ต้อนรับเทศกาลแห่งการให้ วันนี้เพ่มนเลยเก็บเอาเรื่องเล่าที่มีความประทับใจเป็นการส่วนตัวมาเล่าต่อนะค้า
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมาเจ้าต้นเมฆไปเข้าค่ายลูกเสือ ตกกลางคืนมีรอบกองเพลิง เอ้ย รอบกองไฟ ก็เหมือนตอนที่สาวๆเข้าค่ายนั่นแหล่ะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
แต่เรื่องเล่าของเพ่มนเป็นเรื่องเกี่ยวกับการให้ ภารดาอำนาจ ท่านมาเล่าให้เด็กๆฟังก่อนจะคออ่อนคอพับหลับคากองไฟไปเสียก่อน ก็เลยกลายเป็นผลพลอยได้ให้ผู้ใหญ่ที่ไปนั่งฟังได้รับอานิสงค์แห่งการให้ไป ด้วย เอ้า...เข้าเรื่องเลยละกัน
การละครั้งหนึ่งนานมาแล้วนาน ........จนจำไม่ได้ จบ เอ้ย นานมาแล้วมีเรื่องเล่าสู่กันฟังว่า การให้เป็นกุศลทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจริงหรือ ลองฟังดูละกัน แต่ขอบอกก่อนนะค้า ว่าเพ่มนมิได้เข้ารีดแต่อย่างใด หากแต่เรื่องนี้เพ่มนคิดว่าไม่ว่าใครก็น่าจะรับไปคิดแล้วลองทำดูน่าจะ บังเกิดความสุขใจกายได้ไม่แผกกัน เอ้า......มาจะเหลาให้ฟัง ไม่ช่าย จะเล่าให้ฟัง หุๆ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (อันนี้จำได้ดี 55) ในคืนวันหนึ่งหลังงานฉลองจบลง เด็กชายตัวน้อยร่างผอมโซซูบซีด เดินขายไม้ขีดไฟ ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก ร่างเล็กซีดสั่นสะท้านด้วยความหนาว มือดำเครอะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเก่าคร่ำคร่า สายตาอ่อนละโหยโรยแรงด้วยความเหนื่อยอ่อนและความหิว
เด็กน้อยเดินไปตามซอกถนนที่มืดและชื้นแฉะ ทะลุซอกหนึ่งออกมาอีกซอยหนึ่ง ผ่านบ้านคหบดีน้อยใหญ่ที่กำลังมีงานเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งร่างผอมบางเกือบหมดแรงจนแทบก้าวขาไม่ออก เพราะความเหนื่อยและความหนาว
เด็กน้อยจึงสอดส่ายสายตามองหาที่พักพิงให้ร่างกายอบอุ่น เพื่อที่เค้าจะได้มีแรงพอจะกลับไปถึงบ้านได้ มือน้อยเปื้อนเครอะสั่นเทายกขึ้นเคาะบานประตูของบ้านหลังหนึ่ง หลังจากยื่นสั่นสะท้านชั่วอึดใจ ไม่มีแม้แต่เสียงตอบลับมา ด้วยความหิวโหยเค้าจึงตะโกนขึ้นอย่างสุภาพ ขออนุญาตเจ้าของบ้าน เข้าไปผิงไฟแก้หนาว
"มีใครอยู่ไหม ครับ ผมหนาวและหลงทางมา พอมีเศษอาหารเหลือบ้างไหมครับ"
เสียงตะโกนของเด็กน้อยซ้ำๆอยู่สองสามครั้ง ร่างที่ผอมเกร็งสั่นเพราะความหนาวยังยืนอยู่หน้าประตูท่ามกลางพายุหิมะที่ เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ปากสีแดงจัดแตกเป็นคุยสั่นระริก ฟันกระทบกันจนห้ามเอาไว้ไม่อยู่ หน้าชาหูหมดความรุ้สึกไปชั่วขณะ
เด็กน้อยรอคอยอยู่พักใหญ่จนแทบจะถอดใจ กำลังขยับร่างกายที่ยืนหนาว หาที่กำบังหลบลมหนาว ขณะเดียวกันมีเสียงป้าแก่ๆตะโกนกลับแว่วดังออกมาจากบานประตูนั้น
"เข้า มาก่อนซิ ป้าเพิ่งจะล้างจานเสร็จ วันนี้เจ้านายป้าเค้ามีงานเลี้ยงฉลอง อาหารทั้งหมด ป้าเพิ่งจะเก็บทิ้งไปเมื่อครู่นี้เอง มันดึกมากแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครมาอีก"
เสียงแหบเครือของสตรีสุงอายุ พูดยาวเหยียดอธิบาย แต่เด็กน้อยฟังแทบไม่รุ้เรื่อง หุมันอื้อ ตามันลายไปหมด จับใจความได้อย่างเดียว ว่าไม่มีอาหารเหลืออยู่อีกเลย ใจมันเบาหวิวคล้ายจะเป็นลม บานประตูค่อยๆแง้มออก ร่างของหญิงมีอายุก้าวออกมา
"เข้ามาก่อน ไม่มีอาหาร แต่รอเดี่ยวป้าจะหาดูอีกที ว่าพอมีอะไรเหลืออยู่บ้าง"
เสียงแหบเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา กวักมือเรียกเด็กน้อยให้ก้าวเข้าไปนั่งผิงข้างกองไฟ ร่างของเด็กน้อยดูมีสีเลือดฝาดขึ้นมาก หน้าที่เคยซีดเผือดดูดีขึ้น เดินไปนั่งกับพื้นข้างเตาผิงใหญ่ ป้าคนเดิมเดินกระโขยกเขยกเข้าไปอาหารในครัว ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมแก้วใบใหญ่
"ไม่มีอาหารเหลือเลยเจ้าหนู แต่ป้ามีนมแก้วใหญ่มาให้ ดื่มเสีย คงพอทำให้อุ่นท้องขึ้นมาได้บ้าง"
เสียงแหบของป้านำมาซึ่งความซาบซึ้งของเด็กน้อยเป็นอย่างมาก เย็นวันนั้นนมเพียงแก้วเดียวกลับทำให้เด็กน้อยมีความสุขและอิ่มท้องได้นานพอกลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกเจ็ด ......ไม่ช่าย 555 ไวอย่างโกหก ต่างหาก เอิ๊กๆประมาณว่าผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ป้าคนที่เคยสวย บัดนี้แก่ชราลงมาก จนใครๆเรียกว่า คุณยาย ๆ ยังคงอยู่ที่บ้านหลังเดิม ร่างกายที่อ่อนแอลงมีแต่โรคต่างๆรุมเร้า
คุณยายเจ็บป่วยไม่สบายจนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร ต้องทำการผ่าตัดด่วน ความจริงคุณยายรุ้ตัวเองนานแล้วว่าป่วย แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมไปหาหมอเพราะไม่มีเงินและญาติที่จะช่วยเหลือจนถึงที่สุด เพื่อนบ้านต้องพากันหามส่งโรงพยายบาลเพราะคุณยายถ่ายออกมาเป็นเลือดสดๆ นอนสลบอยู่ในบ้านจนมีคนไปพบเข้า
หลังจากต้องทำการผ่าตัดโดย ด่วนเมื่อคุณยายฟื้นขึ้นมาอาการเหมือนจะไม่ทุเลาขึ้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งที่เนื้อร้ายถูกต้องออกไปจนหมด และรอดชีวิตมาได้ราวปาฐิหารย์ สร้างความประหลาดใจให้หมอและพยาบาลเป็นอย่างยิ่ง
ถึงวันที่ต้องออกจากรงพยาบาล คุณยายต้องไปจัดการค่าใช้จ่ายก่อน ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดรักษาเป็นเงินมากกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์ (ประมาณหกแสนเจ็ดแสนอะ ประมาณนี้ อิๆ ) แต่คุณยายผู้ยากจนแม้แต่ปอนด์เดียว คุณยายก็ไม่มี น้ำหูน้ำตาของคนแก่ไหลออกมาอย่างกะจะทั่วโรงพยาบาล ไม่รู้จะทำอย่างไร คุณยายได้แต่นั่งร้องไห้
คุณพยาบาลเดินตรงรี่มาหาพร้อมใบค่าใช้จ่ายเต็มมือ เสียงหวานของพยาบาล เอ่ยทักคุณยายขึ้น
"กลับบ้านได้แล้วนะค้า คุณยาย อ้อ .......ค่าผ่าตัดรักษาพยาบาลของคุณยาย เอ่อ.............."
เสียงพยาบาลสาวหยุดชงัก เมื่อเสียงร้องไห้โฮดังๆของคุณยายกลบหมด
"ยายไม่มีตังค์จ่ายหรอกค้าคุณพยาบาลค้า ยายไม่มีจริงๆ ฮือๆ"
เสียงร้องไห้โฮของคุณยายทำให้พยาบาลสาวค่อยๆอ่านข้อความด้วยเสียงอ่อนโยน
"เอ่อ.........คุณยายค้า ฟังก่อนนะค้า .............เอ่อ ...ค่าผ่าตัดค่ารักษาทั้งหมดของคุณยาย..."
เสียงพลิกกระดาษไปมาก่อนจะอ่านตัวเลขทั้งหมด ของคุณพยาบาลทำให้หัวใจของคุณยายเต้นตูมตามจะออกมานอกอก
".........ค่าผ่าตัดรักษาของคุณยายทั้งหมด เท่ากับ .......เท่ากับ .................นมแก้วใหญ่หนึ่งแก้ว ค่ะคุณยาย"
เสียงพยาบาลอ่านข้อความตามใบเสร้จรับเงินอย่างงงงวย ในใบเสร็จรับเงินเป็นลายมือของคุณหมอหนุ่มเจ้าของไข้เขียนข้อความอย่างชัดเจนว่า
"ขอบคุณครับสำหรับนมหนึ่งแก้วในวันนั้น"
เอวัง ด้วยประการละฉะนี้................สาธุ จ้า เพ่มนเก็บเอามาเล่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฟังแล้วรู้สึกดีๆ ทำให้คิดไปต่างๆนาๆ ดีใจที่ได้แบ่งปันเรื่องเล่านะค้า
ปล. บางท่านอาจจะเคยเข้าไปอ่านในบล็อคแล้ว ขออนุญาตมาโพสให้คนที่ยัง
ไม่ได้อ่านได้อ่านนะคะ ขอบคุณค่ะ
.
จากคุณ :
mon_m&m
- [
22 มี.ค. 52 19:52:58
]