อดีตที่..ไม่ควรจดจำ..
ราสส์ กิโลหก
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดแต่ก็ไม่ถึงกับอยู่ไกลจน สุดหล้าฟ้าเขียว เพราะห่างจากกรุงเทพฯเพียง 100 กิโลเมตรเศษๆ คือเป็นจังหวัดทางภาคกลาง ช่วงระยะเวลาที่จะพูดถึงเป็นช่วงสมัยปี พ.ศ. 2503 2504 อายุประมาณ 8-9ขวบกำลังซนสุดๆ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมานานแสนนาน แต่ในความรู้สึกของผมเหมือนว่ามันอยู่ในความนึกคิดตลอดเวลา จนถึงปัจจุบันนี้คุณภาพสมองของผมยังคงจดจำเหตุการณ์ต่างๆในช่วงนั้นได้ดี
ผมไม่ได้อยู่กับพ่อ-แม่ แต่อาศัยอยู่กับยายจะเรียกว่าเด็กกำพร้าก็ได้เพราะยายเอามาเลี้ยงตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 4 ขวบ เหตุผลกลใดคงไม่ต้องเท้าความเพราะเป็นเรื่องเศร้าๆ แบบสังคมไทยๆที่เห็นกันอยู่ทั่วๆไปมากมายจนเป็นเรื่องธรรมดา
อันบ้านของยายนั้นเป็นห้องแถวอยู่ริมถนนพหลโยธิน เป็นบ้านไม้ สองชั้นหลังคาสังกะสีเรียงกันนับได้ 7 ห้อง ยายอยู่เอง 2 ห้องที่เหลือให้คนอื่นเช่า ค่าเช่าสมัยนั้นประมาณห้องละ 150 บาทถึง 200 บาท ที่บ้านมีอาชีพขายยาดองเหล้าขาว เป็นยาดองประเภทชูกำลัง สมัยนั้นก็ถือว่าโด่งดังพอสมควร ยาดองของยายสรรพคุณเป็นที่รู้จักกันทั้งเมืองเพราะขายมานาน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใช้แรงงาน เช่นผู้ขับขี่สามล้อ คนแบกข้าวสาร พวกคนงานก่อสร้าง ฯลฯ ที่หน้าบ้านยายจะมีโต๊ะตั้งอยู่ 1 ตัว บนโต๊ะมีเหล้าขาวตั้งอยู่ 1 ขวด และขวดใส่ยาดองเหล้าตั้งอยู่ใกล้ๆกัน วิธีการซื้อและขายคือ เมื่อมีลูกค้ามา เราจะตวงเหล้าขาวใส่แก้วใบเล็กๆ ไม่ให้เต็มแก้ว ประมาณ 8 ในสิบส่วน แล้วตามด้วยยาดองเหล้าซึ่งมีสีเข้มออกแดงๆดำๆผสมเข้าไป จนเกือบเต็มแก้ว เหล้าสีขาวๆจะขุ่นมัวกลายเป็นสีดำ คนซื้อจะคว้าแก้วมากระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว เอามือเช็ดปาก อาจจะมีคำว่า แฮ่ๆๆตามมา พร้อมกับส่งแก้วคืน ลืมบอกอีกอย่างบนโต๊ะขายเหล้า ยายจะหาของกับแกล้มพวกผลไม้เปรี้ยวๆ เช่น มะขามสด มะยมสดๆวางในกะละมังใบย่อมๆเอาไว้ให้ลูกค้าคว้าไปใส่ปาก หลังจากซดเหล้าจนหมดแก้ว..
บ้านของเราอยู่ใกล้ทางรถไฟ ห่างประมาณ 200 เมตรจากจุดที่ทางรถไฟตัดกับถนนพหลโยธิน โดยจุดที่ทางรถไฟตัดกับถนนฯนั้น ทางการรถไฟได้จัดทำที่กั้นรถยนต์ไว้ ลักษณะเป็นเสาเหล็กกลมๆทาสีแดงสลับขาวมองเห็นแต่ไกล เสานี้สามารถพับงอได้ โดยทำไว้ที่ริมถนนทั้งสองข้าง วัตถุประสงค์ เพื่อปิดกั้นการจราจรไม่ให้รถยนต์วิ่งผ่าน ในช่วงที่รถไฟกำลังจะวิ่งผ่านมา อัน เป็นการป้องกัน ไม่ให้มีสิ่งกีดขวางขณะที่รถไฟวิ่ง เพราะอาจเกิดการชนกันได้ ที่โคนเสาทั้งสองด้านจะมีลวดสลิงและวงล้อสำหรับหมุนให้เสาขึ้นลงได้ ลักษณะจากพื้นราบยกสูงขึ้นไปในแนวดิ่ง เวลาพนักงานหมุนเสาขึ้นและลง จะมีเสียง ติ๊ง ต่องๆๆๆๆดังกังวานไปทั่วบริเวณ ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้จะได้ยินจนชิน และรู้ว่าถ้าเสียงนี้ดังขึ้นแสดงว่ารถไฟกำลังจะผ่านถนนฯ จุดประสงค์ของการทำเสียงนี้ เพื่อเป็นการเตือนให้ผู้ขับขี่รถยนต์ หรือคนที่จะต้องเดินผ่านให้รู้ว่ารถไฟกำลังจะมา เป็นการเตือนสติว่าอย่าตัดหน้ารถไฟ. แต่ทั้งๆที่ป้องกันให้แล้ว ในรอบ 1 เดือนไม่น้อยกว่า 1 ครั้งตอนเช้าๆตื่นขึ้นมา ผมจะมองเห็นเจ้าเสาที่ว่านี้ ไม่เสาใดก็เสาหนึ่งในสองเสา จะหักสะบั้นจนพับงอใช้การไม่ได้เนื่องจากถูกรถยนต์ชน ในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา..ก็ซ่อมกันไป..
