Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    นักล่าแห่งรัตติกาล บทที่ 8 เสี้ยงหนึ่งของความจริง

    บทที่ 7 ใยสีขาว
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7524398/W7524398.html


    บทที่ 8

    เสี้ยวหนึ่งของความจริง

    คำพูดของวลาร์ดทำให้วูล์ฟนั่งตัวแข็ง ความรู้สึกของหนุ่มหมาป่าในเวลานี้เหมือนกำลังถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบกระหน่ำลงมาบนหัว เขาทำท่าจะพูดอะไรออกมาแต่กลับชะงักและนิ่วหน้า หลังจากนั่งนิ่งอยู่นานวูล์ฟจึงหลุดคำพูดออกมาในที่สุด

    “นายโกหก” เขาจ้องหน้าวลาร์ดเขม็งก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังนายอันเดอร์ฮิลล์ “เขาพูดเล่นใช่ไหมครับ”

    “ฉันไม่ชอบพูดเล่น” วลาร์ดพูดเสียงเรียบ วูล์ฟหันไปจ้องเขาและขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเฉยชาปราศจากอารมณ์ใดเหมือนทุกครั้ง หนุ่มหมาป่าถอนใจก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปที่นายอันเดอร์ฮิลล์

    “ถ้าผมกับเจ้านั่นเป็นสิ่งที่องค์การบ้าๆนั่นสร้างขึ้นมา แล้วเราสองคนมาอยู่ในหน่วยงานของคุณได้ยังไงกันครับ”

    น้ำเสียงที่ถามไม่ดังนั้น นายอันเดอร์ฮิลล์มองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปราณี

    “เพราะฉันเป็นคนจัดการเรื่องของพวกเธอ” เขาหันไปมองวลาร์ดและทำท่าจะลุกขึ้นแต่เด็กหนุ่มกลับห้าม

    “อย่าดีกว่าครับ” เขาเบนสายตาไปยังตู้เอกสารที่เก็บแฟ้มสีดำเอาไว้และพูดต่อ “สำหรับเจ้านี่อธิบายให้ฟังจะง่ายกว่า”

    หากเป็นเวลาปรกติ คำพูดเชิงดูแคลนแบบนี้คงทำให้วูล์ฟโกรธจนต้องหันไปบีบคอวลาร์ด แต่คราวนี้เขากลับนั่งนิ่งและมองนายอันเดอร์ฮิลล์ที่พยักหน้าและเดินกลับมานั่งตามเดิม

    “อย่างที่รู้ เธอทั้งสองคนมีเลือดผสมของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า” ชายชรามองหน้าเด็กทั้งสองสลับกันและถอนใจเมื่อเห็นวลาร์ดเมินหน้าหนีไปอีกด้านในขณะที่วูล์ฟกำมือแน่น

    “ตามปรกติแล้วหน้าที่หลักของหน่วยงานเราก็คือทำลายสิ่งมีชีวิตพวกนี้ทันทีที่พบ แต่สำหรับเธอทั้งสองคนแล้วนับเป็นกรณีพิเศษเพราะหลังจากที่ฉันพยายามติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มอิลูมิเนติคมานาน มีข่าวจากสายที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ภายในนั้นแจ้งมาว่ามีมันสมองระดับสูงขององค์กรนี้กำลังสร้างอมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่ง โดยการนำเอาแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าสายเลือดแท้ไปทดลองตัวยาสูตรใหม่ที่พวกเขาคิดค้นขึ้น”

    “มันเป็นยาอะไรกันครับ” วูล์ฟถามแทรกขึ้นมา นายอันเดอร์ฮิลล์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ

    “ฉันเองก็ไม่รู้ข้อมูลตรงนี้มากนักเพราะทันทีที่ข่าวนี้หลุดออกมา สายของพวกเราก็ถูกจับได้และถูกส่งกลับไปที่ส่วนกลางในสภาพถูกตัดเป็นชิ้นยัดใส่กล่องพัสดุไปรษณีย์” ชายชราเว้นระยะและพูดต่อ “แต่เท่าที่รู้ยาพวกนี้จะมีผลทำให้สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่มีความเฉลียวฉลาดและมีพละกำลังที่เป็นเลิศ ที่พวกเขาเลือกแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าเป็นตัวทดลองก็เพราะลักษณะที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด”

