Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ชาสองกาแฟหนึ่ง (เรื่องสั้น)

    ผมนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว ที่เก้าอี้ไม้ตัวเดิมในสวนสาธารณะที่คุ้นเคย สายลมเย็นๆช่วยพัดพาไอร้อนจากช่วงบ่ายผ่านพ้นไป

    แผ่นน้ำในบึงกว้างทอประกายระยับ ส่องสะท้อนแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ยามใกล้พลบค่ำ เสียงนกฝูงใหญ่กำลังบินกลับรังนอน เด็กๆวัยกำลังซนวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน

    ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ผู้คนหลายวัยต่างมาจับจองที่นั่งเพื่อผ่อนคลายอารมณ์


    ผมก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนพวกนั้น แต่ที่ต่างพวกคนเหล่านั้นคือ “คน” ที่ไม่เคยย้ายหนีไปไหนทว่าสำหรับผมแล้วถือว่าเป็น “คนเก่าหน้าใหม่” สำหรับพื้นที่แห่งนี้ก็ว่าได้

    ความเย็นละมุนของสายลมในฤดูหนาวเช่นนี้ทำให้ผมรำลึกถึงสถานที่ที่จากมา ตอนนั้นมันเหมือนจุดจบของผมแต่ถ้าเทียบกับวันนี้ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่าการตกงานไม่ใช่จุดจบ มันคือจุดเริ่มต้นของบางสิ่งต่างหาก....

    “วันนี้ไม่ไปช่วยพ่อเอ็งรึ”ลุงขายปลาในตลาดทักขึ้นขณะที่ผมกำลังซื้อของสดเข้าไปทำอาหารที่บ้าน


    “วันนี้พ่อหยุดขายของครับลุง คุณหมอที่โรงพยาบาลนัดตรวจก็เลยหยุดกันทั้งบ้าน”


    “เออดีแล้ว พ่อเอ็งน่ะทำงานหนักมาตลอดชีวิต ไม่สบายหัดหาวันหยุดหาหมอดูแลสุขภาพบ้างก็ดี แล้วนี่เอ็งจะอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ล่ะ”


    “ไม่กลับไปแล้วครับลุง ผมตั้งใจว่าจะช่วยพ่อขายของอยู่ที่นี่ล่ะครับ” ผมตอบลุงไปตามตรง ลุงพยักหน้ารับรู้ พอดีมีคนเข้ามาซื้อปลา ผมจึงเดินจากมา สิ่งที่ผมพูดกับลุงมันคือเจตนาจริงๆของผม


    ห้าปีที่แล้วหลังจากที่กัดฟันเรียนปริญญาตรีจนจบผมก็ได้เข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่มากไม่น้อยพออยู่ได้ในเมืองหลวงบางเดือนก็มีเงินเก็บบางเดือนก็ต้องใช้เงินเก็บเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งปลายปีที่แล้ว


    “บริษัทปิดกิจการ เลิกจ้างพนักงาน” แค่ป้ายผ้าขนาดไม่ใหญ่มากหน้าอาคารสำนักงาน ทำให้ผมกลายเป็น “คนตกงาน”ทันที ขณะเดียวกันทางบ้านก็ส่งข่าวมาบอกว่าพ่อต้องการคนช่วยงานเนื่องจากสุขภาพที่แย่ลงและอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี


    ผมจึงตัดสินใจเก็บเสื้อผ้า ทิ้งจุดจบในเมืองหลวง มาเริ่มต้นใหม่ ณ บ้านเกิด


    แม่บอกว่าพ่อเป็นคนแกร่ง อดทนทำงานเพื่อเก็บเงินแต่งงาน เมื่อแต่งงานแล้วก็เก็บหอมรอบริบเพื่อนำเงินมาสร้างบ้านของเรา

    และเมื่อพ่อมีลูกพ่อก็เริ่มหาลู่ทางประกอบกิจการที่จะมีเงินมากขึ้นสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของลูกๆ แม่เล่าว่าพ่อไม่เคยบ่นว่าอยากจะเลิกทำงานเลยสักครั้ง

    แม้กระทั่งลูกทุกคนจบมีงานทำที่มั่นคงแล้วก็ตาม แต่ยังไงก็ยังเหลือลูกคนสุดท้องอย่างผมที่ไม่ค่อยจะเอาไหน ทำให้พ่อแม่คอยเป็นห่วงอยู่เสมอๆ

