เสียงรถเมล์ในยามเย็นส่งเสียงดังปะทะกับเสียงนกร้องกลับรัง ผู้คนเดินสัญจรกันไปมาควักไคว่สับสนวุ่นวาย ครั้ง
หนึ่งผมเคยลองคิดว่า คนจำนวนมากนี้มาจากไหนกัน เพราะในแต่ละวัน ผมแทบจำไม่ได้เลยว่า ผมได้พบได้เห็น
มนุษย์ไปกี่คนแล้ว ยิ่งตรงที่ป้ายรถเมล์แล้วนั้นผู้คนยิ่งดูหน้าตากว่าที่อื่น ครั้นพอผมขึ้นรถเมล์ไปแล้วนั้นก็พบคน
มากหนาหลายตาอีกเช่นเดียวกัน คุณเคยตั้งคำถามเหมือนที่ผมเคยตั้งคำถามให้ตัวเองหรือเปล่าว่าคนพวกนี้มาจาก
ไหนกันมากมาย
ในตอนนี้ผมถือว่าผมเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว เพราะว่าผมนั้นทำงานแล้ว แต่ผู้คนรอบข้าง พยายามยัดเยียดให้ผมเป็น
เด็กอยู่ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคนอื่นถึงมองว่าตัวเขาเองนั้นเป็นเด็ก เพราะว่าอันที่จริงแล้วตัวผมคิดตัว
ผมเองนั้นผ่านโลกมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว น่าจะรู้อะไรไม่มากก็น้อย แต่พอเกิดเรื่องที่ไรผู้ใหญ่ก็จะบอกกอาบน้ำร้อน
มากก่อนเราเสมอ ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนั้นแหละว่าทำไมผู้ใหญ่ที่บอกว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนเรา เพราะว่าพอหน้า
หนาวผมก็อาบน้ำร้อนเหมือนกันอยู่ดี ผมจึงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ที่ชอบผู้อย่างนี้ ผมดูเป็นคนไร้สาระไหม นอก
เรื่องไปเสียนาน ที่ผมจากจะบอกให้รับรู้ก็คือ ผมเบื่อชีวิตนี้เบื่อประเทศ นี่เหลือเกิน เบื่อทำงานด้วย คนอื่นเป็น
เหมือนผมไหมครับ ผมว่าใครเป็นเหมือนผมก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทำงาน งานก็หน้าเบื่อ เจ้านายก็ขี้บ่น จุกจิก
จู้จี้ (ผมจะแอบกระซิบให้ว่า ถ้าเด็กคนไหนมาอ่านละก็ คิดซะว่าตอนเป็นเด็กเนี่ยเป็นลาภอันประเสริฐแล้วนะจ๊ะ
น้องเอ่ย) รัฐบาลก็เปลี่ยนบ่อยเหมือนเกมการวิ่งผลัด ผมสงสัยอีกแล้วครับ ว่าพวกราชการ ที่ก็คงลำบากใจเหมือย
กันที่ต้องเปลี่ยนรัฐบาลกันบ่อบ สมมติว่าถ้าเกิด ได้รัฐมนตรีที่ตัวเองไม่ชอบขึ้นมา ก็พลานจะขี้เกียจทำมาหากินไป
อีก ผมพูดไปถึงไหนแล้วเนี่ย พูดมาเรื่องรัฐบาลเฉยเลย ผมจะบอกว่างานที่ทำงานผมน่าเบื่อมากๆ ผมเป็นคนเขียน
บทความ บทความหนึ่งให้นิตรสาร นิตรสารหนึ่ง ผมขอไม่เอ่ยชื่อนิตรสารและกัน(ผมเอาตามคนอื่นที่ชอบบอก