    “ถ้าเราสองคนเป็นผลผลิตจากการทดลองนั่น แล้วทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ”

    “เพราะฉันสืบรู้แหล่งกบดานของกลุ่มอิลูมิเนติค ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือพวกเราเจอห้องทดลองลับของพวกเขา หน่วยกลางจึงจัดตั้งกลุ่มกวาดล้างพิเศษขึ้นมาและส่งไปทำลายที่นั่นจนพินาศ แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นเราไม่สามารถจับแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าคู่ที่ถูกทดลองได้เพราะพวกมันรีบหนีออกไปในช่วงที่ชุลมุน”

    “ถ้าอย่างนั้นพวกผมเกิดขึ้นมาได้ยังไงกันครับ” วูล์ฟถามด้วยความสงสัย นายอันเดอร์
    ฮิลล์มองหน้าเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ

    “เพราะเราได้ข่าวว่ามีมนุษย์หมาป่าที่มีขนาดใหญ่โตกว่าปรกติบุกเข้าไปในบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง มันพาเธอหนีหายเข้าไปในป่า พวกเราใช้เกือบสองเดือนถึงตามเจอ เราสามารถจัดการกับเจ้ามนุษย์หมาป่าตัวนั้นได้แต่....” ชายชรากลืนน้ำลายลงคอ วูล์ฟขยับตัวและถาม

    “ผู้หญิงคนนั้นตายหรือครับ”

    “เปล่า” นายอันเดอร์ฮิลล์มองหน้าเขาก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เราช่วยผู้หญิงคนนั้นได้ ในสภาพที่เธอกำลังตั้งท้อง”

    “ท....ท้อง” วูล์ฟทวนคำและรู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัว “หรือว่า”

    “ถูกต้องแล้ววูล์ฟ ผู้หญิงคนนั้นท้องกับมนุษย์หมาป่าและเป็นแม่ของเธอ”

    คำตอบของนายอันเดอร์ฮิลล์ทำให้วูล์ฟรู้สึกเหมือนโดนค้อนขนาดใหญ่ทุบลงมาบนกลางศีรษะ เขานั่งนิ่งด้วยความงุนงงไปชั่วครู่ก่อนจะถามเสียงแผ่ว

    “แล้วทำไม” ลูกครึ่งหมาป่าพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น เขาเลื่อนสายตาไปทางบิดาบุญธรรมและมองนิ่งคล้ายตั้งคำถาม อีกฝ่ายอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนตอบ

    “ทางหน่วยกลางต้องการกำจัดอมนุษย์ทุกคนให้หมด แต่ฉันปฎิเสธ” เขากำมือแน่น “จะให้ฆ่าผู้หญิงท้องกับเด็กทารกที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นมาดูโลกแบบนั้นฉันทำไม่ได้แน่ ฉันจึงพยายามหาข้อมูลและอ้างเหตุผลมากมายเพื่อให้พวกผู้ใหญ่ในหน่วยกลางเชื่อว่าเราสามารถเลี้ยงดูเด็กเลือดผสมเหล่านี้ให้กลายเป็นนักล่าขององค์กรได้ ต้องใช้เวลานานพอดูกว่าเขาจะยอมเชื่อและปล่อยให้เราดูแลผู้หญิงคนนั้นจนกระทั่งเธอคลอด”

    “แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น” วูล์ฟถามเสียงเรียบ “ผมหมายถึงเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของผม”

    นายอันเดอร์ฮิลล์มีสีหน้าลำบากใจ เขาทำท่าจะตอบแต่ต้องชะงักเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายชรารีบรับและฟังเสียงผู้ที่ติดต่อเข้ามาอย่างตั้งใจ วลาร์ดมองใบหน้าที่ฉายแววตระหนกของเขาและถามทันทีที่นายอันเดอร์ฮิลล์วางโทรศัพท์ลง

    “มีอะไรหรือครับ”

    “เราพบศพเด็กสามคนทางเหนือห่างจากถนนใหญ่ไปห้าไมล์”

