ตอน กลิ่น
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7650035/W7650035.html
ตอน เขามาเตือน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7630569/W7630569.html
ตอน วิญญาณป่าที่เขาใหญ่
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7613807/W7613807.html
ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (หลอนครั้งแรก)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7555350/W7555350.html
ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (ฝูงผีบุก)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7561061/W7561061.html
ตอน ผีทวงสมอง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7569912/W7569912.html
ตอน ช่วยด้วย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7575674/W7575674.html
ตอน หัวใคร ในทะเล
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7581096/W7581096.html
ตอน ทำไมพี่ถึงไม่ช่วยผม!
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7589318/W7589318.html
เรื่องที่ 11 เขา.....มานำทาง
ครอบครัวพี่เป็นพวกชีพจรลงเท้า จึงมักจะมีเรื่องให้ต้องเดินทางไปโน่นมานี่เกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะน้องสาวที่เป็นข้าราชการ(โหด) ยิ่งเขาขับรถเองด้วยแล้ว ยิ่งชอบออกราชการต่างจังหวัดเกือบทุกอาทิตย์เลย
นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นน้องพี่ยังสาวๆอยู่(อ๊าค!สายตาพิฆาต) ตอนนั้นเขาต้องไปราชการด่วนแถวทางภาคใต้ ดูเหมือนจะเป็นภูเก็ต ด้วยความเป็นห่วงแม่พี่เลยขอตามไปด้วย ทั้งสองคนออกเดินทางกันตอนเย็นวันศุกร์ เพราะน้องพี่ไม่ชอบขับรถตอนกลางวัน มันร้อนและกลัวตัวดำ
การเดินทางขาไปค่อนข้างราบรื่น เมื่อไปถึงน้องสาวพี่ก็จัดการงานจนเสร็จเรียบร้อยและค้างหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นก็พาแม่ตระเวนไหว้พระทั่วเกาะภูเก็ตจนบ่ายจึงออกจากที่นั่นเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางเดิม
เส้นทางในสมัยก่อนค่อนข้างเปลี่ยวและมืดมาก น้องสาวพี่แม้จะขับรถเร็วแต่ก็ระวังแถมตอนนั้นร่างกายก็ยังสมบูรณ์แข็งแรงตามวัย เขาสามารถขับรถติดต่อกันได้หลายชั่วโมงโดยไม่ง่วงหรือเหนื่อย ทั้งสองนั่งคุยกันมาเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าสู่เขตจังหวัดกระบี่(พี่ไม่แน่ใจนะแต่คิดว่าน่าจะใช่เพราะเรื่องมันนานมาแล้ว) น้องสาวพี่เล่าว่าตอนนั้นเหมือนมีหมอกเคลื่อนลงมา เขาชะลอความเร็วรถและเปิดไฟสูง พอหมอกจางก็เพิ่มความเร็วตามเดิม และขับไปตามป้ายที่บอกเส้นทาง ตอนนั้นเองที่ทั้งแม่และน้องเอะใจขึ้นมาเพราะถนนไม่คุ้นตา ที่แน่ใจเพราะน้องพี่เป็นคนจำเส้นทางเก่งมาก เขาบอกว่าก็ขับรถไปเรื่อยๆและเริ่มรู้สึกไม่ดีตอนที่เห็นกลุ่มคนเดินอยู่ข้างทาง แม้จะดูเหมือนชาวบ้านธรรมดาแต่ชุดที่ใส่น่ะเก่ามาก การเดินก็ขยับตัวไปพร้อมกัน ไม่พูดไม่คุย ไม่ทำอะไรทั้งนั้น พอรถวิ่งผ่านน้องพี่ก็เหลือบดูทางกระจกมองหลัง มันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
เพราะเขาไม่เห็นใครเลยสักคน
น้องพี่เตรียมจะเหยียบคันเร่งแต่อยู่ๆก็มีนกตัวใหญ่มากบินถลาเข้ามาหา อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้ว น้องคนนี้มีความบ้าดีเดือดมาก (ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกรรมพันธุ์) เขาขับรถพุ่งสวนไปเลย แทนที่จะชนกับนกกับเหมือนขับรถผ่านอากาศ นกตัวนั้นหายไปเฉยๆ พี่ถามว่าหน้าตามันเป็นยังไงตัวใหญ่แค่ไหน น้องสาวพี่ตอบว่าหน้าตาเหมือนนกฮูกทั่วๆไป แต่ตัวใหญ่ขนาดกางปีกปิดกระจกหน้ารถได้มิด
ถ้าเป็นคนขวัญอ่อนคงจะจอดรถเพื่อระงับสติอารมณ์แต่น้องพี่บอกว่าตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าจะต้องออกไปให้พ้นจากถนนเส้นนี้ เวลานั้นเขานึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือขอบารมีของพระองค์ให้ช่วยนำทาง พออธิษฐานเสร็จก็มีรถมอร์เตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งแซงขึ้นมา น้องพี่อึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจขับตาม โดยทิ้งระยะห่างประมาณ 5 เมตร น้องสาวบอกว่ารู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่แม้จะเร่งความเร็วมากเท่าไหร่ก็ตามรถมอร์เตอร์ไซด์คันนั้นไม่ทันซักที ทั้งที่ดูเหมือนเขาจะขับแบบสบายๆ พอถึงสี่แยกเขาก็เลี้ยวหายไปในความมืด ส่วนน้องสาวพี่ก็ขับรถไปที่ป้อมตำรวจและจอดรถพัก เขาบอกงงมากเพราะระยะทางที่เขาหลงกับสี่แยกนี้ห่างกันไม่ถึงสิบกิโล
แล้วไอ้ทางที่เขาวิ่งเข้าไปเกือบชั่วโมงน่ะ มันที่ไหนกัน
ตอนนั้นน้องพี่เขาไม่นั่งคิดหาคำตอบหรอก พอหายเพลียก็รีบขับรถบึ่งกลับบ้านด้วยความเร็วชนิดทำลายสถิติโลก มาตอนหลังที่นั่งคุยกันพี่ถามว่าทำไมถึงได้มั่นใจว่ารถมอร์เตอร์ไซด์คันนั้นวิ่งมาช่วย ทั้งที่อาจจะเป็นคนร้ายก็ได้ น้องสาวบอกเขามั่นใจ
เพราะทั้งเครื่องแบบของคนขับและรถมอร์เตอร์ไซด์คันนั้น เป็นชุดของทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง
และที่สำคัญ ตลอดการวิ่งนำ รถคันนั้นไม่ได้เปิดไฟหน้าเลย
*/*/*/*
จากคุณ :
Moony_Lupin
- [
25 มี.ค. 52 12:13:20
]