เรื่องสั้นจุกเสียดสังคม "จากขอบตึก" จากโปรเจก"วัยวิบัติ" ครับ
จากขอบตึก
ลี้-สงวนพงษ์ 5 มีนาคม พ.ศ.2552
เด็กหนุ่มวัย 18 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งมองลงไปยังพื้นข้างล่างจากชั้นดาดฟ้าของตึกใบหนาด(ตึกมี 10 ชั้น) ผู้คนที่สันจรไปมาเดินกันหัวดำหัวแดงอย่างกับมดตะนอยในช่วงบ่ายแก่ๆนี้ การจราจรบนถนนติดขัด มีเสียงบีบแตรดังต่อเนื่อง จากจุดที่เด็กหนุ่มยืนอยู่เขาสามารถมองเห็นได้ว่าบนถนนข้างหน้าห่างออกไปราวๆ 1 กิโลเมตร เกิดเหตุรถชนท้ายกัน ราวๆ 5 คันซ้อน...บางทีอาจจะ 6
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาผู้ซึ่งได้เกรด 4.00มาตลอดชีวิตวัยเยาว์ที่มีอยู่ เขาผู้ซึ่งได้เกียรติบัตรนักเรียนดีเด่นมาตลอด 18 ฤดูฝน เขาผู้ซึ่งมีความรอบรู้มากมายก่ายกองจนอาจจะสูงกว่าตึกใบหนาดนี่ด้วยซ้ำ เขาผู้ซึ่งใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาตลอดชีวิตเพื่อไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เขาผู้ซึ่งสอบไม่ติด
ทุกคนที่ได้ทราบเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า ปู่ ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูง ภารโรง ยามหน้าประตูโรงเรียน แม่ค้าขายข้าวแกง ต่างก็ตกตะลึงงึงงันไปเป็นแถวๆ เขายังไม่แน่ใจว่า ไอ้ดำ สุนัขในโรงเรียนกำลังช็อคไปกับคนอื่นๆด้วยหรือหิวข้าวจนเป็นลม
เท้าขวาของเด็กหนุ่มเริ่มสัมผัสพื้นผิวของระเบียงตึก
เด็กหนุ่มวัย 18 จากโรงเรียนแห่งเดียวกันมองขึ้นไปยังดาดฟ้าของตึกใบหนาด จากพื้นข้างล่างนี้ ฝูงนกสันจรไปมาอย่างกับมดตะนอยบินได้ การจราจรบนนี้ไม่มีการติดขัด มีเสียงเครื่องบินดังผ่านมาเสียดหู จากจุดที่เด็กหนุ่มยืนอยู่นี้ เขาสามารถมองเห็นได้ว่ามีเพื่อนร่วมสถาบันของเขาอยู่ข้างบน เหม่อมองออกไปในจุดที่มีรถยนต์ชนกัน
เด็กหนุ่มมองด้วยความตกใจครั้งใหญ่ เขาผู้ซึ่งได้เกรดเฉลี่ยไม่เคยถึง 2.5มาตลอดวัยกว่าจะรู้เดียงสาถึงแม้จะตั้งใจขนาดไหน เขาผู้ซึ่งโดนพ่อแม่และคุณครูตำหนิติเตียนมาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เขาผู้ซึ่งไม่มีความรอบรู้อะไรเลย อาจจะต่ำกว่าตึกใบหนาดที่เขามองขึ้นไปนี้ ซัก 20 ชั้น นั่นหมายถึงมันจะทะลุลงไปในดินอีก 10 ชั้น เขาผู้ซึ่งใช้ความไม่รอบรู้ที่เคยร่ำเรียนเลยตลอดชีวิตเพื่อเข้าไปสอบมหาวิทยาลัย...
