ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องมันมีอยู่ว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณ สองอาทิตย์ ไอ้เสือจำศีลตัวหนึ่ง มันไปเที่ยวเชียงใหม่ แล้วเมล์มาเม้าส์เล่าให้อิฉันฟังว่า ----------------------------------------------- " สาวๆ เชียงใหม่ ก็น่ารัก ผิวงาม ขาวผ่อง เป็นยองใย เหตุใด สาวเชียงใหม่ จึงผิวดี เคยได้มีการถกเถียงกันบ้าง เพื่อนๆ ก็ว่า อากาศมันดี น้อ!!! ไอ้กระผม ก็ ให้ความเห็นในแบบธรรม ไป เล่นเอาเพื่อนๆต้องสาธุ ก็ดันไปเสนอความเห็นว่า "เชียงใหม่ เป็นเมืองที่มีวัดเยอะ วัฒนธรรมก็ยังคงงดงาม ผู้คน ก็ยังเข้าวัด เข้าวา กัน อากาศก็ดี เป็นที่เจริญงอกงามของดอกไม้นานาพันธุ์ มากมาย ผู้คนจึงมีโอกาส กราบไหว้พระ ด้วยเครื่องหอม ดอกไม้งาม กันมากมาย ด้วยจิตศรัทธา ผลบุญจึงส่งให้ผู้คนมากมาย เกิดมา มีผิวงาม เป็นทรัพย์ งานนี้ ก็เล่น เอาเพื่อนๆ อึ้งกันไปเลย " --------------------------------------------- แต่บังเอิญ บัวเหล่าที่ 5 อย่างอิฉัน มักจะมองอะไรไม่มีเหมือนชาวบ้าน อยู่เสมอ เลยไม่อึ้งกะไอ้หมอนี่ ซ้ำยังบ่นเรื่อยเปื่อยให้ไอ้เสือตัวนั้นมันฟังว่า ------------------------------------------- " อืม...เห็นด้วยกับคุณ เรื่อง สาวๆ เชียงใหม่ ผิวงาม ขาวผ่อง เป็นยองใย นะ เพราะ สาวเชียงใหม่ผิวดีจริง ๆ ด้วยแหล่ะ จำได้ว่า เมื่อ หลายปีก่อน อิฉันยังประทับใจกับผิวแก้มของสาวเชียงใหม่คนนึงเลย ลูกสาวแม่ค้าขายไส้อั่วที่ โรงอาหารใน มช. น่ะ โหย แม่เจ้าประคุณ แก้มงี้ ใส อ่องตอง เห็นแล้วนึกถึงแอ๊ปเปิ้ลจัง น่ากัดพิลึก เรื่องนี้เป็นความประทับใจอีกอย่างเกี่ยวกับเชียงใหม่ ที่ตราไว้ในดวงจิต อิฉัน และ มักจะเล่าให้ชาวบ้านฟัง เสมอ ๆ อิอิ อืม...เหตุใด สาวเชียงใหม่ จึงผิวดี แหม ? ประเด็นนี้น่าถกด้วยพิลึกแฮะ เพราะ มันเป็นประเด็นที่ค้างคาใจ อิฉันมานานนักหนาแล้ว ตั้งแต่อิฉันได้รับรู้เรื่อง ผลบุญที่ทำให้เกิดมาผิวพรรณดี น่ะนะ จำได้ว่า เมื่อหลายเดือนก่อน ก็ยังถามตัวเอง อยู่เลยว่า การเกิดมาเป็นคน ผิวพรรณดี นั้นเป็น ผลบุญจริงเหรอ ? แล้วทำไมใครคนหนึ่งถึงรู้สึกเซ็งจิตกับการเป็นคนผิวพรรณดี ล่ะ ? ใครคนนั้น คือ อิฉันเองแหล่ะ แหะ ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต มีคนมากกว่า สิบคนได้มั้ง ที่ชื่นชมเรื่องผิวของอิฉัน แน่ล่ะ ลึก ๆ มันก็อดปลื้มไม่ได้แหล่ะนะ ตามประสาผู้หญิงกับเรื่องสวยๆ งาม ๆ แต่ตอนหลัง ๆ กลับรู้สึกว่า ไอ้ผิวขาว ๆ ผ่อง ๆ เนี่ย มันเหมือน ตัวถ่วง ความเจริญพิกลอ่ะ มันมาพร้อมกับ อันตรายที่ได้ไม่คุ้มเสีย ไงไม่รู้แฮะ ผิวขาว