Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องสั้น-เมื่อหมอมีรักและมึชีวิต-

    ภายในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แมนแต่งกายในชุดผ่าตัด สีหน้าเขาไม่สู้ดีนัก ขณะที่พยักหน้ารับคำแพทย์อีกคนที่มีทีท่าสั่งการบางอย่างที่ดูไม่อาจขัดขืนได้ หลังจากได้คำตอบที่พอใจจากแมน แพทย์คนนั้นก็ถอดหมวกและหน้ากาก ก่อนจะตบไหล่ขอบคุณและเดินจากแมนไป
    “เคสนี้เป็นผู้ชายอายุ 56 ปี ค่ะ มีเส้นเลือดแตกเลือดออกในสมอง สัญญาณชีพคงที่ ไม่มีโรคประจำตัวอะไร ตรวจคลื่นหัวใจปกติ เอกซเรย์ปอดปกติ” พยาบาลผู้ช่วยบอกกล่าวเกี่ยวกับผู้ป่วยที่แมนจะผ่าตัดอย่างคร่าว ๆ
    หลังจากที่แมนล้างมือที่หน้าห้องผ่าตัดเสร็จแล้ว เขาเดินมาที่ประตูและใช้หลังผลักประตูเข้าไป เขาเหลือบมองนาฬิกาในห้องผ่าตัดแวบหนึ่งอย่างกังวล
    ขณะที่เขากำลังให้พยาบาลใส่เสื้อผ่าตัดให้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบและเสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจในห้องผ่าตัดที่ดังเป็นจังหวะ เสียงโทรศัพท์ดังอยู่หลายครั้งจนเจ้าหน้าที่ในห้องถามขึ้นว่า
    “หมอแมน จะรับโทรศัพท์หรือเปล่าคะ”
    “ไม่เป็นไรครับ ช่วยเปลี่ยนเป็นระบบสั่นให้ด้วยนะครับ”
    หลังจากแมนเข้าผ่าตัดผู้ป่วย โทรศัพท์ยังสั่นอีกหลายครั้ง หลายคนในห้องผ่าตัดเริ่มกระสับกระส่าย
    “ยังโทรมาอยู่เลยค่ะ อาจจะมีเรื่องสำคัญ เดี๋ยวพี่รับให้เอามั้ยคะ” พยาบาลเสนอความช่วยเหลือ
    ชายที่ถูกเรียกกำลังผ่าตัดสมองผู้ป่วยอยู่ข้างเตียงผ่าตัดอย่างจดจ่อ เขาเงยหน้าขึ้นมอง เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังห้อง เข็มนาฬิกาชี้เวลา 20.30 น. ตาคู่นั้นที่ไม่ได้ถูกปิดภายใต้หน้ากากยังดูเรียบเฉยยากจะคาดเดาว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร
    “ช่วยรับให้แล้วให้ผมคุยหน่อยครับ”
    สักครู่พยาบาลที่อยู่นอกบริเวณผ่าตัดก็หยิบโทรศัพท์มือถือแล้วยื่นมาแนบข้างหูของเขา เขาหยุดผ่าตัดสมองผู้ป่วยชั่วคราว
    “ขอโทษนะส้ม วันนี้มีเคสด่วน ไม่มีใครอยู่แทนจริง ๆ แล้วต้องอยู่เวรต่อถึงเช้าด้วย ยังไงก็ สุขสันต์วันเกิดนะครับ เจอกันพรุ่งนี้ครับ” ชายหนุ่มพูดจบและถอนหายใจ พลางหันมองผู้ที่ช่วยถือโทรศัพท์มือถือให้ “ขอบคุณครับ”
    “หมอส้มไม่โกรธแย่หรือคะ” พยาบาลที่กำลังช่วยผ่าตัดพูดขึ้น
    แมนไม่ตอบ ไม่รู้ว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากที่ปิดปากจมูกอยู่แสดงอารมณ์อย่างไร เขาจดจ่อกับการผ่าตัดต่อไป

