Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เถ่าแก่หอ...

    เถ้าแก่หอ..

    หลายปีก่อนที่หัวมุมถนนสายสายหาดใหญ่
    ใกล้กับโรงภาพยนต์โอเดียน
    จะมีโรงแรมชั้นสี่อยู่แห่งหนึ่งมีความสูงสี่ชั้น
    โดยสองชั้นล่างจะเป็นร้านค้าอาคารพาณิชย์อยู่อาศัย
    ส่วนชั้นสามถึงสี่จะเป็นโรงแรมพักอาศัยทั่วไป
    ด้านหัวมุมก็จะเป็นร้านค้าของลูกหลานเถ้าแก่จำนวนสองคูหา
    ขายเสื้อผ้าห้องหนึ่ง อีกห้องขายกระเป๋าหนัง ส่วนปลายของห้องแถว
    ก็จะเป็นทางขึ้นบันไดไปยังโรงแรมที่กินเนื้อที่ตัวอาคารตึกแถว
    ไม่ต่ำกว่าแปดห้อง  ทำให้มีห้องพักประมาณสี่สิบห้อง
    (ถ้าจำไม่ผิด เพราะหลายปีแล้ว)
    โรงแรมแห่งนี้ถูกรื้อทิ้งไปแล้ว  
    สภาพตอนนี้เป็นอาคารศูนย์การค้าแห่งหนึ่งแล้ว

    สมัยก่อนสภาพตัวเมืองหาดใหญ่
    รถยนต์รถราจะมีน้อยมาก การจอดรถยนต์ก็ค่อนข้างสะดวก
    เพราะจอดตรงบริเวณถนนสายไหนใกล้ ๆ โรงแรมก็ได้
    ทำให้โรงแรมมีคนเข้าพักมากและสม่ำเสมอ
    ต่อมาเริ่มมีโรงแรมเปิดใหม่จำนวนมาก
    และมีปัญหาเรื่องที่จอดรถยนต์มากขึ้น
    ทำให้โรงแรมเริ่มมีคนพักน้อยลงกว่าเก่ามาก
    สุดท้ายก็เริ่มเสื่อมสภาพลงไปเรื่อย ๆ

    ประวัติความเป็นมาของเถ้าแก่หอ...ไม่แน่ชัด
    แต่ที่แน่ ๆ คือ สมัยก่อนทำบ่อนการพนันบนโรงแรมหอ...
    มีการพนันหลายประเภท โดยเฉพาะคนจีนในหาดใหญ่
    จะเดินทางไปเล่นการพนันที่โรงแรมนี้จำนวนมากในแต่ละวัน
    มีคนได้คนเสียจากการพนันจำนวนมาก
    ทำให้หลายครอบครัวระส่ำระสายจากการที่หัวหน้าครอบครัว
    ไปเล่นการพนันที่โรงแรมนี้จำนวนมากในช่วงมีการเปิดบ่อนการพนัน
    กอปรกับ เมื่อเลิกการพนันก็สามารถเดินไปกินข้าวต้มร้านนายยาว
    ที่อยู่เยื้อง ๆ กันก่อนเดินทางกลับบ้านได้  หรือซื้อห่อกลับบ้านได้
    เอาไปฝากครอบครัวเป็นอาหารเช้า  หรือฉลองชัยชนะการเล่นการพนัน

    ผลจากการทำบ่อนการพนันของเถ้าแก่หอ...
    ทำให้ครอบครัวนี้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการเปิดบ่อนการพนันและค่าต๋ง
    ส่งผลให้ลูกชายมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ
    ตำรวจ ข้าราชการ และนักเลง ต่อเนื่องกันมา
    จนแม้ว่าจะเลิกกิจการบ่อนการพนันไปแล้วก็ตามแต่
    แต่ก็ได้รับมรดกบาปในด้านการค้าขายแบบสุจริตไม่ถนัด
    คือมีร้านขายผ้าสำเร็จรูป  แต่ให้ภริยาและลูกน้องดูแล
    ส่วนลูกชายแกจะมีธุรกิจลับหลังคือ  การค้าขายบุหรี่ เหล้า ชายแดน ส่วนหนึ่ง
    (คำพูด สินค้าชายแดน  จะสุภาพกว่าคำว่า  ของเถื่อน ของหนีภาษี)
    เพราะหารายได้อย่างรวดเร็วและต้องมีรายจ่ายในการเลี้ยงรับรอง เลี้ยงดูปูเสื้อ
    เพื่อความรู้จักสนิทสนมกับคนพวกนี้ต่อไป แบบว่า ตัดขาดไม่ได้  
    แม้ว่าเถ้าแก่หอ... จะวางมือจากการทำบ่อนการพนันแล้วก็ตาม

