14.21 น. ... งั้นเรอะ
ผมก้มหน้ากลับเข้าหางานต่อหลังจากดูนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างผนังเสร็จแล้ว
14.43 น. ... งั้นเรอะ
ผมก้มหน้ากลับเข้าหางานต่ออีกครั้ง หลังจากดูนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างผนังเสร็จแล้ว
เมื่อไรจะเลิกงานซะที
ทนนั่งทำงานอันสุดแสนจะจุกจิกวุ่นวาย ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา ย้ายไลน์แต่ละที ต้อง
ดีไซน์ไปให้ดูถึง 5-6 แบบ ต้องเขียนข้อดีข้อเสีย คำนวณ Transportation ให้ดู
ต้องทำ Line Balancing ทุกแบบที่เขียนไป แต่พอเสนอไปก็ดันไม่เอา จะเอาแบบที่
ตัวเองคิดไว้ในใจ
แล้วจะให้ตูดีไซน์เยอะแยะทำถ้วยอะไรฟร้า ! ก็ร่างแบบที่อยากได้มาเซ่ เดี๋ยวจะจัดให้
บ่นไปก็เท่านั้น ไม่มีอะไรงอกเงยขึ้นมา งานตัวเองก็มากมาย หัวหน้าก็ดั๊นไม่รู้จักปฏิเสธ
เอาแต่ คร้าบ คร้าบ เดี๋ยวให้ลูกน้องทำให้นะครับ แล้วก็รับงานคนอื่นมาสุมหัวให้อีก
งานเยอะจนจะทับหัวตายอยู่แล้วเนี่ย
15.00 น. ... ฮ่วย ! อะไรฟะ
เขาว่ากันว่า ถ้าเรากำลังเบื่อหน่าย เราจะรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นยาวนานกว่าปกติ จนดูเหมือน
ราวกับว่าเวลาโดนยืดออกไป ทั้ง ๆ ที่ผมคิดว่านั่งทำงานมาช่วงโมงหนึ่งแล้ว แต่พอดู
นาฬิกาข้างผนัง ทำไมเวลามันผ่านมาแค่ยี่สิบนาทีเอง นาฬิกาตายรึเปล่าเนี่ย ? พอมอง
ดูนาฬิกาที่หน้าจอคอม มันบอกเวลาบ่ายสาม ควักมือถือออกมาดูยืนยัน เวลาก็ยังเป็น
บ่ายสามโมงอยู่ดี
ตูโดนโกงค่าแรงซะแล้ว !
มีอย่างที่ไหน นั่งทำงานมาเป็นชั่วโมง เวลาจริงดันผ่านไปแค่ยี่สิบนาที ต่างกันตั้ง
สามเท่าตัว อย่างนี้เขาเรียกทำงานเกินค่าแรงแล้ว เวลาจริงหนึ่งชั่วโมงแต่เวลาทำงาน
เป็นสามชั่วโมง ถ้างั้นชั่วโมงการทำงาน แปดชั่วโมงต่อวันก็จะกินเวลาของผมไปตั้ง
ยี่สิบสี่ชั่วโมง ป้าด ! ยิ่งกว่าโดนปล้นซะอีกนะเนี่ย ทำงานตั้งยี่สิบสี่ชั่วโมงแต่ได้ค่าแรง
แค่แปดชั่วโมง ขาดทุนซะไม่มี
ว่าแล้วก็อู้ดีกว่า
เรื่องอะไรจะยอมขาดทุนไปมากกว่านี้ ผมลุกจากโต๊ะทำงาน เดินเอ้อละเหยไปห้องน้ำ
แวะกดน้ำดื่ม คุยกับเด็กในไลน์ โต๋เต๋ไปจนถึงห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ล้างมือ
จัดองค์ทรงเครื่องที่หน้ากระจก เพื่อนที่ทำงานด้วยกันก็เข้ามาล้างมือและหวีผมข้าง ๆ
เราก็เลยถือโอกาสยืนอู้คุยกัน คุยกันไป บ่นกันไป หัวเราะกันไป แต่พอตอนหัวเราะ ผมก็
สังเกตเห็นรอยตีนกาฝุดขึ้นบนหน้าของเพื่อน ก็เลยหันไปดูตัวเองที่กระจก
รอยตีนกาของเราทั้งสองคนมีพอ ๆ กัน
จะว่าไปเจ้าเพื่อนคนนี้ก็อายุไล่เลี่ยกันกับผม เราเข้างานมาพร้อม ๆ กันแต่คนละ
สายงานกัน หมอนี่โชคดีได้สายงานที่เบากว่าผม งานที่ได้รับมอบหมายก็เป็นงานที่รัน
มานานแล้ว Process เลยค่อนข้างจะนิ่ง ไม่ค่อยมีปัญหาเกิดขึ้นมากมายนัก ก็เลยทำงาน
สบาย ๆ ส่วนตัวผมนี่สิ ต้องรับงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่ มีการปรับเปลี่ยน ปรับปรุงแก้ไขอยู่
ตลอด ปัญหาจุกจิกยุกยิกเกิดขึ้นมากมาย งานก็เลยไหลเข้ามาโครม ๆ ยุ่งวุ่นวายทุกวัน
งานหนักขนาดนี้ ผมนึกว่าผมจะหน้าตาแก่กว่า แต่ที่ไหนได้ หน้าตาของพวกเรากลับแก่
พอ ๆ กัน สงสัยคงเป็นเพราะอายุเท่ากันละมั๊ง ?
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่สิ เวลาที่ผมทำงานมันเป็นสามเท่าของเวลาจริง ผมทำงานที่นี่มา
แล้วสามปี ไอ้เวลาจริงสามปีที่ผ่านมา มันก็จะแปลงได้ว่าผมทำงานมาแล้วเก้าปี ถ้าจะ
พูดให้ง่ายก็คือ เวลาจริงสามปี แต่เวลาของผมกลับถูกยืดไปเป็นเก้าปี
แบบนี้ผมก็มีอายุเพิ่มจากเดิมอีกหกปีน่ะสิ
ถ้างั้น ถ้าเกิดผมทู่ซี้ทำงานที่นี่ต่อไปจนอายุห้าสิบ พอถึงตอนนั้น ผมจะทำงานที่นี่เป็น
เวลายี่สิบปีพอดี เวลาทำงานจริงยี่สิบปี เวลาของผมถูกยืดไปเป็นหกสิบปี พอหักลบกัน
ก็จะได้เวลาที่ถูกยืดเป็นสี่สิบปี พอมารวมเข้าอายุก็จะได้ว่า ตอนที่ผมอายุห้าสิบปีใน
เวลาจริงแต่ผมกลับมีอายุถึงเก้าสิบปีในเวลาของตัวผม
แต่รอยตีนกาและความแก่จะเท่ากับเพื่อนที่ทำงานด้วย (ถ้ามันยังทำงานที่นี่อยู่ ... นะ)
โอ้ว ! นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผมกำลังยืดอายุตัวเองอยู่โดยไม่รู้ตัวอยู่เหรอเนี่ย ตอนแรก
ผมนึกว่าโดนโกงค่าแรง เอ๊ะ ก็ถูกแล้วนี่โดนโกงค่าแรง แต่ถ้าเทียบการโดนโกงค่าแรง
กับอายุที่ยืดขึ้น หักลบกันแล้วยังไงก็ยังคุ้มค่าอยู่ดี คุ้มเสียยิ่งกว่าเกินคุ้ม
ว่าแล้วผมก็รีบกลับไปทำงานต่อเพื่อยืดอายุตัวเองอย่างปรีเปรม
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 09:05:05