๐ แดดอ่อน ยามบ่าย ระบายแสง
แต้มแต่ง ผืนฟ้า เมฆาขาว
ลมโชย โยกไกว ใบไม้พราว
ลมหนาว ผ่านพ้น หม่นหมอกคลาย
๐ เรื่อเรือง แสงอ่อน ตอนเย็นย่ำ
สุกก่ำ ขอบฟ้า ตะวันฉาย
ส้มแดง สุกปลั่ง ดวงเดียวดาย
ก่อนสุดท้าย แห่งแสง แฝงเงา
๐ คืบเคลื่อน เลื่อนยาม เข้าราตรี
นาที..เงียบงัน สั่นคลอนเหงา
โมงยาม คล้อยเคลื่อน อย่างซึมเซา
จับเจ่า กับเงา รัตติกาล
๐ ล่วงดึก ชื้นหมาด หยาดน้ำค้าง
แผ่กว้าง อวลไอ ห่มถิ่นฐาน
พุ่มพฤกษ์ น้อมรับ แลเจือจาน
สอดประสาน โอบคลุม ผืนดิน
๐ ยินแว่ว เสียงไก่ ขันเจื้อยแจ้ว
รุ่งแล้ว สกุณา เริ่มผกผิน
ลาคอน ร่อนปีก ถลาบิน
หากิน เพื่อตน และครอบครัว
๐ สายสูรย์ พูนเข้ม เติมเต็มอุ่น
แลหนุน เนื่องนับ จวบตรงหัว
ทอดเงาดิ่งลง มิห่างตัว
ดุจกลัว จักห่าง เลือนร่างไป
๐ ราวเป็น เพื่อนแท้ ก็มิปาน
โอบกอด ดวงมาน ซึ่งหวั่นไหว
เคียงข้าง ติดตาม มิห่างไกล
เคียงใกล้ ทุกวัน เวลา
๐ หมุนเวียน เปลี่ยนผ่าน ทิวาวาร
คืบคลาน ราตรี ในมิช้า
วัฎจักร ผันวน มิสร่างซา
ธรรมดา ตราบกว่า ชีพวางวาย.!
จากคุณ :
ณ กมล
- [
3 มี.ค. 52 18:36:46
]