    ************************************************

    ส้มวางหูจากโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดแล้วมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลาเลย 2 ทุ่มครึ่งไปนิด ๆ เธอนั่งรอแมนที่ม้านั่งหน้าตึกผ่าตัด ลมพัดเส้นผมยาวสลวย เผยให้เห็นใบหน้าสวยได้รูปของเธอ พอดีกับมีชายหนุ่มสูงโปร่งก้าวมายืนตรงหน้า
    “แฟนไม่ว่างอีกแล้วเหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้น
    “อืม ไม่รอแล้วล่ะ หิวจังเลย”
    “งั้นเดี๋ยว ไผ่เลี้ยงวันเกิดเอง ร้านเดิมดีมั้ย” เขาพยายามทำน้ำเสียงร่าเริง
    “อืม” ส้มพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก พลางมองขึ้นไปบนตึก

    ************************************************
    “คนไข้เคยมีโรคหัวใจหรือเปล่าคะ” พยาบาลที่ทำหน้าที่บันทึกสัญญาณชีพที่หัวเตียงผ่าตัดถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
    แมนหันไปมองหน้าพยาบาลที่รายงานเคสอย่างไม่แน่ใจ พยาบาลส่ายหน้า “ไม่มีค่ะหมอ”
    “ตอนนี้ หัวใจเริ่มเต้นช้าลงผิดปกติ มีคลื่นหัวใจผิดปกติด้วย ให้ยาแล้วยังไม่ response เลยค่ะ”
    “อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้วครับ”
    “เร็วหน่อยนะคะ หมอ” พยาบาลเตือนอย่างกังวล
    สักพักเสียงสัญญาณการเต้นของหัวใจเริ่มห่างขึ้น เส้นกราฟแสดงการเต้นของหัวใจในจอภาพเป็นเส้นหยักคล้ายลูกคลื่น
    “คลื่นหัวใจเป็น V fib (เต้นไม่เป็นจังหวะ) แล้วค่ะหมอ”
    “ผมเย็บ scalp (หนังศรีษะ) ใกล้เสร็จแล้ว ฉีดยาอะดรีนาลิน แล้วขึ้นCPR (ปั้มหัวใจ) เลยครับ”
    “เดี๋ยวพี่ตามอาจารย์มาดูนะคะ”
    ทุกคนในห้องผ่าตัดตื่นตัวกับสถานการณ์ที่เริ่มมีบรรยากาศตึงเครียด พยาบาลที่อยู่ใกล้ผู้ป่วยที่สุดขึ้นคุกเข่าบนเตียงผ่าตัดและปั้มหัวใจผู้ป่วย ขณะที่พยาบาลหัวเตียงกำลังฉีดยาเข้าเส้นเลือดผู้ป่วย
    เหงื่อเริ่มซึมออกจากใบหน้าที่ตึงเครียดของแมน เขาตั้งใจเย็บหนังศีรษะจนเสร็จ และถอยออกมาควบคุมการช่วยชีวิตผู้ป่วย “ถอดเครื่องช่วยหายใจ บีบแบ็คแทนครับ..... คลำชีพจรได้หรือเปล่า วัดความดันด้วยครับ” แมนออกคำสั่งอย่างกระวนกระวาย
    จอภาพยังแสดงคลื่นหัวใจที่เป็นคลื่นใหญ่บ้างเล็กบ้าง
    อาจารย์แพทย์กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา
    “CPR (ปั้มหัวใจ) 15 นาทีแล้วคะ ให้ยา ยังไม่ response (ตอบสนองต่อการช่วยชีวิต)” พยาบาลรายงาน
    “ฉีดยาเพิ่ม ปั้มต่อไป” อาจารย์แพทย์ออกคำสั่ง “เป็นไปยังไง ก็คนไข้ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย ก่อนผ่า EKG (คลื่นหัวใจ) ก็ปกติ” เขาพลิกแฟ้มผู้ป่วยดู พลางพูดกับแมนซึ่งตอนนี้ท่าทางเหมือนตั้งสติได้ แต่หน้ากากกลับไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่ตื่นตระหนกไว้ได้
    ผ่านไปประมาณ 30 นาที แต่ละคนเริ่มกระสับกระส่าย จอภาพแสดงคลื่นหัวใจเป็นคลื่นห่างขึ้นจนเกือบเป็นเส้นตรง แมนไม่อาจซ่อนความกระวนกระวายไว้ได้ อาจารย์แพทย์กล่าวอย่างเรียบ ๆ “คุยกับญาติได้เลย” แล้วยื่นแฟ้มผู้ป่วยให้

    ************************************************

    ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ส้มกับไผ่นั่งกินข้าวด้วยกัน ทั้งสองสั่งอาหารมามากมายเต็มโต๊ะ ดูท่าทางมีแต่ไผ่ที่เจริญอาหาร
    “วันนี้ เอ๋ไปไหนนะ” ส้มถามถึงแฟนไผ่ที่ตอนนี้มาเรียนต่อสาขาศัลยกรรมกระดูกที่โรงเรียนแพทย์แห่งนี้
    “เอ๋อยู่เวร ติดเคสผ่าตัดเลยให้เรามากินก่อน เดี๋ยวจะซื้อข้าวไปฝาก” ไผ่ตอบ ตัวเขาเองก็มาเรียนต่อสาขาอายุกรรมโรคเลือดเป็นปีที่ 3 เท่ากับเอ๋และส้ม ไผ่มองส้มที่เขี่ยข้าวในจานอย่างใจลอย
    “ไม่ค่อยกินเลยอ่ะ ปล่อยให้เรากินคนเดียว... โกรธแมนเหรอ” ไผ่มองส้มคล้ายหาคำตอบ ส้มไม่ได้สบตาเสมองไปทางอื่น ไผ่พยายามมองแบบคาดคั้นคำตอบ แต่ส้มไม่สนใจ ไผ่จึงจ้อต่อไป
    “แมนก็เป็นแบบนี้แหละนะ ไม่ค่อยเอาใจส้มเลย แต่จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยว่างจริง ๆ นะ ส้มก็น่าจะเข้าใจบ้าง” พอถึงตรงนี้ ส้มหันมามองไผ่ตาเขียว ไผ่จึงสงบปากสงบคำ และก้มหน้าก้มตากินต่อไป

    ************************************************


    ไผ่กำลังนำนักศึกษาแพทย์ดูผู้ป่วยตามเตียง มาหยุดที่เตียง 14 ผู้ป่วยเป็นหญิงสาวอายุ 18 ปี ป้ายที่เตียงบอกว่าเธอเป็นโรค “ลูคิเมีย” เธอกำลังนอนหลับอยู่ ไผ่มีแววตาแสดงความโล่งใจเล็กน้อยแล้วเดินผ่านข้ามเตียงเธอไปยังเตียงถัดไป
    หลังจากเดินเยี่ยมตามเตียงเสร็จ ไผ่เดินไปหาพยาบาลประจำหอผู้ป่วยและถามขึ้น พลางมองไป เธอยังคงหลับอยู่
    “น้องเค้าเป็นไงบ้างครับ”
    “ก็นอนร้องไห้ตั้งแต่เช้าแล้วคะ พี่ ๆ ก็ช่วยกันไปปลอบจนหลับไปได้สักพักแล้ว”
    “ผมไม่น่าบอกเธอเร็วเกินไป” ไผ่มีแววตาเศร้า เขาปรายตาไปที่เตียงนั้น

