่ใช่ไม่อยากช่วยเพราะยังแค้นเขาอยู่ด้วย” เขาเอ่ย “ผมไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกนะ กานต์… ผมรักเป็น ผมก็เกลียดเป็น ผมทำดีกับคนอื่นได้ ผมก็ทำเรื่องร้ายกับคนอื่นได้เหมือนกัน”

    คำกล่าวของเขาทำให้เธอสะท้านวูบไปทั้งใจ ภาพของประกายกร้าวในดวงตาที่เธอเคยเห็นในครั้งแรกเมื่อเธอพบกับเขาที่หน้าเคาน์เตอร์ของแจ๊สบาร์ซึ่งทำให้เธอรู้สึกได้ทันทีว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมผุดขึ้นแจ่มชัดในความทรงจำอีกครั้ง

    สิ่งที่เขาเป็นและสิ่งที่แสดงออกอย่างไหน คือ ตัวตนที่แท้จริงของเขากันแน่... แต่สิ่งที่เธอแน่ใจที่สุดในยามนี้ คือ เขาไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว

    เวลาทำให้คนเปลี่ยนแปลงได้ไม่มากก็น้อย... สามปีที่ผ่านมา เธอไม่รู้ว่าเขาพบเจอกับสิ่งใดมาบ้าง ภาพในสายตาของเพื่อนที่มองเพื่อนด้วยกันอาจรู้สึกว่าเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภาพของเขาในสายตาของคนอื่นที่แม้แต่เพื่อนสนิทของเขาอย่างชลทิชาก็ไม่เคยเห็นกันเล่าจะเป็นอย่างไร

    เธออยากจะคิดว่า เขากำลังพยายามโกหกเธอ เพื่อให้เธอตัดสินใจกลับไปหาคนที่เธอเริ่มคบหาในฐานะคนรู้ใจ... แต่เขาไม่เคยโกหก และเป็นคนที่โกหกใครไม่เป็น

    หรืออาจเป็นเธอที่เป็นฝ่ายหลงเชื่อและยึดติดกับภาพเก่าของเขา ปล่อยให้ความทรงจำเดิมที่สวยงามบดบังภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่เสียเอง...

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เคยแน่นอน ยามนี้กลับแปรเปลี่ยนไปจนไม่อาจคาดเดา หรือคาดหวังอะไรได้อีกต่อไปแล้ว และทำให้เธอสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเช่นใด

    “นี่ณตรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่าว่าณตทำตัวไม่เหมือนกับณตคนเดิมที่ฉันรู้จักเลย” เธอข่มเสียงที่เอ่ยถามออกไปไม่ให้สั่น “ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่า ณตคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักเมื่อกี้นี้กับณตในตอนนี้คนไหนเป็นตัวจริงกันแน่”



    (มีต่อนะคะ)

    แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 52 16:44:01

    จากคุณ : ปิยะรักษ์ - [ 10 ก.พ. 52 00:42:19 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com