...เขาผู้ซึ่งสอบไม่ติดเช่นกัน
ทุกคนที่ทราบเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ น้อง พี่ อา น้า ตา ยาย ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูง ภารโรง ยามเฝ้าประตูโรงเรียน แม่ค้าขายราดหน้า ต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานไปพร้อมกับเด็กหนุ่ม ทุกคนต่างบอกกับเขาว่า ไม่เป็นไร ชีวิตเอ็งคงไม่ได้จบแค่นี้หรอก ดีใจจริงๆที่เห็นเอ็งยิ้มสู้มัน เขายังไม่แน่ใจว่าไอ้ดำ สุนัขในโรงเรียนกำลังปลอบเขาไปพร้อมกับคนอื่นๆด้วยหรือมันแค่มาประจบขออาหารกิน
แต่ตอนนี้ เพื่อนร่วมสถาบันที่เขาไม่เคยคุยด้วยเลยกำลังอยู่บนดาดฟ้า
เท้าซ้ายของเด็กหนุ่มก้าวพรวดเข้าไปภายในตึก
ภาพข้างล่างช่างเป็นอะไรที่แสนจะน่ากลัวยิ่งนัก ถ้าหากเขาเกิดโดดลงไปแล้วไม่ตายล่ะ? จะทรมานแค่ไหนนะ แล้วนรกมันมีจริงมั้ย? ไม่หรอก โรงเรียนไม่เคยบอกว่ามีนรก เพราะฉะนั้นมันก็ต้องไม่มี แล้วถ้ามี ทำไมโรงเรียนไม่สอนให้ฉัน เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว อยู่ไปก็อายเขา
เด็กหนุ่มยืนบนขอบตึก กางแขนอย่างสง่างาม เงยหน้ารับลม ช่างกล้าหาญ แต่มันก็เท่านั้น
นาย!!!
เด็กหนุ่มเกือบจะสะดุ้งตกลงไป เขาหันกลับไปด้านหลัง ขณะนี้เด็กหนุ่มกำลังเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม
นายมาทำอะไร? เด็กหนุ่มสักคนหนึ่งถาม
ก็มาห้ามนายไง เด็กหนุ่มอีกคนตอบ
ห้ามทำไมกัน เราอยู่ไปก็ไร้ค่า ว่าพลางหันกลับไป เตรียมพร้อมจะดิ่งพสุธา
หยุด!! ขอร้องล่ะ หยุดเถอะ
ห้ามอยู่ได้!! อะไรของนายนักหนา!! หันกลับมาอีกครั้งด้วยสายตาตำหนิ
คนห้ามเองก็รู้สึกใจเสีย พยายามหาคำพูดที่คิดว่าดีมาอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ ไม่มีความคิดดีๆเข้ามาในหัว
แต่ก็ยังอุตส่าห์พูดไปตามที่ใจสั่ง ก็ได้ นายจะโดดก็ได้ แต่นายช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยได้มั้ย เพราะเหตุกลใดนายถึงต้องตายด้วย??
คราวนี้สีหน้าของผู้ถูกยิงคำถามเริ่มอ่อนลง แขนที่กางออกรับลมเริ่มลดระดับลงมาแนบลำตัว แต่ยังคงหันกลับไปมองท้องฟ้าอันแสนไกลโพ้น
บอกเราหน่อยสินาย
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม คราวนี้เด็กหนุ่มนักกระโดดนั่งลงบนขอบตึก เป็นสัญญาณของอารมณ์ที่สงบลง
นายจะเข้าใจอะไร คนนั่งถามคนยืน
รู้ได้ไงว่าเราจะไม่เข้าใจ
แล้วรู้ได้ไงว่านายจะเข้าใจ
เออ งั้นมิงโดดลงไปได้แล้ว กูรำคาญ
เออๆ กูจะเล่าแล้วๆ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในช่วงบ่าย ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มสดใส รถที่ชนท้ายกันกลางถนนตอนนี้ถูกรถลากพาออกไปแล้ว แต่ก็ไม่นานนักมีรถคันหนึ่งแซงขึ้นมาหน้ารถอีกคนหนึ่งตามประสาเมืองหลวง สังคมที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดีกัน สังคมที่ทุกคนต้องการที่จะเป็นที่หนึ่ง เปรี้ยงง!!! คราวนี้น่าจะ 7 คัน
ยังไงเสียภาพจากตึกคงจะช่างโรแมนติกเหลือเกิน หากมนุษย์สองคนที่นั่งอยู่บนขอบตึกเป็นหญิงสาวกับชายหนุ่ม หากแต่มันเป็นชายกับชาย
แค่นี้เหรอ??
