และแล้วอารมณ์อยากตายของผมมันก็กลับมาพลุ่งพล่านอีกครั้ง
ที่จริงมันไม่มีอะไรหรอก ผมไม่ได้อกหักรักคุด ไม่ได้เป็นหนี้เป็นสินจนล้นพ้นตัว
ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้าย ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่พี่น้องและแฟนก็ยังอยู่ครบถ้วน
มันไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่ผมอยากฆ่าตัวตายเฉยๆ
เรียกร้องความสนใจ ?
ก็ไม่นิ คิดว่าข่าวการฆ่าตัวตายของผมคงไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์หรอก การตายของผม
ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับสังคมเลย ดีเสียอีกที่ผมตายไป ก็จะเป็นการลดจำนวนเหลือบ
ที่กัดกินโลกใบนี้ลงไปได้อีกหนึ่งคน
โลกจะได้หมุนรอบตัวเองอย่างเสถียรขึ้น
หลายต่อหลายครั้งแล้วที่ผมคิดจะตัวตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ทุกครั้งเลย มักจะมีเหตุ
อันต้องสะดุดจนทำให้ผมฆ่าตัวไม่สำเร็จ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ผมก็เลยเขียนบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ เพื่อมาศึกษาเผื่อทำ FMEA
ไดอารี่ "การฆ่าตัวตายของผม"
วัน X เดือน X ปี XXXX
ไปเดินเล่นที่หนองโคด ยืนมองผิวน้ำ ผิวน้ำดูสงบนิ่ง ไร้คลื่นราวกระจก เออแฮะ มันน่า
กระโดดลงไปให้น้ำแตกกระจาย ว่าแล้วก็โดดน้ำฆ่าตัวตายดีกว่า คิดแล้วก็รีบทำ ถอด
เข็มขัดมัดขาตัวเอง เอาผ้าเช็ดหน้ามัดข้อมือทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็โดดลงไปเลย
หูได้ยินเสียงอื้อของน้ำ ตามองเห็นฟองอากาศที่วิ่งหนีจากตัวขึ้นไปสู่ผิวน้ำ ราวกับไม่
อยากมีส่วนร่วมกับการตาย ความอึดอัดเนื่องจากขาดอากาศเริ่มคุกคามจนเริ่มดิ้นทุรน
ทุราย แต่ก่อนที่จะตาย อยู่ๆแหก็ลงมาคลุมตัวพร้อมกับมีแรงดึงจนตัวลอยขึ้นพ้นผิวน้ำ
ถูกลากขึ้นนอนนิ่งอยู่บนบก ไม่พูดพล่ามทำเพลง เจ้าของแหก็บรรเลงเพลงกระทืบ
พร้อมกับด่า "ไอ้สาด อย่ามาโดดน้ำฆ่าตัวตาย กูแอบมาลงแหเรื่อยๆ ถ้าเมิงมาตายตรง
นี้ แล้วกูจะหาปลาที่ไหนกิน ไปตายที่อื่นไป๊ !"
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จแถมตัวเปียกกลับหอ แต่ยังดีได้กินตีนฟรี
หมายเหตุ : หนองโคดเป็นบึงสาธารณะ ห้ามจับปลา ไอ้เวรนั่นมันแอบหาปลา น่าแจ้ง
ตำรวจจับมันจริงๆ
วัน XX เดือน X ปี XXXX
ไปกินข้าวที่คอมเพล็กซ์ อยู่ๆก็นึกอยากฆ่าตัวตายขึ้นมา ก็เลยเดินเข้าไปในร้านขายยา
ซื้อยาพารามากระปุกใหญ่สองกระปุก กะจะเอามากินฆ่าตัวตายซะหน่อย คิดว่าถึงจะมี
คนมาพาไปให้หมอล้างท้องแต่ก็ต้องตายเพราะตับวายทีหลังอยู่ดี แต่ก่อนจะกลับ
ดันไปเจอกล่องรับบริจาคผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ก็เลยเอายาที่ซื้อมายัดลงกล่อง
บริจาคพร้อมกับเงินอีกยี่สิบบาท อดฆ่าตัวตาย
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ เสียตังค์ฟรีไปอีกสองร้อยยี่สิบบาท
หมายเหตุ : จะไม่กินยาฆ่าตัวตายอีกเด็ดขาด เพราะยาที่เรากินอาจจะไปช่วยผู้คนบนโลก
ได้อีกมากมาย เราต้องใช้ทรัยยากรโลกให้เป็นประโยชน์
วัน XX เดือน X ปี XXXX
นั่งปอกมะม่วงกินแล้วโดนมีดบาด เห็นเลือดไหลย้อยออกมา สีมันแดงได้ใจจริงๆ ก็เลย
เกิดอารมณ์อยากฆ่าตัวตาย หยิบมีดขึ้นมาว่าจะเชือดข้อมือตัวเองซะหน่อย แต่คิดว่า
อาจจะไม่ตายสมใจเพราะตอนหมดสติไป เลือดอาจแข็งตัวก็ได้ เลยเดินไปห้องน้ำกะจะ
เปิดฝักบัวรดแผลชะเลือดไม่ให้แข็งตัว แต่ก่อนจะเชือดข้อมือ หูดันได้ยินเสียงเจ๊เจ้าของ
หอด่าเจ้าคนที่อยู่ห้องข้างๆ
เจ๊ : เมื่อวานเปิดน้ำทิ้งไว้ทำไมทั้งคืนหา ! รู้ไหมว่ามันไหลทิ้งไปขนาดไหน เดือนนี้ ชั้น
จะชาร์จค่าน้ำนาย และถ้าชั้นยินเสียงน้ำไหลทิ้งห้องไหนอีก ชั้นจะขึ้นค่าน้ำทั้งหอเลย
บอกต่อห้องข้างๆ ด้วย ฮึ !