แบบนี้ ) อันที่จริงผมชอบงานเขียน ตอนเด็กๆผมใฝ่ฝันอยู่เสมอว่าอยากเป็นนักเขียน ผมคิดว่าการเป็นนักเขียน
น่าจะเป็นอาชีพที่สนุก แต่พอเอาเข้าจริง ก็ไม่น่าสนุกอยากที่คิด ไอ้ตอนที่เขียนเล่นให้คนอื่นอ่านเล่นๆมันก็
มันดีอะครับ แต่พอได้มาจับงานเขียนจริงๆจังๆ ก็รู้สึกว่า พระเจ้าอะไรกันนี่ และยังดีที่บทความของผมไม่ใช่
บทความสารคดี เป็นบทความที่ออกแนวบ้าๆบอๆ เหมือนที่ผมก็กำลังพิมพ์อยู่เนี่ย เบื่อยังเรื่องงานของผม ผมเองก็
เบื่อแล้วเหมือนกัน เรามาเอาเรื่องสำคัญดีกว่า เรื่องที่ผมเกริ่นไปตั้งแต่ตอนตน ผมบอกว่าสมัยนี้มีคนเยอะเยะ
มากมาย แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ผมนั้นจำได้ขึ้นใจเลย เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่จัดว่าหน้าตาสวยและไม่จัดว่าหน้าตาขี้เหร่
รูปร่างเธอนั้นก็ไม่ได้อ้วนมากเกินไป ไม่ผอมเกินไป อืม ผมเรียกเธอว่าผู้หญิงท้วมดีกว่า เมื่อตอนเป็นวัยรุ่นผู้หญิง
อย่างนี้เป็นผู้หญิงประเภทที่ผมไม่คิดแม้แต่จะมองดู เพราะถึงเธอจะไม่ได้อ้วน แต่หุ่นเธอก็เข้าขั้นกะละมังใบ
น้อยๆ แต่พอผมเป็นผู้ใหญ่วุฒิภาวะผมก็มากตอนตัว ผมเริ่มคิดได้แล้วว่า อย่ามองคนแค่ภายนอก ที่ผมคิดยังงี้มี
เหตุผล(ประเดี่ยวคนอ่านหาว่าผมไม่มีเหตุผล) เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น(อีกแล้วครับท่าน)ผมได้พยายามจีบผู้หญิงคน
หนึ่งเธอเป็นผู้หญิงที่สวยงามมากๆ ผมต้องใช้คำว่าสวยงามเลยครับ ใช่คำว่า สวย อย่างเดี่ยวไม่ได้ เธอสวยเหมือน
ดอกไม้ดอกน้อยๆเลยละครับ แค่ผมเห็นเธอครั้งแรกร่างกายผมก็ตอบรับได้อัตโนมัติเลยครับ ว่าเธอคนนี้ต้องใช่
แน่(อุปกรณ์ในการตอบรับของผู้ชายเมื่อเจอผู้หญิงแต่ละช่วงอายุไม่เหมือนกันนะ) ผมก็พยายามจีบเธอพยายามทำ
ความรู้จักกับเธอ ก็เพราะเธอสวยไงครับ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลอะไรมากมาย และผมก็โดนเธอหลอกครับ เธอไม่ได้
รักผมคนเดี่ยว เธอรักผู้ชายหลายคน ผมนะทำเจ็บใจจริงๆที่โง่โดนหลอกได้ และตอนนั้นตัวผมเองก็เกิดคำถาม
ขึ้นกับตัวว่า ถ้าหากกลับกัน กลายเป็นผมที่มีผู้หญิงเยอะ เอาง่ายมีกิ๊ก แล้วผู้หญิงจับได้ ผมก็จะถูกสายตาประชาชี
หาว่าผมเป็นผู้ชายเจ้าชู้ แต่เมื่อเป็นผู้หญิง กับไม่มีใครว่าเธอ ผมว่าตัวเองผมเองก็เป็นผู้ชายนี่เสียเปรียบว่าผู้หญิง
หลายๆอย่างนะครับ แต่ผู้หญิงก็ชอบ เรียกร้องอะไรแปลกๆ แต่ผมก็ภูมิใจในการเป็นผู้ชายนะครับ ไปไกลอีกแล้ว