ถ้าเดินจากบ้านผมข้ามทางรถไฟไป ตรงไปจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก เพื่อไปสู่จังหวัดอื่น ส่วนทางด้านขวามือ จะเป็นตลาดสดของทางเทศบาลและสถานที่ตั้งสถานีรถไฟ และทางด้านซ้ายมือจะเป็นที่ตั้งของส่วนราชการต่างๆ เช่าศาลากลาง สถานีตำรวจ เทศบาลเมือง ศาล สถานีอนามัย สำนักงานที่ดิน ที่ว่าการอำเภอ จวนผู้ว่าฯ เป็นต้น.
บริเวณด้านข้างเคียงของห้องแถวยายทางด้านทิศเหนือตามแนวถนนพหลโยธิน กำลังมีการก่อสร้างตึกแถว 3 ชั้นประมาณ 8 ห้องด้านหน้าที่ก่อสร้างจะมีกองหินกองทราย อยู่หลายๆกอง สำหรับกองทราย มีทั้งหมาและเด็กๆอย่างพวกผม ไปวิ่งเล่นกันจนมองไม่ออกว่าเป็นกอง เพราะทะลายลงมาจนเป็นเพียงเนินเตี้ยๆ..ส่วนข้างเคียงทางด้านทิศใต้แนวเรียงไปตามถนนเช่นกันเป็นร้านค้าวัตดุก่อสร้าง.ด้านหน้าเป็นห้องเพื่อใช้เป็นสำนักงานขาย ด้านหลังเป็นโกดังเพื่อใส่ไม้แปรรูปขนาดต่างๆ
ผมมีเพื่อนอยู่แถวๆละแวกบ้านหลายคนทั้งรุ่นเดียวกัน ,รุ่นพี่ ,รุ่นน้องแต่อายุไม่ห่างกันมากแค่ 1 หรือ 2 ปี ที่สนิทกัน ก็ แจ็ค , น้อย , ดำ , แป๊ว , และ โอ่ง..พวกเราชอบไปไหนไปด้วยกัน จะสุมหัวเล่นกันจนมืดค่ำ จึงจะเข้าบ้านใครบ้านมัน แปลกนะตอนเด็กๆไม่รู้มีอะไรให้เล่นสนุกๆมากมายไม่เสียเงินซะด้วย
ทุกๆสิ้นปี ทางจังหวัด จัดให้มีงานฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นประจำทุกปี ที่บริเวณศาลากลางจังหวัด งานปีใหม่จัดให้มีกันถึง 8 วัน 8 คืน มโหรสพที่ดังๆก็รำวงรอบละ 1 บาท ลิเก โขน มีการออกร้านของหน่วยราชการ มีจ้ำบ๊ะ(มีผู้หญิงสาวๆออกมาเต้นบนเวที เต้นๆสักพักจะถอดเสื้อและกางเกงออกแล้วก็วิ่งเข้าหลังเวทีไป ไม่ใช่ดูฟรีนะครับคนจัดจะเอาผ้ามาล้อมกั้นและเก็บเงินคนที่เข้าไปดู ) และที่พวกผมชอบที่สุดก็คือหนังกลางแปลงที่ฉายกันยันสว่างทุกคืน เวลาไปดูหนังจะหอบเสื่อไปด้วยพร้อมยากันยุง บางครั้งก็ก่อกองไฟเล็กๆข้างเสื่อก็มี การดูหนังดูจนง่วงหลับไป ตื่นขึ้นมาก็ดูเรื่องอื่นๆต่อๆไปจนสว่าง..