ห้องข้างๆ : ขอโทษครับเจ๊ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ อย่าชาร์จเลยครับ ผมผิดไปแล้ว
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ กลัวเจ๊แกจับได้ว่าเปิดน้ำทิ้ง
หมายเหตุ : เจ๊แกยิ่งหูหมานอยู่ เกิดได้ยินเสียงน้ำเข้า แล้วเปิดประตูเข้ามา นอกจากจะไม่
ตายแล้ว ยังโดนขึ้นค่าน้ำอีก ไม่เสี่ยงๆ
วัน XX เดือน X ปี XXXX
เดินข้ามสะพานลอยอยู่ดีๆ มองเห็นรถข้างล่างวิ่งกันเร็วดีจริงๆ เลยคิดว่าถ้าถูกชนคงจะ
ตายคาที่ก็เลยปิ๊งอารมณ์อยากตาย ตัดสินใจปีนข้ามราวกั้นกะจะโดดลงไป แต่ดันโดน
ผีบ้ามาจากที่ไหนก็ไม่รู้กระชากจนหงายหลัง พร้อมกับเทศนาบอกว่าอย่ามาฆ่าตัวตาย
ตรงบ้านของคนอื่น ตรงนี้เป็นที่นอนประจำของเขา แล้วก็โดนสอนให้เห็นถึงคุณค่าของ
ชีวิต บอกให้ดูตัวเองเป็นตัวอย่าง ขนาดเป็นผีบ้ายังไม่คิดฆ่าตัวตายเลย ต้องยืนฟังอยู่
นานกว่าจะโดนปล่อยตัวออกมา
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ แถมดวงตาเกือบเห็นธรรม
หมายเหตุ : มันบ้าหรือไม่บ้ากันแน่เนี่ย
วัน X เดือน XX ปี XXXX
ไปเที่ยวสวนสัตว์ ยืนมองหมีในบ่อหมี อยู่ก็นึกขึ้นได้ว่า บางทีหมีมันฆ่าและกินคน ก็เลย
โดดลงไปในบ่อหมีดื้อๆ นึกว่ามันจะปราดเข้ามาตบ มันหนีแฮะ ก็เลยเดินเข้าไปใส่ มัน
ไม่สนใจ เดินหนีออกไปเรื่อย รำคาญเลยโดดถีบมันโครมหนึ่ง มันฉุึนก็เลยตบสวนมาผั่วะ
หนึ่ง โดนเข้าไปแค่นั้นแหล่ะ เลือดก็ขึ้นหน้า วิ่งเข้าใส่หมี ซ้ายเข้ากกหู ขวาเข้าเบ้าตา
แล้วก็ฟัดกับหมีอีรุงตุงนัง จนเจ้าหน้าที่เข้ามาแยกแล้วก็ลากออกไป
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ โดนเย็บสี่สิบสี่เข็ม ซี่โครงเดาะไปสองซี่ แล้วโดนปรับอีก
สองหมื่น
หมายเหตุ : กูไม่ฟิตเฉยๆ ไอ้หมี ถ้ากูฟิต เมิงหมอบแน่
ทั้งหมดนั่นก็เป็นอดีตที่ล้มเหลว ส่วนวันนี้ผมนั่งซ่อมหม้อหุงข้าวอยู่ดีๆ แต่พอเห็น
สายไฟเปลือยเข้าก็เกิดอารมณ์หื่นอยากฆ่าตัวตาย เหลาสายไฟเปลือยเพิ่ม เอาทั้งหมด
มาพันรอบอก น้ำรดให้ตัวเปียกแล้วก็ปลายสายไปเสียบเข้าที่เต้าเสียบ ตายสมใจแน่
คราวนี้
..............