ผมนี่ชอบนอกเรื่องเสียจริงๆ กลับมาที่ผมหญิงที่ผมเล่าให้ฟังตอนแรก เธอเป็นผู้หญิงที่ทำงานข้างบริษัทผมครับ
ผมคิดว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่นิสัยดี เพราะผมดูจากว่าเธอมีเพื่อนเยอะ ใจผมนะครับอยากจะย้ายเข้าไปทำงาน
บริษัทนั้นจริงๆ แต่มันมีปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งก็คือ บริษัท นั้นทำชุดชั้นในหญิง ใครหลายๆคนอาจมองว่าไม่เป็น
เรื่องแปลกที่จะไปทำงานอะไรอย่างนั้นที่บริษัทผลิตชุดชั้นใน เพราะบริษัทเข้าก็มีหลายแผนก แต่ปัญหาของผมก็
คือ ผมมีวิชาในการเขียนอย่างเดี่ยว ผมขีดเขียนเป็นอย่างเดี่ยวทำอย่างอื่นก็ไม่เป็น วาดรูปก็...... ไม่ต้องบอกก็คงจะ
รู้ มิฉะนั้นผมจะขออาสาออกแบบชุดชั้นในให้ฟรีเลย ปัญหาของผมมีแค่นี่ครับ แต่เผอิญ ผมมีความสุขมากกว่า
ความทุกข์ครับ เพราะว่าตอนเด็กๆผมนั้นทำบุญเอาไว้เยอะมากมาย เพิ่งจะมาได้ใช่บุญก็ตอนโตนี่เอง เธอย้ายมาทำ
บริษัทผมครับ ผมจะเล่าให้ฟังในวันที่ผมมีความสุขวันหนึ่งครับ วันนั้นเป็นคื่นเดือนร้อนเดือนหนึ่ง เมื่อก่อนผมจะ
นอนหลับผมเปิดข่าวดูทีวีเห็นมีผู้ชุมนุม ทะเลาะกับตำรวจ หน้าที่ทำงาน ณ ตอนนั้นผมยอมรับเลยว่าผมนี่ใจเลย
ครับที่จะได้ไม่ต้องทำงาน แต่ความสุขของผมก็หมดลงเท่านั้นครับ เมื่อสายตาของผมนั้นเหลือบไปเห็น ปฏิทิน
ผมร้องอุทานออกมาเลยครับว่า โอ้พรุ่งนี้ต้องส่งต้นฉบับ คุณๆอาจสงสัยใช่ไหมว่าทำไหมผมถึงไม่พิมพ์คอมแล้ว
ส่งไปในเมล์ของบริษัท คุณคิดผิดครับ ผมพิมพ์คอมไม่เป็นและไม่ค่อยถูกกับคอมเสียเท่าไร และผมก็เป็น
พนักงานทำความสะอาดของบริษัทนั้นด้วยครับ เรียกได้ว่าทำงานควบคู่กันไป เพราะตอนที่ผมเพิ่งจบใหม่ๆนั้น
ผมไปสมัครงานหลายๆที่แต่ก็ไม่มีใครเขารับ ด้วยความที่ผมอยู่ตัวคนเดี่ยว และรายจ่ายในการซื้อหนังสือต่างๆที่
ผมชอบอ่านแต่ละเดือนก็มากหมายเหลือเกิน ผมเลยต้องทำงานอะไรก็ได้เพื่อให้ได้เงิน คุณๆคงเข้าใจนะครับว่า
เศรษฐกิจบ้านเราตอนนี้มันแย่แค่ไหน มีงานอะไรทำก็ต้องทำไปก่อน เราจะมาเรื่องมากไม่ได้ ผมเลยตกลงทำงาน
เป็นพนักงานทำความสะอาดแทน และด้วยความที่ผมถนัดเรื่องการเขียน เวลาว่างผมก็จะนั่งเขียน เรื่องสั้น เขียน
นิยายแบบชิวๆไป จะวันหนึ่งบรรณาธิการเข้าก็มาเห็น งานทีผมเขียนเขาก็รู้สึกติดใจให้ผมเขียนบทความ แปลกดี
