" . . . ก็ทำไม ผมจะไม่ คิดฮึดสู้
ทั้งที่มี คุณลุงครู คอยเกื้อหนุน
มีปัญญา แลสติ สิเปนทุน
ได้เคยคุ้น ขัดเกลา เฝ้าแนะนำ . . .
. . . มีปัจจัย ในการงาน นั้นเกือบครบ
ขาดอย่างเดียว ที่ต้องหลบ ทุกเช้าค่ำ . . .
คุณลุงสอน ผมพากเพียร เรียนประจำ
แต่. . .หลานย้ำ ถางด้วยปาก ถากด้วยตา . . ."
. . . อนรรจถอน เสียงขาด บรรยากาศเงียบ
แล้วพูดต่อ อย่างเย็นเยียบ จนเธอผวา
" . . . กำลังใจ. . .ไงครับ ลับโรยรา
ไม่รู้ว่า จะสู้ไป ทำไมกัน . . .
. . . ถามจริงจริง เสภา น่ารังเกียจหรือ
ด้วยยึดถือ ทิษฐิ ฤๅไรนั่น
พลอยให้ผม โดนเขม่น ไม่เว้นวัน
ช่วยบอกฉัน ให้หายข้อง หมองหัวใจ . . .
. . . ผมเห็นความ ไม่จริงใจ ในรอยยิ้ม
เสียงปรบมือ ปริ่มปริ่ม เหมือนแกล้งให้
ถ้าต้องฝืน แล้วจักทำ ไปทำไม
ประโยคต่อไป ก็หยามเหยียด เกลียดเหมือนเดิม . . .
. . . เหมือนเสแสร้ง แกล้งว่า มาลูบหลัง
พอจังงัง จนตายใจ จึงได้เพิ่ม
ตบหัวฉาด เข้าให้ ใจเหิมเกริม
เอาสิ . . . เติม อะไรก็ได้ ไม่ต้องละลด . . .
. . . เชิญคุณทำ แต่ตามใจ ผมตายเปล่า
ไม่ว่ากล่าว ไม่เคืองขุ่น . . . คุณ . . . มรกต
เพราะศักดิ์ศรี ลูกผู้ชาย ไม่เคยคด
ด้วยไม่หมด กตัญญู ต่อครูบา. . . "
มรกต นั่งอึ้ง ตระลึงตระไล
แล้วหลุดปาก ออกไป ด้วยใจผวา
" . . . คือ . . .ขอโทษ . . . คือ . . . กตไม่ ได้เจตนา. . ."
แล้วหลบตา วิ่งหาย ไปในเรือน . . .
อนรรจมอง ตามไป ถอนใจพรู
นึกว่าตาย แน่กู เกินกลบเกลื่อน
คงอาละวาด แหลกลาญ กลางชานเรือน
ปรากฎว่า กลับเฉยเชือน เสมือนระคาง
กลับ . . . ' ฟังคำ อ้ำอึ้ง ตระลึงคิด
จะเบือนบิด ป้องปัด ก็ขัดขวาง . . .'
จึงรู้สึก โล่งใจ ไปพลางพลาง
ว่าใจนาง คงยังไม่ ไร้ไมตรี
. . . . .
. . . แต่พอหลัง หลุดปากไป หัวใจเครียด
ถ้าเธอเกลียด ขึ้นมาใหญ่ ทำไงนี่
ฮื้อ . . .ไม่น่ะ . . .คิดไป ทำไมมี
. . .ไร้สาระ. . .สิ้นดี. . .สิ. . . หัวใจ . . .
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
10 มี.ค. 52 17:53:07
]