    “นั่นเป็นงานของตำรวจไม่ใช่หรือครับ” ลูกครึ่งแวมไพร์ถามด้วยความสงสัยและนิ่งทันทีเมื่อเห็นสีหน้าวิตกของชายชรา เขาถอนใจ

    “เราคงต้องหยุดคุยเรื่องแม่ของเธอเอาไว้แค่นี้ก่อน” นายอันเดอร์ฮิลล์หันไปพูดกับวูล์ฟ อีกฝ่ายนิ่วหน้าพร้อมกับตอบ

    “แต่ผมอยากรู้”

    “กลับมาแล้วจะเล่าให้ฟัง” ชายชราลุกขึ้นและทำท่าจะเดินออกจากห้อง เขามองหนุ่มหมาป่าที่ยังคงนั่งนิ่ง “วูล์ฟ”

    “ทำไมครับ” เขาถาม “ทำไมถึงเล่าตอนนี้ไม่ได้”

    “เพราะเราต้องไปจัดการกับเด็กที่ไม่มีวันกลับไปหาพ่อแม่ได้อีกต่อไปแล้วถึงสามคน” นายอันเดอร์ฮิลล์ตอบ “พวกเขาจะไม่มีวันแม้แต่จะได้นอนในหลุมศพเหมือนกับคนทั่วไป”

    */*/*/*/*

    วลาร์ดนั่งมองต้นไม้ที่เคลื่อนผ่านไปตามความเร็วของรถที่กำลังวิ่งไปบนถนนเพื่อมุ่งหน้าไปยังนอกเมือง บ่อยครั้งที่เขาชำเลืองตามองไปทางด้านหลังและถอนใจออกมาก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปมองทิวทัศน์นอกรถอีกครั้ง สมิธซึ่งนั่งนิ่งอยู่นานจึงพูดขึ้น

    “เป็นห่วงวูล์ฟหรือครับ”

    “อะไรนะ” วลาร์ดย้อนถาม อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆ

    “ทุกครั้งคุณจะนั่งมองตรงไปข้างหน้าเสมอ” เขาหักพวงมาลัยหลบรถที่สวนมาก “แต่วันนี้คุณกกลับเอาแต่ชำเลืองไปข้างหลังเกือบตลอดทาง ถ้าไม่เพราะเป็นห่วงวูล์ฟแล้วจะเป็นเพราะอะไร”

    “ทำไมผมต้องห่วงเจ้านั่นด้วย” วลาร์ดพูดเสียงห้วน สมิธยิ้มกว้าง

    “เขาเพิ่งฟื้นไม่ใช่หรือครับ ความจริงวันนี้แค่ไปตรวจดูศพเท่านั้น วูล์ฟไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณอันเดอร์ฮิลล์ต้องให้เขาตามมาด้วย”

    “คงกลัวหมอนั่นเป็นบ้า” เด็กหนุ่มพูดเสียงขรึม สมิธเลิกคิ้วขณะชำเลืองมองเขา สีหน้าที่เรียบเฉยกับดวงตาที่มองตรงไปข้างหน้าทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าวลาร์ดคงไม่พูดอะไรออกมาอีก สมิธจึงยุติการสนทนาและหันไปให้ความสนใจกับเส้นทางตามเดิม

    ทันทีที่รถตู้จอดสนิท เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงเดินตรงไปหานายอันเดอร์ฮิลล์ทันที เขายืนซองพลาสติกบรรจุปอยผมสีน้ำตาลเข้มกระจุกหนึ่งให้กับชายชราพร้อมกับเดินนำไปยังพุ่มไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณนั้นและชี้ไปที่ร่างแห้งกรังสามร่างที่นอนเรียงกัน

    “ศพพวกนี้เหมือนมัมมี่มาก” นายอันเดอร์ฮิลล์พูดและมองวลาร์ดที่กำลังตรวจซากแห้ง “ว่ายังไง”

    “ศพพวกนี้เหลือแต่หนัง ไม่มีกระดูก ไม่มีอะไรเลย” เขานิ่วหน้า “เหมือนโดนสูบอวัยวะภายในออกไปจนหมด”