ยังไม่ทันเสียบเลย ไฟดันดับมืดตึ๊ดตื๋อ มองอะไรไม่เห็น อารมณ์เซ็งของผมพุ่งจนถึงขีด
สุด มันไม่ไหวแล้วโว้ย ! อะไรกันนักกันหนา
เชือก เชือกอยู่ไหน ?
ในความมืดมิด ผมตะกุยหาเชือกอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในห้องผมมันไม่มีเชือก ไม่มี
เชือกก็สายไฟแทนก็ได้วะ ผมสาวสายไฟจนได้ความยาวมาพอสมควร ก่อนจะตัด
เต้าเสียบทิ้ง
ขื่อ ขื่ออยู่ไหน ?
ห้องผมมันดันเป็นฝ้ายิบซั่มไม่มีขื่อ แถมในห้องก็ไม่มีตรงไหนที่พอจะให้ผูกคอตาย
ได้เลย ผมก็เลยเปิดประตูออกไปนอกห้อง ที่หอมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งขนาดสูงพอจะให้ผูก
คอตายได้อยู่ แต่พอออกมานอกห้องปั๊บก็ไม่ค่อยเห็นอะไร มันมืดไปหมด สงสัยว่าไฟ
คงจะดับเป็นวงกว้าง หอ บ้านข้างเคียงและแม้แต่เสาไฟหัวหัวมุมแยกถึงได้ไม่มีแสงให้
เห็น
โอกาสทองสำหรับการฆ่าตัวตายเลย
ผมเดินไปที่ต้นไม้ แหงนหน้าขึ้นมองหากิ่งที่ขนาดเหมาะพอที่จะรับน้ำหนักตัวของผม
และแรงดิ้นขณะไม่รู้สึกตัวได้โดยไม่เห็น
แต่ผมก็ต้องหยุดชะงัก
สงสัยที่แล้วมาเวลาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็เห็นแค่ฟ้ามืดๆที่มีดาวแค่ไม่กี่ดวงนี่คง
เป็นเพราะแสงรอบตัวกลบแสงดาวไปหมด พอคืนนี้ไฟดับทั่วไปหมดทำให้ผมเห็นทะเล
ของดวงดาวส่งประกายระยิบระยับ ผมเลยมองเหม่อ ลื่นลอยไปกับความสวยงามนั้น
"แน่ะ ! ทำอะไรน่ะ ?"
เสียงเจ้าของหอร้องทักมาจากข้างหลัง
"ว่าจะผูกคอตายน่ะเจ๊"
ผมตอบโดยไม่หันหลังกลับไป
เจ๊แกคงจะตกใจเลยรีบวิ่งมาที่ผมพร้อมกับส่งเสียงห้ามดังแปดสิบแปดหลอด
"อย่ามาฆ่าตัวตายนะ หอฉันยิ่งไม่ได้ทำเรื่องจดทะเบียนอยู่ ถ้าแกมาตาย ตำรวจจะไม่
เอาเรื่องฉันต่อเรอะ อย่ามาสะแหล๋นฆ่าตัวตายที่นี่นะ !"
"ไม่ต้องห่วงหรอกเจ๊ ผมไม่ฆ่าตัวตายแล้วล่ะ วิธีพวกนี้มันกระจอกเกินไป"
"หือ ?"
เจ๊แกสะดุด สงสัยในท่าทีของผม
"ต่อไปนี้ถ้าผมคิดจะฆ่าตัวตาย ผมจะต้องไปฆ่าตัวตายที่นอกโลกนู่น ผมจะตายอยู่ท่าม
กลางแสงดาว ไม่มาตายกระจอกงอกง่อยเป็นไส้เดือนที่โลกนี้เด็ดขาด"
"หา ? นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ"
"เปล่าเจ๊ ผมแค่ไม่คิดจะฆ่าตัวตายบนโลกนี้อีกแล้วแค่นั้นเอง"
"งั้นเหรอ นายคิดจะไปฆ่าตัวตายนอกโลกแทนสินะ"
"ครับเจ๊ พอผมตาย ผมคงจะล่องลอยไปมา สุดท้ายก็ตกลงมาใส่โลก กลายเป็นดาวตก
ไป"
เจ๊แกหันมามองหน้าผมครู่หนึ่ง ก่อนจะตบหลังผมดังป๊าบ
"ฮ่าๆๆ โรแมนติคไม่ใช่เล่นนะเราเนี่ย"
ผมลูบหลังตัวเองป้อยๆ มือแกหนักเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ และแล้วเราสองคนก็ยืนมอง
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยประกายดาวด้วยกันอย่างเงียบ ๆ
จากคุณ :
garnet19th
- [
10 ก.พ. 52 14:45:18
]