แค่นั้นแหละ
หยุดกันไปอีกนาน
นายรู้อะไรมั้ยมีชัย นักเรียนไม่ดีเด่นถาม
หากนายตายไปซักคน คนที่อยู่ร่วมภูมิใจกับนายมาตลอดชีวิตจะรู้สึกอย่างไร
ไม่มีคำตอบ
เด็กหนุ่มยังคงพูดต่อไป เราไม่ขอแสดงความเสียใจกับนายนะ เพราะสิ่งที่นายพบเจอ มันไม่ใช่จุดจบของทุกสิ่ง
ก็นายไม่ได้เป็นแบบเรานี่มานะ ตลอดชีวิตเราแทบจะไม่เคยผิดพลาดอะไรเลย แต่...
ถอนหายใจยาว นายกำลังจะบอกว่าเรามีแต่เรื่องผิดพลาดตลอดชีวิตใช่มั้ย
ไม่มีคำตอบเช่นเดิม
ก็อาจจะจริงอย่างที่นายพูด มานะเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า นกกาเริ่มกลับรัง ไม่รู้เป็นยังไงมายังไง เขานึกถึงรายการเจ้าขุนทองที่เปิดดูทุกๆเช้า ก่อนที่แม่จะพาไปโรงเรียน
ถึงเราจะไม่ใช่เด็กดีของใครๆแบบนาย แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีใครเลยนะ...
คนเรามันไม่ได้ตัดสินชีวิตกันที่จุดนี้นะ ชีวิตนายมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ว่าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
คนบางคน มุ่งแต่จะหาที่เรียน เรียนอะไรก็ได้ทั้งนั้นขอให้ได้เรียน พอมีที่เรียนก็ดีอกดีใจอย่างไร้สาระ แต่กลับลืมอะไรไปบางอย่าง คนพวกนี้ไม่เคยมุ่งหาจุดหมาย สิ่งที่คนพวกนั้นทำคือมุ่งหาค่านิยม
มีชัย!!!!!
เสียงตะโกนนั่นดังลงมาจากข้างล่าง ทั้งสองหนุ่มมองลงไปพร้อมกัน อย่าถามคนเขียนว่าพวกเขาได้ยินได้ยังไงในเมื่อตึกสูงลิบลิ่ว
ภาพที่เห็นไม่ใช่อื่นใด คนที่ตะโกนเรียกคือหญิงวัยกลางคนนางหนึ่ง ผู้ที่กำลังจับจ้องมาบนดาดฟ้านี้ด้วยความหวังและความสุขเปี่ยมล้น แม่ของมีชัย
ข้างๆแม่ของมีชัยนั้นก็คือพ่อของมีชัย และพี่น้อง ญาติสนิท
หากจะมองต่อไปอีก ยังสามารถเห็นเพื่อนฝูงในโรงเรียน คุณครู ภารโรง ยามเผ้าประตูโรงเรียน แม่ค้าขายข้าวแกง แม่ค้าขายราดหน้า รวมไปถึงไอ้ดำสุนัขในโรงเรียนด้วย ทุกคนที่เอ่ยมาหากไม่นับพ่อแม่และญาติๆของมีชัย ต่างก็เป็นคนที่ทั้งสองรู้จักเป็นอย่างดี
ลงมาเถอะลูก อย่าทำอะไรวู่วามเลย พ่อตะโกนเรียก
เรายังไม่อยากเห็นเด็กดีมีอนาคตอย่างเธอต้องมาจบชีวิตอย่างนี้นะ คุณครูเรียก
อย่างน้อยๆ เธอก็เป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่ต้องให้ฉันโมโหบ่อยๆ ยามหน้าประตูโรงเรียนพูด