    สินค้าชายแดน เหล่านี้ส่วนมากมาจากประเทศมาเลเซีย
    บริเวณชายแดนปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
    ตำบลปาดังเบซาร์  น่าจะเป็นตำบลแห่งเดียวในโลก ที่ชื่อสองประเทศ
    สะกดเหมือนกัน และอ่านแบบเดียวกัน ดังนั้น เอกสารราชการ
    ต้องระบุให้ชัดว่า ฝั่งไทย หรือระบุตำบล อำเภอลงไป จึงจะแน่ชัดว่าของ
    ประเทศไทย หรือ ประเทศมาเลเซีย
    การค้าสินค้าชายแดนในสมัยก่อน แล้วแต่โชคและโอกาส
    จังหวะดี ๆ จะมีรายได้มหาศาล ถ้าของสามารถขนออกมาและขายได้เร็ว
    แต่ถ้าพลาดพลั้งก็ต้องจ่ายค่าปรับหรือขาดทุนมากมายเช่นกัน

    มีครั้งหนึ่ง เพื่อนที่สนามบินเก็งกำไร  แบบว่าอยากมีรายได้มากขึ้น
    เลยซื้อบุหรี่ Duty Free ที่มีขายในร้านสนามบิน  โดยทะยอยซื้อออกมา
    ด้วยวิธีการใช้โควต้านักท่องเที่ยวที่ไม่ซื้อบุหรี่ ก็ให้คนในร้านซื้อแทน
    แล้วนำออกมาส่งข้างนอกร้าน Duty Free ตรวจนับจำนวนก็ไม่เกินกว่า
    PassPort หรือตั๋วเดินทางไปต่างประเทศ
    ศุลกากรก็เอาผิดร้าน Duty Free ไม่ได้
    เพราะไม่มีการขายเกินจำนวนที่มีหลักฐานข้างต้นสอบยันกันแต่อย่างไร
    เพื่อนที่สนามบินทะยอยซื้อมาจนกระทั่งมีจำนวนเกินกว่า 100 แถว (แคตต้อน)
    ถ้าเกิดสรรพสามิตหรือตำรวจ จับได้ จะมีโทษปรับแถวละ 1,000 บาท(หนึ่งพันบาท)
    ถ้าถูกปรับก็ตกประมาณหนึ่งแสนกว่าบาทขึ้นไป
    แต่ราคาขายตอนนั้นจะได้แถวละไม่เกินกว่า 120-140 บาท
    กำไรก็ไม่เกินกว่า 30-40 บาทเท่านั้น

    ช่วงนั้นเพื่อนคนนี้ร้อนรนมากในเรื่องนี้
    ก็เลยหาเพื่อน ๆ ให้ช่วยกันซื้อหรือหาแหล่งปล่อยบุหรี่จำนวนนี้
    เพราะต่างเป็นมือสมัครเล่น  การตลาดอะไรก็ไม่เป็น
    รวมทั้งเป็นของร้อนด้วยเช่นกันในตอนนั้น  ต่างคิดอะไรไม่ออกด้วย
    แต่เพราะจำนวนมากทีเดียวคือ ร้อยกว่าซอง และเพื่อนในกลุ่มนี้ที่สนิทกัน
    จริง ๆ และรู้เรื่องนี้ก็มีไม่ถึง 4 คนเท่านั้น เพราะกลัวความลับครั้งนี้รั่วไหลออกไป
    ภยันตรายจากการถูกจับกุมก็จะมากขึ้น  เป็นโทษภัยกับเพื่อนเช่นกัน
    (สมัยนั้นเงินเดือน start กันไม่เกินกว่า 3,000.-บาท ระดับปริญญาตรี
    ถ้าช่วยกันซื้อก็ 10 -20 แถว ก็เรียกว่า รายได้แต่ละคนกระทบค่าครองชีพเลยทีเดียว)

