นายอนรรจ หายห่าง อย่างลึกลับ
เขาไม่กลับ มาซ้อมซ้ำ ย้ำคร่ำเคร่ง
ลองกลับไป ทบทวนใจ ใยหวั่นเกรง
ฉันบรรเลง ร้อยเสภา . . . เพราะว่า . . .ใคร
ฉันมาซ้อม เสภา กว่าหกเดือน
ยังต้องกลับ ไปตักเตือน ตัวเองใหม่
หลังจากที่ อาจารย์ ที่มหาวิทยาลัย
มาแนะนำ ฉันให้ รู้จักคุณลุง
อนรรจแสน ดีใจ ที่ได้ครู
เชี่ยวชาญรู้ เสภาเก่า เขาหมายมุ่ง
เขาขับเคี่ยว ฝึกซ้อม น้อมปรับปรุง
ให้เจิดจรุง การกล่อมเสียง สำเนียงพราย
แต่นอกจาก คุณลุงครู ที่บูชา
ยังอีกคน ที่ใกล้ตา สัมผัสได้
ชอบมาเมียง ชวนทะเลาะ เกาะแกะกราย
จนคุ้นชิน จนคล้าย สายสัมพันธ์
บอกกับตน ว่าอย่าให้ ใจไปหมด
มรกต . . . คนชื่อแปลก แผกผายผัน
เธอมีเสน่ห์ ในแววตา น่าอัศจรรย์
แต่ยังนึก พรั่นพรั่น ยามเผชิญ
เท่าที่ย้ำ สัมผัสได้ ถึงไม่ทั้งหมด
น่าจะเปน ฅนเก็บกด หากมองเพียงเผิน
แต่เชื่อว่า รักดนตรี นี้เหลือเกิน
มิเช่นนั้น ก็คงเมิน ไปแต่นาน . . .
อาจจะซ่อน ความรู้สึก ลึก ลึก ข้างใน
เขาแปลกใจ ว่า ทำไม ไม่กล่าวขาน
ทำไมต้อง ทำปากแข็ง แกร่งเกินการณ์
ทำไมต้อง เบือนความหวาน เมื่อพานพบ
ยังจำได้ ในรอยยิ้ม พระพริ้มตา
แต่ปัญหา ในใจ ไม่รู้จบ
หาข้ออ้าง ทั้งเหตุผล จนครันครบ
มิอาจกลบ ปริศนา ค้างคาใจ
แต่แค่นี้ ก็มิได้ เปนไรดอก
อนรรจบอก ตนเองว่า อย่าหลงใหล
พยายาม ตั้งสติมั่น อย่าหวั่นกระไร . . .
. . .
แต่ ทำไม . . ทำไม จึง . . . คิดถึง . . .เธอ.
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 16:09:19
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
13 มี.ค. 52 15:58:23
]