เด็กดีอย่างเธอทำให้ฉันรู้สึกมีคุณค่าที่ได้รู้จักภารโรงเรียก
กับข้าวร้านฉันก็ขายดีเพราะมีเธอมาเป็นพรีเซนเตอร์อ้อมๆ แม่ค้าขายข้าวแกงและแม่ค้าขายราดหน้าพูดขึ้นพร้อมกัน
พวกเรารักแกนะมีชัย!!! เพื่อนๆในโรงเรียน ตะโกนดังลั่น อาจจะซักร้อยหรือสองร้อยคนเห็นจะได้
ลงมาเถอะ โลกยังต้องการคนเก่งแบบเธอ!!! ไทยมุงอีกราวๆสามร้อยหรือไม่ก็สี่ร้อยเปล่งเสียงพร้อมกัน
ป้าอยากได้คนอย่างเธอมาเป็นลูกนะมีชัย!!! เสียงนั้นช่างเป็นเสียงที่คุ้นเคยต่อโสดประสาทของมานะยิ่งนัก เขาเร่งมองหาต้นเสียง เจ้าของเสียงนั้นคือแม่ของเขาเอง ข้างกายแม่ก็คือพ่อของเขา
โฮ่งๆๆ โบร๋วว... ดำพูดอะไรบางอย่าง จากบนดาดฟ้านี้ คงได้ยินไม่ชัดว่าดำพูดอะไร
น้ำตาหยดหนึ่งของมีชัยไหลย้อยลงมาข้างแก้ม ก่อนที่มันจะเป็นการปล่อยโฮออกมา
มานะโอบไหล่มีชัยมากอดไกล้ๆ เห็นมั้ยล่ะ โลกนี้ยังต้องการนายนะมีชัย
มีชัยไม่พูดอะไรได้แต่สะอึกสะอื้น
โลกยังต้องการฉัน??
จากข้างบนนี้ภาพที่เห็นช่างน่าประทับใจเหลือเกิน ผู้เป็นแม่ตรงเข้าไปโอบกอดลูกทั้งน้ำตา ทุกๆคนส่งเสียงโหร้องยินดี ที่พวกเขาจะไม่เสียคนเก่งไปจากโลกอีกคนหนึ่ง แม่และพ่อพาเด็กหนุ่มกลับไปที่รถของครอบครัว ทุกคนเดินตามไปส่ง เมื่อรถออกตัวไปข้างหน้าผ่านรถยนต์ที่ชนท้ายกันรอบสอง กระจกรถเปิดลง มีมือหนึ่งโบกอำลาเหล่าสหายของเขารวมไปถึงไทยมุง
ไม่นานผู้คนจึงเริ่มซาลง ซาลงเหมือนงานเลี้ยงที่ไกล้จะปิด ซาลงเหมือนคอนเสิร์ตที่ไกล้จะจบ
แสงแดดสีส้มผ่านพ้นไป สิ่งที่เข้ามาแทนคือความมืดมิด
คืนนี้ลมเย็นสบาย ตอนนี้มีชัยคงกำลังมีความสุขกับครอบครัวอีกครั้ง อาจจะกำลังดูโทรทัศน์ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน บางทีอาจจะมีการฉลองใหญ่ที่ร้านอาหารดีๆซักร้าน และอาจจะได้ใช้ชีวิตอันมีค่าของเขาไปอีกอย่างน้อย 50 ปี
โลกยังต้องการคนอย่างเขา
พื้นถนนไม่เหลือใครอื่น รถราที่สันจรไปมาหายไปหมดรวมถึงเหล่ารถยนต์ที่ชนกัน บนฟ้าไม่มีนกกาอีกแล้ว จักรวาลก็ไม่มีแสงดาว
ไม่มีใครทั้งสิ้น...
แต่ชั้นดาดฟ้ามีสิ่งมีชีวิตเพียงสิ่งเดียวนั่นคือเด็กหนุ่มวัย 18
เขาผู้ซึ่งเพิ่งช่วยชีวิตเพื่อนร่วมสถาบันมาหมาดๆ
เขาผู้ซึ่งไม่มีใครต้องการ
เท้าขวาของเด็กหนุ่มเริ่มสัมผัสพื้สผิวของระเบียงตึก...
จากคุณ :
หมาน้อยผู้อยู่ในดวงใจโลก
- [
25 มี.ค. 52 09:40:34
]