จะนุ่งสั้นให้สบาย ๆ (ซักผ้าง่าย ๆ )ก็ไม่ได้ มันแตะตาคนเกินไป เสี่ยงกับการถูกลากไปข่มขืน เชื่อป่ะ ครั้งหนึ่ง อิฉันเคยเซ็งจิตกับผิวตัวเองมั่ก ๆ ถึงขนาดอยากเกิดมา เป็นคนผิวดำ ๆ ธรรมดา ที่ไม่สะดุดตาใครนะ ไม่ต้องผิวพรรณดีเด่อะไร ขอแค่ให้มันสะอาด ปราศจากกลากเกลื้อนเรื้อนกวาง ก็พอแล้ว อย่างน้อยมันก็ช่วยให้อิฉันสะดวกในการดำรงชีวิตมากขึ้นแหล่ะ อืม...นี่อิฉันยังคิดจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในลานธรรมเสวนา เลยนะ ( ไว้ว่าง ๆ ก่อนเหอะ ) เพราะอิฉัน คิดว่า บุญจริง ๆ ในเรื่องของผิวพรรณ คือ การเกิดมา ...พอใจ... ใน ผิวพรรณ และ รูปโฉมของตัวเองมากกว่าอ่ะ หาใช่การมีรูปโฉมหรือ ผิวพรรณ ต้องตาต้องใจ ชาวบ้าน ไม่ นี่ ๆ อิฉันมีเรื่อง ขำ ๆ เกี่ยวกับเรื่อง ผิวมาเล่าให้ฟังด้วยนะคุณ พอเริ่มปฏิบัติธรรม ถือศีล ดูจิต ได้ ไม่กี่เดือน คนไข้ก็มา เลียบ ๆ เคียง ๆ อิฉันถาม ตอนจ่ายยา ว่า " หมอ ๆ หมอเป็นคริสต์ หรือเปล่า ดูหน้าตาใจดีจังเลย " ฟังแล้วอิฉันขำก้ากเลยแฮะ คุณเอ๊ยยยย ถึงจะฏิบัติธรรม ไง อิฉันก็ยังเป็น คนไม่มีศาสนาคนเดิมนั่นแหล่ะ จู่ ๆ มีคนไข้มาถามงี้ ก็เลยได้แต่มานั่งพินิจดูว่า ที่เป็นงี้อาจเป็นเพราะช่วงนั้นเริ่ม ถือศีล ก็ได้มั้ง หน้ามันเด้งจนสังเกตได้เลยแหล่ะ เด้งขนาดที่ว่า มีหลายคนทักเลยนะ ประมาณว่า " ไอ้บัวฯนี่ หน้ามัน ใส๊ ใส น่าเอ็นดู๊ " ไม่ใช่ทักแค่ครั้งเดียวนะ บางคนทักซ้ำ ๆ ในวันเดียวกันถึง สามรอบ แถมมาสะกิด ถามอีก " ใช้เครื่องสำอางค์ยี่ห้อไหน ? จะได้ใช้มั่ง" ฟังแล้วก็ได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ปั๊ดโธ่ เอ๊ย จะบอกเขาได้ไงล่ะ ว่า อิฉันใช้น้ำเปล่าล้างหน้า ขนาดแป้งยังไม่ค่อยจะได้สัมผัสหน้าเลยคุณเอ๊ย ครั้นจะบอกเขาว่า ที่หน้ามันเด้งงี้ เพราะถือศีล 5 เดี๋ยวเขาก็จะว่าบ้า เลยได้แต่อมยิ้มเรื่อยเปื่อย ไปตามเรื่องแหล่ะ ( แต่จากประสบการณ์ตรง ยืนยัน ว่า น่าจะเป็นเพราะ ถือศีลนะ ) นี่ตะวาน พี่ห้องแล็บที่อยู่ข้างห้องยา ก็มายืนจ้องหน้าอิฉันนะ ขอย้ำว่า จ้องกันแบบโจ่งแจ้งเลยแหล่ะ จ้องเสร็จ ก็เปรยออกมาว่า " ไอ้บัวฯ นี่หน้ามันผ่อง เน๊าะ " ฟังแล้วก็ขำ แกพูดทำนองนี้ มาสองวันติดกันแล้ว มั้ง นี่ดีนะที่ แกเป็นผู้หญิง มีลูกมีผัวแล้ว ถ้าเป็นผู้ชายโดนอิฉันด่าเปิง ตั้งแต่มาเบิ่งจ้องหนังหน้า อิฉันแล้ว เฮ้อ นี่แหล่ะ เรื่อง สวยด้วยศีล ที่อยากจะเขียนยัดเข้าไปใน ศีลห้าในฮาเร็ม อ่ะ ไว้ว่าง ๆ ก่อนเหอะค่อยมานั่งเขียน ( ตอนนี้ขี้เกียจอยู่ ) " ----------------------------------------- หลังจากเม้าส์ให้ไอ้หมอนั่นฟัง จนน้ำลายแตกฟองฟ่อด ๆ งี้ มันคงเคลิ้มไปถึงดวงอาทิตย์ มั้ง เลย แจกลูกยอ อิฉันใหญ่ ว่า --------------------------------------- " คุณบัวเล่าบรรยาย ผิวพรรณตัวเอง ซะผมจินตนาการไปถึงดาวพระศุกร์ ยินดีกับคุณบัว ที่เกิดมา มีรูปเป็นทรัพย์ แต่ก็มิเคยหลงไหลได้ปลื้มกับ สังขารขันธ์ ที่ต้องทนแบก ทั้งตัวมันและปัญหาที่มันก่อสาธุ....