    ************************************************

    “นี่ครับ ของขวัญวันเกิด” แมนเดินมาหาส้มที่นั่งรออยู่ในห้องพักแพทย์ ตุ๊กตาคิตตี้ตัวโตที่เขาถือมาเป็นของขวัญ ช่างดูขัดกับร่างสูงใหญ่และไหล่กว้าง ๆ ของเขา “โกรธหรือเปล่าเนี่ย”
    “ไม่ได้โกรธหรอกน่า” ส้มพยายามพูดอย่างร่าเริง พลางรับเอาตุ๊กตาคิตตี้ เธอเอาตุ๊กตาเข้ามากอดและหอม “ตัวที่ 3 แล้วนะเนี่ยตั้งแต่คบกันมา”
    “ก็ชอบไม่ใช่เหรอ” แมนพูดเรียบ ๆ ส้มนิ่ง
    ส้มหันมามองแมน“แมน ส้มนะไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่แมนมีเวลาให้ส้มบ้าง ให้ส้มได้รู้สึกว่าถูกดูแล แมนทำได้มั้ย” ส้มมองหน้าคล้ายจะหาคำตอบ แต่แมนกลับนิ่ง
    “ไม่เป็นไร ส้มให้เวลาคิดนะ แล้วส้มจะรอคำตอบ” ว่าแล้วส้มก็ลุกเดินออกไป
    แมนมองตามด้วยสีหน้ากังวล
    มีหญิงสาวอีกคนเดินมาตบไหล่แมนแล้วนั่งลงข้าง ๆ เธอไว้ทรงผมซอยสั้น ดูเผิน ๆ เหมือนผู้ชาย เธอมองแมนพลางชายตาไปทางที่ส้มเดินไปแล้วพูดขึ้น “เฮ้ ก็ดูไม่ได้โกรธอะไรมากมายนะ คงชินแล้วมั้ง” แมนนิ่งมองพื้น
    “ขอบคุณมากนะ เอ๋ ที่ช่วยซื้อตุ๊กตามาให้” แมนเงยหน้าขึ้นพูดด้วยท่าทางผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ในแววตายังมีความกังวล อยู่ดี ๆ แมนก็พูดขึ้นเบา ๆ “คนไข้ที่ผ่าเมื่อคืน arrest (หัวใจหยุดเต้น) ปั๊มไม่ขึ้น”
    “ทำไมเหรอ” เอ๋ถามอย่างแปลกใจ
    “เปล่า” แมนถอนหายใจ และพยายามทำสีหน้าให้ร่าเริง แล้วทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “เมื่อคืนแมนยูชนะหรือเปล่าอ่ะ”
    “แน่อยู่แล้ว 3-0 อย่าลืมที่สัญญาล่ะ” เอ๋พูดแล้วยิ้ม
    “โธ่เอ๋ย แมนยูทำเสียตังค์อีกแล้ว” แมนหันมายิ้มบาง ๆ
    “สบายใจขึ้นแล้วเหรอ” เอ๋หันมามอง
    “ก็ไม่เชิง” แมนเอนหลังพิงพนัก และยืดขาไปข้างหน้า ใบหน้ายังไม่สดชื่นนัก
    “ชั้นชอบมองแกเวลาแกทำท่าเหมือนจะสบายใจ มันฝืน ๆ ดี แกไม่ใช่คนที่จะรู้สึกดีกับอะไรได้ง่าย ๆ เลย”
    “เธอก็พยายามให้เรารู้สึกดีกับทุก ๆ อย่าง” แมนหันมาสบตา
    ทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน
    “ดูเหมือนเธอจะเข้าใจเรามากกว่าใคร ๆ นะ” แมนพูดขึ้นอย่างจริงจัง

    ************************************************

    “เฮ้ ไผ่ มานั่งอะไรคนเดียวอยู่ตรงนี้” เอ๋เดินตรงมาที่ไผ่ที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนเล็ก ๆ ในโรงพยาบาล ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ
    “นายเป็นอะไรไปน่ะ” เอ๋เข้าไปนั่งข้าง ๆ ไผ่ยังสายตาเหม่อมองไปทางอีกทางเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
    สักครู่ไผ่หันมามองเอ๋ “เอ๋เราไม่สบายใจ”
    เอ๋ถอนหายใจเบา ๆ “คราวนี้เรื่องอะไรล่ะ”
    “เรารู้สึกแย่จังเลย เรารักษาคนไข้คนหนึ่งเป็น ลิวคีเมีย ให้ยาตอนแรกเหมือนจะหาย เราดันไปให้ความหวังเขาเสียดิบดี ว่าหายแน่นอน แต่ระยะหลัง ยาไม่เวิร์คอ่ะ เราก็พยายามเปลี่ยนยา consult (ปรึกษา) อาจารย์อื่น ๆ จนในที่สุดก็ไม่ไหว วันก่อนเราเพิ่งไปบอกเขาว่า คงไม่ไหวแล้ว เขาร้องไห้ใหญ่เลย ตอนนี้อาการก็ทรุดหนักลงเรื่อย ๆ เราไม่กล้าสู้หน้าเขาเลยอ่ะ เราควรทำไงดีเอ๋” ไผ่พูดเศร้า ๆ
    “นายมันก็อ่อนไหวเกินไป” เอ๋พูดขึ้นอย่างจริงจัง “บางทีฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนายเหมือนกันนะว่าทำไมนายยังทำใจกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ นายน่าจะทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดาบ้าง”
    “เราขอโทษแล้วกันที่ทำให้เธอหนักใจ” ไผ่พูดเสียงเครียด แล้วลุกขึ้น “เราไปแล้วนะ ขอบใจที่ตามหา”
    เอ๋มองตามด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ

    *******โปรคิดตามต่อตอน 2 ครับ**********************

    จากคุณ : เท็ตซึคุง - [ 9 มี.ค. 52 19:19:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com