ส่วนพวกอาหารการกินมีมาขายกันมากมาย ทั้งแม่ค้าในพื้นที่และมาจากต่างจังหวัด ที่จำแม่นๆก็คือไก่ย่าง เดินผ่านที่ไรมันหอมจนท้องร้อง จ๊อกๆ เพราะเค้าเล่นปิ้งกันใหม่ๆตัวไก่จะเหลืองอ๋อยเวลาปิ้งไป มีการเอาน้ำอะไรไม่รู้เหลืองๆทาที่ตัวไก่ตลอด กลิ่นและควันจะหอมอบอวลไปทั่วงาน พวกผมไม่มีปัญญาซื้อเป็นตัวๆไปกินหรอก แต่พวกเราจะซื้อเฉพาะช่วงที่เป็นหัวและคอมาแทะกินกันเพราะราคาถูก...ก็ถือว่าได้ลิ้มรสไก่ย่างเหมือนกัน.
ปีนี้... งานปีใหม่จะมาถึงอีกแล้ว พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากๆไม่ได้ตื่นเต้นจะไปเที่ยวงานเพราะไปประจำทุกปีจนเบื่อ หากแต่ตื่นเต้นเพราะกลุ่มพวกเราจะได้มีอะไรที่สนุกๆ(แต่ทุกข์ของผู้อื่น)ได้ทำกันอีก เหมือนเคยเจ้าน้อยได้รับมอบหมายให้ทำลูกลวด(เอาลวดที่ใช้ผูกเหล็ก)เอามาตัดให้เป็นท่อนยาวประมาณ นิ้วเศษๆ แล้วให้งอเป็นรูปตัวยู และอุปกรณ์ที่ใช้คู่กันอีกอย่างคือ ยางหนังสะติ๊กเป็นเส้นเล็กๆลักษณะทรงกลม ที่พวกแม่ค้าใช้สำหรับรัดของต่างๆ..
วันเริ่มงาน พอใกล้ๆค่ำผู้คนที่อยู่ทั้งในเมืองและชาวบ้านรอบๆเมือง เช่นตามตำบลและอำเภออื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง ต่างอุ้มลูกจูงหลานมาเที่ยวงานปีใหม่ของจังหวัดกัน งานนี้ถือว่าเป็นงานระดับจังหวัดใหญ่ที่สุดของปี สมัยนั้นผู้คนไม่ได้ร่ำรวยมีรถประจำตัวกันมากเหมือนสมัยนี้ พวกเค้าจะใช้การเดินกันครับ บางครั้งอยู่ห่างเป็นสิบกิโล ก็เดินกันมา โดยเดินกันมาเป็นกลุ่มๆ หมู่บ้านเดียวกันก็จะเดินมาด้วยกันเป็นเพื่อนกัน เพราะตอนขากลับจะเป็นช่วงดึกๆ ถ้าไม่กลับกันเป็นกลุ่มคงเป็นเรื่องลำบากหากต้องเดินคนเดียว หนทางก็เป็นหลายกิโลยิ่งเป็นเด็กรุ่นๆด้วยแล้ว แทบร้องไห้เพราะไม่กล้าเดินกลับคนเดียว..กลัวผีหลอก..โดยเฉพาะหากวันนั้นไปดูหนังกลางแปลงที่มีเรื่องผีมาฉาย.
พวกเราเด็กเวน วางแผนชั่วร้ายทันที โดยอาศัย เนินทรายที่กองอยู่ริมถนนหน้าตึกที่กำลังก่อสร้างติดอยู่ข้างๆบ้านผมเป็นเครื่องมือ ช่วงเย็นๆเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีคน ปลอดหูปลอดตาประชาชน หลังจาก พวกคนงานก่อสร้างเลิกงานกันแล้ว พวกเรา 4-5 คนในมือมีเสียมสำหรับขุดดิน กระดาษหนังสือพิมพ์ ไม้เล็กๆขนาด 1 ฟุตและอุปกรณ์ที่สำคัญคือ ขี้หมา ขอย้ำขี้หมาครับ ยิ่งสดๆเละๆยิ่งดี
พวกเราแบ่งหน้าที่กันทำงาน พวกแรกทำการขุดลงไปในทรายให้เป็นหลุมลึกประมาณ 1 ศอกกว้างสัก 20 เซนติเมตร พวกที่ 2 เอาขี้หมาที่เตรียมมาเทลงไปที่ ก้นหลุม พวกที่ 3 คือพวกสุดท้าย เอาไม้เล็กๆมาวางเรียงที่ปากหลุม ปูกระดาษหนังสือพิมพ์บนไม้เล็กๆให้เต็มปากหลุม และสุดท้ายด้วยการเอาทรายมาโรยให้เต็มหนังสือพิมพ์ จนมองไม่เห็นกระดาษหนังสือพิมพ์ ตอนนี้ปากหลุมจะเป็นเหมือนพื้นทรายเดียวกัน
ทำไว้ 10 หลุมส่วนตำแหน่งก็หาตามความเหมาะสม เสร็จแล้วก็พากันไปล้างมือเก็บอุปกรณ์ ก่อนออกมานั่งอยู่ที่มุมตึกห่างออกไป ตามองเขม็งที่หลุมแต่ละหลุม
จากคุณ :
สวนดอก
- [
28 ก.พ. 52 13:43:11
]