จ้า " จากนั้นมันก็ทิ้งทวน ในเมล์ บอกอิฉัน ว่า " เจริญในธรรม นะครับ "คุณบัวผ่อง" <--- ฉายาใหม่ ผมตั้งให้ " ----------------------------------------- เฮ้อ อ่านแล้วขำก้าก เลยอ่ะ อืม.... ชอบฉายาใหม่ที่มัน ( อุตส่าห์ ) ตั้งให้เหมือนกัน อิอิ... บัวผ่อง ... ฟังแล้วดูเป็นยองเป็นใย ไง พิลึก เฮ้อ นี่ ๆ รู้ไหม นามปากกาตอนเขียนเรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต ( เรื่องไร่แห้ว ) อิฉันก็ใช้ชื่อ บัว เหมือนกัน นะ ( แต่เป็น บัวหุบ อ่ะจ้า อิอิ) ถ้าไง ไว้ว่าง ๆ จะเล่าที่มาของชื่อนี้ให้ฟังนะ เฮ้อ ตลกดีนะ สิบปีผ่านไป ไม่นานเท่าไรเลย คุณน้องบัวหุบ คนนี้ ก็กลายเป็น คุณน้องบัวผ่อง ไปซ่ะแหล่ว โลกนี้มันช่างเป็นอนิจจังจริงหนอ อืม...วันเสาร์ที่แล้ว กลับไปบ้าน ไอ้หนูแก้ว ( แม่อิฉัน ) ก็ ชมเปาะ ว่า หน้าอิฉันมัน ผ่อง มั่ก ๆ แถม เมื่อคืน เจอ อ.เก่าสมัยมัธยมต้น ( อ. หนัม ) ^ 0 ^ เลยนั่งเม้าส์กันพักใหญ่ คำพูดหนึ่งที่หลุดมาจากปากของ อาจารย์ คือ " บุศรา เธอดูมีความสุข หน้าเธอมัน แจ่มใส มันดู ผ่อง มากเลย " แหม ๆ ฟังแล้ว ทั้งขำและ ( แอบ ) ปลื้มอกปลื้มใจ เล็ก ๆ ตามประสาผู้หญิงที่ชอบเรื่องสวย ๆ งาม ๆ ( นิด ๆ หน่อย ๆ ) และ ในเมื่อเดือนนี้ มีคนรู้จักมักจี่ ถึงสามคน มาเอ่ยปากชมตัวตนของอิฉันยังงี้ จะไม่ให้ อิฉันเคลิบเคลิ้ม แล้วเรียกตัวเองว่า " คุณบัวผ่อง " ได้ไงกันล่ะ จาก คุณน้องบัวผ่องเป็นยองเป็นใย ( แต่ยังไง ก็เป็นบัวเหล่าที่ 5 อยู่ดี อิอิ) . จากคุณ : นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5 - [ 2 มี.ค. 52 18:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อนึ่ง เรื่องที่โพส  ข้างบน  คือ ปฐมบท และ เหตุปัจจัย ที่ ก่อให้เกิด วิบาก ตามมา ใน กระทู้   การมี... ผิวพรรณดี... นั้น มันเป็น... ผลบุญ...ทั้งหลายแหล่ จริงหรือ ? http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7508793/Y7508793.html ถ้าสนใจลองแวะไปอ่านดูได้นะเจ้าคะ  ^ - ^ . จากคุณ : นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5 - [ 2 มี.ค. 52 18:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาอ่านค่ะ รู้สึกเหมือนเรื่องส่วนตัว ส่วนตัว จากคุณ : scottie - [ 3 มี.ค. 52 21:30:25 ]