    เพื่อนที่สนามบินคนนี้ จึงได้มาหาผม
    ให้ผมพาไปติดต่อหาลูกชายเถ้าแก่หอ... บอกขอช่วยซื้อได้ไหม
    ที่ไปติดต่อหาแกได้  เพราะน้องชายแกเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันแต่เป็นรุ่นน้อง
    พอรู้จักทักทายกันได้ และสมัยก่อนคนในหาดใหญ่  ส่วนมากพอรู้จักมักคุ้นกัน
    แต่ความสนิทสนมหรือคบกันเป็นเพื่อนหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง  ต้องแยกจากกันในเรื่องนี้
    ก็ปรากฎว่า มีการเล่นตัว เพราะแกขอกดราคาเหลือเพียงไม่เกินแถวละ 60 บาท
    เรียกว่าไม่มีกำไรหรือขาดทุนทันที  เพื่อนก็คิดหนักในเรื่องนี้
    แถมยังบอกลายนักเลงขู่กลาย ๆ ว่า ถ้าไม่ขายเดือดร้อนแน่ในเรื่องครอบครองจำนวนมาก
    เลยต้องกลับออกมา  แล้วเดินไปหาแม่ของเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน
    ทำโรงแรมชั้นสี่เหมือนกัน ไปฝากแม่ของเพื่อนให้ช่วยขาย แกก็รับได้อย่างมาก 10 แถว
    เพราะกลัวเหมือนกันว่า  ถ้าขายไม่ทันก็จะมีโทษปรับสูงมาก
    แต่ถ้าจำนวนนี้ แกจะอ้างได้ว่าของลูกชายแกและคนงานฝากแกไว้  เอาไว้สูบกันเอง

    จำนวนที่เหลือจะทำกันอย่างไร  เพราะเหลือร้อยกว่าแคตต้อนอยู่ดี
    ในที่สุดมีเพื่อนคนหนึ่งคิดได้ว่า ปกติสถาบันการเงินในหาดใหญ่
    จะมีชมรม Check Clearing กันจะมีคนมาร่วมชุมนุมกว่า 30 คน
    ถ้ามีคนบอกในชมรมว่า มีบุหรี่นอกขายราคาถูกคือไม่เกิน 100 บาท
    น่าจะขายได้เร็ว  เพราะสมัยนั้นการสูบบุหรี่ในที่ทำงานเป็นเรื่องปกติมาก
    สถาบันการเงินสมัยนั้นแต่ละแห่งมีคนทำงานไม่น้อยกว่าสามสิบคนต่อแห่ง
    จำนวนก็ไม่น้อยกว่ายี่สิบแห่งในตอนนั้น หรือประมาณหกร้อยคน เป็นชายมากกว่าหญิง
    การ Check Clearing  สมัยก่อนจะมีรอบเช้าไม่เกินสี่โมงเช้า
    รอบบ่ายเริ่มบ่ายโมงไม่เกินสามโมงเย็นก็เสร็จแล้ว ใครเสร็จก่อนก็นั่งรอคนอื่นต่อ
    จนกว่าจะเสร็จพร้อมกัน หรือหน่วยงานไหนไม่มีปัญหาก็กลับได้ก่อน
    ผลปรากฎว่าบอกตอนเช้า  ยอดจองสั่งซื้อพร้อมชำระเงินทันทีเกินกว่าจำนวนขาย
    เพราะส่วนหนึ่งซื้อไว้สูบเอง อีกส่วนหนึ่งญาติพี่น้องหรือลูกค้าฝากซื้อ
    เพราะบุหรี่ Duty Free สนามบินจะมีรสและกลิ่นดีกว่าของชายแดนปาดังเบซาร์
    เพื่อนที่สนามบินพร้อมกับเพื่อนอีกคนที่สถาบันการเงิน
    จึงนำบุหรี่เข้าไปส่งที่ชมรม  และรับเงินสดที่ชมรม Check Clearing  
    ซึ่งเป็นสถานที่ค่อนข้างปลอดภัย เพราะเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเช็คระหว่างธนาคาร
    มูลค่าเช็คมากกว่าเงินสดอยู่แล้ว และภายในก็มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด
    แต่ก็ต้องไว้วางใจคนในชมรมเช่นกัน  เพราะมาจากสถาบันการเงินด้วยกัน
    ตั้งแต่นั้นมา  เพื่อนคนนี้ที่สนามบินก็เลิกธุรกิจดังกล่าวไปโดยสิ้นเชิง
    เพราะเพื่อน ๆ ด้วยกันบอกว่าช่วยเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน

    แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น  เพราะอีกสองวันต่อมา
    ลูกชายเถ้าแก่หอ.. ได้มาตามที่ทำงานและสอบถามเรื่องนี้
    บอกว่าถ้าไม่ขายให้แก  รับรองเพื่อนคุณเดือดร้อนแน่
    เลยบอกแกไปว่า  ขอโทษขายได้ราคาดีและหมดในแค่ครึ่งวัน
    ถ้าจะตามจับก็ไม่มีปัญหาแล้ว เพราะกระจายไปร้อยกว่าคนแล้ว
    อยากจะจับก็ต้องลำบากหน่อย  เพราะผู้ซื้อส่วนมากทำงานในสถาบันการเงิน
    และแต่ละคนก็เข้าข่ายว่า มีการครอบครองไม่เกินกว่ายี่สิบซองหรือสองร้อยมวนต่อคน
    ตามกฎหมายในการซื้อบุหรี่ต่างประเทศที่ไม่ต้องชำระภาษี  แต่ประการใด
    รวมทั้งซื้อไปสูบเองหรือแจกจ่ายกันไปคนละซองสองซองจนกระจายไปทั่วแล้ว
    ทำให้แกเดินด้วยอาการหัวเสียออกไป
    แล้วเที่ยวด่าลับหลังว่า  เพื่อนผมกับผม  เสียคำพูดและไม่จริงใจ
    คือ  สรุปว่าแกไม่ผิด  และต้องขายแกคนเดียวเท่านั้นหรือ

    ต่อมา  เจ้าของที่ดินที่โรงแรมหอ.. .ดังกล่าวปลูกสร้างอยู่
    ก็ขอที่ดินคืน หลังจากเถ้าแก่เสียชีวิตไปไม่นานนัก
    เพราะจะไปให้ห้างสรรพสินค้าเช่าต่อ และมีรายได้มากกว่าเดิม
    แทนการให้โรงแรมแห่งนี้ และอาคารพาณิชย์ด้านล่างเช่าต่อ
    จึงบอกเลิกสัญญาทั้งหมด ทำให้ครอบครัวพี่น้องบ้านนี้ต้องโยกย้าย
    และกระจัดกระจายไปในที่สุด เหมือนกับหนังจึนเรื่อง  บ้านสลาย
    ทราบข่าวสุดท้ายว่า  แกเป็นเบาหวานเสียชีวิตไปแล้ว
    และน้องชายแกอีกคน  ถูกระเบิดตายที่ถนนใกล้ ๆ กับโรงแรมเดิม
    ช่วงหลังไปทำอาชีพขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
    รอรับหมอนวดแผนโบราณไปส่งให้กับลูกค้าตามโรงแรม
    แล้วถูกระเบิดแสวงเครื่องวางในรถมอเตอร์ไซด์ระเบิด
    ตายพร้อมกับหมอนวดแผนโบราณ

    เรื่องนี้ก็เป็นตำนานประวัติศาสตร์ที่เล่าขานกันว่า
    ไม่มีครอบครัวไหนร่ำรวยได้นานมาก
    หรือจะมีความเจริญรุ่งเรืองได้นาน
    ถ้าพ่อแม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการพนัน
    ที่มีผลต่อกองเลือดและคราบน้ำตาของครอบครัวอีกหลายคน

    ก็น่าจะมีส่วนอยู่บ้าง  เพราะพ่อแม่ของแกมีรายได้แบบง่าย ๆ
    ลูก ๆ ก็เห็นอยู่ทุก ๆ วัน  จะไปทำมาหากินแบบไหนละ
    ที่จะมีรายได้แบบง่าย ๆ เช่นนี้
    ขณะเดียวกันช่วงทำธุรกิจการพนัน
    ก็ต้องคบค้าสมาคมและต้องมีรายจ่ายมากมาย
    หมดไปกับการเลี้ยงดูปูเสื่อ ตำรวจ ข้าราชการ และนักเลง
    ทำให้มีอาการผยองส่วนหนึ่งในการเจรจาค้าขาย กับการคบหาเพื่อน
    เพราะคิดว่ามีอำนาจบารมีข่มขู่คนอื่นได้ง่าย ๆ
    แต่เมื่อหมดยุคหมดสมัยไปแล้ว
    ถ้ายังยึดติดกับความรุ่งโรจน์ในอดีต
    และยังทำตนแบบเดิมอยู่เรื่อย ๆ ก็คงไปไม่รอดเช่นกัน

    หรือที่ท่านปัญญานันทภิกขุกล่าวไว้ว่า
    คิดดี ทำดี พูดดี คบเพื่อนดี ไปสถานที่ดี  แล้วจะดีเอง
    หรือ  จนไม่เป็น  ก็รวยไม่ได้

    เขียนไว้จากความทรงจำก่อนที่จะเลือนหายไป
    ถึงคนในตำนานอีกคนหนึ่งในบ้านเกิด

    จากคุณ : ravio - [ 16 ก.พ. 52 23:37:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com