คืนปรารถนา บทที่ 7
อชิระเพิ่งจะกลับไป หากมิลินท์ยังคงมึนงงกับการมาเยือนของเขา เธอมองไปรอบห้องเล็กๆ ของเธอ ซึ่งตอนนี้ดูคับแคบยิ่งกว่าเดิมด้วยข้าวของเครื่องใช้เกี่ยวกับเด็กอ่อนที่เขาหอบซื้อชนิดที่เรียกว่าเหมามาทั้งห้าง
เขาซื้อของจำเป็นในการเลี้ยงเด็กมาเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ขวดนม จุกนม จุกนมหลอก กระเป๋าใส่ของใบใหญ่ กระเป๋าโฟมใส่ขวดนม เครื่องปั๊มน้ำนม อุปกรณ์ในการอาบน้ำและอ่างอาบน้ำเด็ก เสื้อผ้าเด็กอ่อน ผ้าอ้อม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เตียงนอนเด็ก ของเล่น และของจุกจิกอีกมากมายหลายอย่างจนเธอยังงงว่าเขาบ้าซื้อไปได้อย่างไร
เธอมองซ้ายมองขวาพลางส่ายหน้า และเอามือกุมขมับอย่างปวดเศียรเวียนเกล้า...คุณต้นไม่คิดเลยหรือว่าเธอก็ต้องซื้อของเตรียมไว้ล่วงหน้าเหมือนกัน
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเธอมีข้าวของเกี่ยวกับเด็กอ่อนซ้ำกันอย่างละสองชุด ซึ่งมันเกินความจำเป็นไปมาก ยกเว้นเครื่องปั๊มน้ำนม ที่เธอยังไม่มี เพราะกะว่าอาจจะต้องซื้อหลังจากคลอดลูก เธอไม่รู้ว่าลูกจะยอมกินนมจากเธอโดยตรงรึไม่ หรือว่าเธอจะมีปัญหาเรื่องการให้นมจนจำเป็นต้องใช้เครื่องกระตุ้นน้ำนมเข้าช่วย เธอจึงไม่อยากจะเสียเงินเป็นพันสำหรับเครื่องปั๊มน้ำนม ถ้าเธอไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้มันในอนาคต
ตอนที่เขาแจกแจงของที่เขาซื้อมา เธอก็อยากจะร้องประท้วงความเกินพอดีราวกับคนขี้เห่อของเขา ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าตั้งอกตั้งใจของเขาแล้ว เธอก็โต้แย้งไม่ออก
มือเรียวเล็กไล้ขอบเตียงบุนวมนุ่มที่อชิระซื้อมาอย่างเลื่อนลอย มันเป็นเตียงเปลคล้ายของเธอ ทว่าต่างกันตรงที่มันทำจากวัสดุที่ดีกว่า ดูราคาแพงกว่า และมีรูปลักษณ์ที่สวยงามกว่า
เขามีเงิน เขาจะประเคนอะไรให้ลูกของเขาก็ได้
เหมือนเขาเอาเงินมาฟาดหัวเธอ...
เธอชะงักงัน และส่ายหัวปฏิเสธความคิดนั้นแข็งขัน
เธอรู้ว่าเขาไม่ได้เอาเงินมาฟาดหัวเธอ เขาก็แค่...คิดถึงความเป็นอยู่ลูกของเธอ...ไม่สิ ลูกของพวกเรา
ใช่ ลูกเป็นของพวกเรา ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
มิลินท์เริ่มจะปลงกับความคิดที่ว่าอชิระจะไม่ยอมแพ้เรื่องลูกเสียแล้ว ความมุ่งมั่นตั้งใจของเขาทำให้เธอยอมแพ้
แต่ก็ต้องรอดูไป นี่เพิ่งจะกี่วันเอง เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ถ้าเขาเข้ามาสัมผัสชีวิตคนท้องที่น่าเบื่ออย่างจริงจัง เด็กจะเห่อของเล่นใหม่อยู่สักกี่นานกันเชียว เขาอาจจะเห็นลูกเป็นแค่ของเล่นก็ได้...เธอยักไหล่อย่างไม่น่ารัก ก่อนจะเหลือบตามองข้าวของที่อชิระซื้อมา
แล้วนี่เธอจะจัดการกับข้าวของที่เกินมายังไงดี
อย่างเตียงเด็กกับอ่างอาบน้ำนี่ มันออกจะเกินความจำเป็นไปมาก ถ้าเป็นพวกผ้าอ้อม ขวดนม เธอคิดว่าเธอน่าจะใช้ประโยชน์ในกรณีที่ของขาดแคลนได้ ไม่รู้ว่าถ้าถึงเวลาที่เธอจะต้องเลี้ยงลูกจริงๆ เธอจะใช้ของที่ซื้อมาพอเพียงหรือเปล่า เพราะเธอซื้อของใช้ต่างๆ ตามจำนวนที่หนังสือแม่และเด็กแนะนำสำหรับความจำเป็นในขั้นพื้นฐานเท่านั้น