    เด็กหนุ่มหันไปขอก้านสำลีจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งและสาวเส้นใยสีขาวขุ่นขึ้นมาพิจารณา เขาขมวดคิ้ว “นี่มันอะไรกัน”

    วลาร์ดพูดพึมพำขณะพลิกก้านสำลีไปมา วูล์ฟชะโงกหน้ามามองพร้อมกับพูด

    “อย่างกับใยแมงมุม” เขามองอีกสองร่างที่อยู่ใกล้กัน “ที่สองศพนั่นก็มี แถมรอบๆนี่ก็มีใยแบบนี้ทั่วไปหมด สงสัยเด็กสามคนนี่คงจะโดนแมงมุมฆ่าตาย”

    “มันต้องเป็นแมงมุมยักษ์แน่” วลาร์ดประชดก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังศพที่อยู่ท้ายสุด เขาลุกขึ้นและเดินไปมองอย่างสนใจ

    “มีอะไรหรือวลาร์ด”

    “ศพนี้แปลกว่าคนอื่น” เขาชี้ไปที่ส่วนศีรษะ “มีคนถลกหนังหัวเขาไป”

    “หรือว่านี่จะเป็นฝีมือของพวกคลั่งลัทธิ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูด นายอันเดอร์ฮิลล์ส่ายหน้า

    “จากสภาพศพผมคิดว่าไม่น่าจะใช่” เขาหันไปทางด้านหลังและสั่งชายสี่ห้าคนที่ยืนรออยู่ “เก็บทุกอย่างไปให้หมด บางทีนี่อาจจะเป็นฝีมือของพวกปีศาจหรือมนุษย์กลายพันธุ์”

    นายอันเดอร์ฮิลล์มองคนของตนลงมือเก็บซากทั้งสามอย่างรวดเร็ว เขามองวลาร์ดที่กำลังยืนนิ่งในขณะที่วูล์ฟทำหน้าย่นพร้อมกับหันมองไปโดยรอบ

    “วูล์ฟ”

    “ผมได้กลิ่นเลือด” ลูกครึ่งหมาป่าขมวดคิ้วและเดินลึกเข้าไปด้านใน เขาหยุดยืนอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่พร้อมกับเงยหน้าขึ้น “นั่นเหมือนหนังหัวคนไหมครับ”

    เขาชี้นิ้วไปบนคบไม้ นายอันเดอร์ฮิลล์รีบเดินไปดู ภาพหนังศีรษะที่ขาดรุ่งริ่งของคนห้อยติดอยู่บนกิ่งไม้ทำให้เขาต้องลดสายตาลงและร้องสั่ง

    “ใครก็ได้ขึ้นไปเก็บให้ด้วย” นายอันเดอร์ฮิลล์ตบไหล่วูล์ฟสองสามครั้ง เขาหันไปมอง
    วลาร์ดซึ่งกำลังยืนนิ่ง

    “คิดอะไรอยู่หรือ”

    “ครับ” เด็กหนุ่มตอบ “ผมกำลังคิดว่ามันดูแปลกมากที่เจอศพเด็กสามคนในที่เดียวกันแบบนี้ แถมสภาพศพก็ยังเหมือนกันมากจนแทบจะพูดได้เลยว่าพวกเขาถูกฆ่าพร้อมกันด้วยฝีมือคนเพียงคนเดียว”

    “แต่ผมไม่คิดว่าเป็นคน” วูล์ฟพูดขึ้นพร้อมกับสูดลมหายใจและพ่นออกมาอย่างแรง นายอันเดอร์ฮิลล์มองเขา

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

    “กลิ่นไงครับ” หนุ่มหมาป่าหันไปมองเขาและวลาร์ด “ถึงจะจางมากแต่ผมก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่กลิ่นของคนแน่ๆ”

    “แล้วมันเป็นกลิ่นของอะไร” ลูกครึ่งแวมไพร์ถามเสียงเรียบ อีกฝ่ายนิ่วหน้า

    “ฉันยังไม่แน่ใจนัก แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นกลิ่นของสิงโต”

    */*/*/*/*

    จากคุณ : Moony_Lupin - [ 19 ก.พ. 52 08:57:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com