เหมือนกัน แทนที่จะให้ผมเขียนนิยาย ไม่ก็เรื่องสั้น กับให้เขียนบทความแทน แต่เขาก็ยังไม่เลิกจ้างผมยังคงให้ผม
ทำงานทำความสะอาดที่อยู่เหมือนเดิม นอกเรื่องไปไกลอีกแล้ว ผมเห็นปฏิทินแล้วผมก็รู้สึกเสียใจทันที่ที่จะต้อง
ไปทำงาน ผมเลยรีบปิดทีวี ปิดไฟ แล้วขึ้นนอนทันที เช้ามาก็เป็นชาวที่น่าเบื่อ ผมไปทำงานตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติ
ก็คือผมเห็นเธอคนนั้น เดินเข้าไปที่บริษัทผม โอ้ ผมรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที ผมรีบก้าวเท้ายาวเพื่อตามเธอไป แต่พอ
ผมเข้าไปเท่านั้นเหละ ผมก็ได้ป้าที่ทำงานทำความสะอาดกับผมดึงตัวไปก่อน พร้อมดุผมว่า เข้ามาทางนี่ได้ยังไง
ทำไมไม่เข้าทางพนักงาน เออ ใช่ผมลืมตัว ลืมตัวไปว่าตัวเองมาทำงาน พอให้ผู้หญิงก็เดินตามเข้าไปทันที ระหว่าง
ทำงานจิตใจผมสับสนวุ่นวานไปหมดจิตใจไม่อยู่กับเนื้อไม่อยู่กับตัว จิตใจใคร่หาเธอตลอด ..........
วันเวลาผ่านไปหลายเดือนหลายปี จนมา ณ ปัจจุบัน ผมมีข่าวดีจะบอกหลายเรื่องเลยครับ ผมกับเธอได้เป็นแฟน
กับแล้วครับ แรกผมก็รู้สึกแปลกประหลาดเหมือนกันครับ ที่ผู้หญิงตัวโตอยากเธอ มาขอเป็นแฟนผม ณ ตอนนั้น
ผมยอมรับเลยว่าดีใจมากๆ แต่ผมก็สงสัยอีกแล้วครับผมสงสัยว่า ทำไมขาเธอถึงล่ำสัน และ ทำไมเธอถึงสูงอย่างนี้
ผมไม่รอให้คำถามขอผมติดอยู่กับตัวเองนานเหมือนกับคำถามอื่นๆ ผมเลยถามเธออกไปและได้คำตอบว่าออกมา
ว่า เธอเล่นกีฬานั้นเองเรื่องนี้ผมขอชื่นชมเธอ อันเป็นว่าคำถามของผมได้ถูกตอบไปแล้ว และเรื่องดีๆต่อมาก็คือ
ผมกับเธอจะเข้าหอกันไหนคืนนี้แล้วครับ เหมือนฟ้าถล่มทลายอีกแล้วครับ ช่างเป็นเรื่องที่น่ามีความสุขจัง
หลังจากงานพิธีในตอนกลางคืนเสร็จ ผมก็เจ้าสาว ได้จูงมีเจ้าสาวกันเข้าหอ ครับ โดยมีพ่อแม่ของฝ่ายชายและฝ่าย
หญิง ร่วมเป็นพยาน แต่ผมรู้สึกรำคาญพ่อแม่ของเจ้าสาวจังเลยที่ร้องไห้มากกว่า คนอื่น โธ่ พ่อแม่ครับ จะร้อง
ทำไมกัน ผมสัญญาว่าจะดูแล ลูกสาวของพ่อกับแม่ให้ดีที่สุดครับบ ผมจูงมีเธอเข้าไปในห้องหอ และผมก็ไม่รอช้า
เพราะผมอยากมีลูกเร็วๆ เมื่อร่างกายผมไม่เหลืออาภรณ์ชิ้นใดในตัวอีกแล้ว ผมจึงเอื้อมมือไปปลดชุดเจ้าสาวเธอ
และทันใดนั้นเอง เหมือนฟ้าถล่มทลาย เธอเป็น.................................
เป็นอะไรให้พี่ลองคิดเล่นๆดูครับ อิอิ
จากคุณ :
thoorn
- [
1 มี.ค. 52 17:46:58
]