ถ้าจะบอกให้เขา...เอาไปบริจาค เขาจะยอมไหมนะ...มิลินท์คิดว่าถ้าอย่างน้อยของที่อยู่กับเธอไม่มีประโยชน์ต่อเธอ แต่มันสามารถทำประโยชน์ให้คนอื่นได้ ก็คงจะดีกว่าให้มันอยู่กับเธอล่ะน่า
แต่สุดท้าย เธอคงต้องถามเขาก่อน...มิลินท์ไม่กล้าหักดิบทำลายน้ำใจของเขา เธอทั้งเกรงใจ และกลัวว่าเขาจะน้อยใจ
มิลินท์ลุกขึ้นยืน และมองเตียงเด็กของอชิระ
ยังดีนะที่เตียงเด็กของเขาพับเก็บได้
เธอจำตอนที่เขากางเปลพับในถุงออกมาเป็นเปลตั้งได้เป็นอย่างดี เขาดูเก้งก้างและเงอะงะจนเธอแอบยิ้มให้กับท่าทางของเขา
ถ้าพวกเขามีความสัมพันธ์กันจริงๆ ถ้าเขาเป็นสามีของเธอจริงๆ เธอคงจะรู้สึกดีกว่านี้เป็นแน่ แต่นี่ เธอก็แค่เพ้อไป นอนฝันกลางวันบนก้อนเมฆสีชมพู
เฮ้อ...ลมหายใจระบายออกมาจากจมูก ไหล่ลู่ค้อมลงน้อยๆ...เอาเถอะมิลินท์ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดถึงเรื่องของเขาเลย เธอน่าจะเก็บของทั้งหลายได้แล้ว จะไม่มีพื้นที่ให้เดินอยู่แล้วนะ
มิลินท์ปลดปลง ก่อนจะลงมือพับเก็บเปลเตียง และเอามันเก็บใส่ถุงกระเป๋าหูหิ้วที่ขายคู่มาพร้อมกับมัน เธอเลื่อนมันไปไว้ข้างๆ เตียงเด็กของเธอซึ่งถูกพับเก็บไว้ชิดผนังห้องและมีซองพลาสติกห่อคลุมอยู่
เอาล่ะ อย่างน้อยก็เคลียร์พื้นที่ได้หนึ่ง...หญิงสาวมองไปรอบๆ แต่ก็ยังเห็นพื้นที่ห้องที่ถูกจับจองไปด้วยของกำนัลสารพัดแด่ลูกจากอชิระ เธอนิ่วหน้าเมื่อเห็นงานที่ยังเหลือค้างอีกเพียบ
ความจริงเธอไม่น่าขัดตอนที่เขาบอกจะช่วยเธอเก็บของเลย...มานึกเสียดายเอาตอนนี้ออกจะสายไปสักหน่อย แต่ตอนนั้นเธออยากจะให้เขากลับไปเร็วๆ เธอจะได้อาบน้ำและใช้เวลาคิดเพียงลำพังสักที เธอไม่ค่อยคุ้นกับการมีคนเอาอกเอาใจ และยิ่งเป็นคนที่ชื่ออชิระด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งไม่คุ้นเข้าไปใหญ่
แต่ก่อนจะได้จัดการอะไรเพิ่มเติม เธอก็เริ่มรู้สึกปวดท้องน้อยจี๊ดๆ ซึ่งเป็นอาการของคนปวดปัสสาวะขึ้นมาฉับพลัน เธอเหลือบมองข้าวของที่วางกองเต็มพื้น ก่อนจะประคองตัวเองเดินไปทางห้องน้ำแต่เนิ่นๆ เพราะไม่อยากจะอั้นปัสสาวะ
อืมมมม ไหนๆ จะเข้าห้องน้ำแล้วก็อาบน้ำไปเลยก็แล้วกัน ข้าวของที่เหลือ ค่อยออกมาจัดการทีหลัง...เมื่อเห็นของที่ยังวางเต็มห้องก็นึกท้อ เปลี่ยนใจอาบน้ำเสียเลย
เธอหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ ถอดกระโปรงชุดติดกันออกทางศีรษะ และปลดเปลื้องชุดชั้นในออกจนร่างกายของเธอเปลือยเปล่า เธอก้มมอง อดไม่ได้ที่จะสังเกตตัวเองทุกครั้งที่เปลือย ความเป็นแม่ทำให้เธอรู้สึกทึ่งปนปลาบปลื้มอยู่เสมอ เธอประคองช้อนหน้าอกของตัวเองราวกับจะชั่งดูน้ำหนัก แน่นอนว่าตั้งแต่ตั้งครรภ์ ทรวงอกของเธอดูอวบล้นกว่าเดิม และเต่งตึงปริเป่งราวกับจะระเบิด ไม่ต่างจากท้องที่ลูกของเธออาศัยอยู่ เธอสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีม่วงปนน้ำเงินบนเนินตูมขาวของเธอชัดเจน เนื่องจากว่าฮอร์โมนคนท้องทำให้ต่อมน้ำนมขยายตัว พร้อมจะผลิตน้ำนมออกมาเลี้ยงทารก ปลายถันก็ดูขยายอย่างน่าสังเกต และมีสีคล้ำลงเล็กน้อย จะว่าไปตามซอกหนีบข้อพับต่างๆ ของร่างกายเธอก็เปลี่ยนสีตามปริมาณฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น ตอนแรกเธอก็มีกังวลตามประสาผู้หญิงอยู่บ้างว่ามันจะดำแล้วดำเลย แก้ไม่หาย หากเมื่ออ่านหนังสือความรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์แล้ว เธอก็โล่งใจที่รู้ว่าหลังการคลอด ร่องรอยต่างๆ ก็จะหายไปเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องความสวยงามเลย
เธอปล่อยมือจากหน้าอกช้าๆ และค่อยๆ เลื่อนมือเรื่อยลงไปยังหน้าท้องนูนเด่น เธอยิ้มบางๆ เมื่อเห็นลูกยืดตัวแรงจนหน้าท้องกลมของเธอมีรอยนูนแหลมนิดๆ ซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่เห็น เธอวางมือลงไปบนมือ...หรือเท้าของลูก...จะเป็นอวัยวะส่วนไหนของแก เธอไม่รู้ เธอไม่สน เธอชอบแตะต้องลูก และรับรู้ว่าแกเคลื่อนไหวอยู่ใต้ฝ่ามือของเธอ
ยายหนูจ๋า หวังว่าพรุ่งนี้ พ่อของหนูจะไม่ขนอะไรมาให้หนูอีกนะ เขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะแวะมารับเธอกลับหอพัก และเธอก็ยอมรับปากตามใจเขา...ไม่สิ เธอตามใจตัวเองต่างหาก นั่งรถยนต์ส่วนตัวติดแอร์เย็นๆ มันก็ต้องดีกว่าโดยสารรถสาธารณะล่ะนะ เพราะแค่นี้ แม่ก็ไม่รู้จะจัดเก็บยังไงแล้ว มิลินท์ลูบท้องเมื่อลูกเคลื่อนตัวเบาๆ และยิ้มกว้างกว่าเดิม
แน่ะ อยากจะบอกว่าดีใจใช่ไหมที่พ่อซื้อของให้เยอะแยะ เธอหยอกเย้าลูกสาวที่ดิ้นแรงขึ้น ยิ่งแก่ครรภ์เท่าไหร่ ลูกของเธอก็ยิ่งเต้นระบำในท้องของเธอมากขึ้นเท่านั้น บางครั้งก็เล่นเอาเธอสะดุ้งไปเลยก็มี แต่เธอก็รู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้รับการตอบสนองจากลูก มันเหมือนกับว่าเธอมีลูกอยู่กับตัวเธอตลอดเวลา
คุณต้นไม่มีวันรู้สึกเหมือนกับเธอหรอก ยังไงเธอก็ผูกพันกับลูกมากกว่า เธอเป็นคนอุ้มชูก้อนเลือดก้อนนี้ หล่อเลี้ยงจนกลายเป็นเด็กที่มีชีวิต มีจิตใจ ไม่เหมือนเขา อย่างมากเขาก็ดีแต่ซื้อของ ให้ความรักด้วยเงินเท่านั่นแหละ...เธอปรามาสเขา
เธอไม่รู้ว่าเขาจะทนทำดีกับ...ลูกได้นานเท่าไหร่ ก็อย่างที่เธอและเขาพูด คงต้องรอดูกันต่อไป เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความตั้งใจของเขา และเธอก็ได้แต่หวังว่าเวลาจะเยียวยาบาดแผลของเธอด้วย
เพราะการให้เขากลับเข้ามา ไม่ได้หมายความว่าเธอจะหายโกรธที่เขาปฏิบัติต่อเธออย่างอยุติธรรม เธอปรารถนาว่าสักวัน เขาจะรู้ความจริงว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำร้ายเขาเลย มีแต่เขานั่นแหละที่ทำร้ายเธอ!
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
จากคุณ :
มิถุนายน
- [
22 มี.ค. 52 01:35:49
]