    แม้ว่าผมจะมีงานทำ พ่อก็ยังเป็นห่วง
    เพราะพ่อรู้ ชีวิตคือความไม่แน่นอน พ่อจึงมอบหมายให้ผมเป็นผู้สืบทอดกิจการเล็กๆในตลาดสด

    แม้จะเหนื่อย แต่รายได้มั่นคง ผมเองก็ดีใจที่ได้กลับมาช่วยเหลือพ่อกับแม่ ท่านจะได้พักผ่อนบ้าง ท่านจะได้หายห่วงเด็กโข่งอย่างผมสักที


    “รับอะไรดีครับ” หญิงสาวผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้มมายืนอยู่หน้าร้านกาแฟเล็กๆในตลาด ในขณะที่พ่อกำลังชงกาแฟให้ลูกค้ารายอื่น ผมจึงหันเหมาสนใจเธอที่ยืนอยู่นานแล้ว


    เธอยิ้มน้อยๆไม่พูดอะไรทว่ายังคงยืนรออยู่ตรงนั้น


    ผมสงสัย แต่เผอิญมีลูกค้าใหม่เข้ามาสั่งกาแฟร้อน ผมจึงรีบจดแล้วหันไปบอกพ่อ


    “พ่อๆครับน้าคนนั้นสั่งกาแฟร้อนสองถุง”


    “อ้าว! ครูวันนี้เอาเหมือนเดิมหรือเปล่า” พ่อที่หันไปมองลูกค้าที่ผมบอกกลับเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่ ดูเธอเองก็คงจะรู้จักกับพ่อดีหญิงสาวจึงพยักหน้า แล้วพ่อก็หันมาสั่งผม


    “ชาเย็นสอง กาแฟเย็นหนึ่งใส่ถุงแยกน้ำแข็ง”


    โหพ่อแค่มองตาก็รู้ใจเลยหรือนี่ สงสัยจะเป็นลูกค้าเจ้าประจำ ผมกุลีกุจอหยิบกระป๋องกาแฟมาเปิด กาแฟสองช้อนครึ่ง ครีมเทียมสองช้อน และนมข้นอีกสี่ช้อนเติมน้ำร้อนเกือบเต็มแก้วชงให้ส่วนผสมเข้ากัน

    เมื่อเสร็จจากกาแฟเย็นผมก็หันมาหยิบกระบวยที่มีถุงชาแช่อยู่ รินชาจากถุงใส่แก้วร้อนเติมนมข้นอีกเกือบครึ่งแก้ว ทำอย่างนี้ทั้งหมดสองรอบ ก็ได้ชาเย็นสอง กาแฟเย็นหนึ่งใส่ถุงมัดปากพร้อมกับถุงหูหิ้วใส่น้ำแข็งพอดีสามถุง


    “ได้แล้วครับ” ผมยื่นให้เธอ หญิงสาวยิ้มให้ แล้วยื่นเงินพอดิบพอดีราคาเครื่องดื่ม เมื่อเธอรับถุงชาและกาแฟไปแล้วหญิงสาวก็รวบเอาถุงใส่ของสดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้เดินจากไป ส่วนผมก็หันไปสนใจกับงานตรงหน้าจนลืมเรื่องที่สงสัยไปเลย.....

    “วันนี้พ่อไปวิ่งด้วยคน” พ่อเดินออกมาจากบ้านในชุดออกกำลังเตรียมพร้อม ผมซึ่งกำลังใส่รองเท้าผ้าใบอยู่หน้าบ้านมองพ่อแบบงงๆ


    ก็ร้อยวันพันปีพ่อชอบไปวิ่งที่ไหน มีแต่ผมนี่แหละที่ชอบวิ่งมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว อีกอย่าง พ่อไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับผมนัก มันจึงดูขัดเขินชอบกล


    “แน่ะยังจะมามองหน้าพ่อ วันนี้ขอวิ่งกับลูกชายสักวันสิวะ” พ่อพูดพลางหัวเราะ ผมจึงยิ้มกว้างลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากบ้านมาพร้อมท่าน


    “วันนี้อากาศดีจังนะ ดูสิคนมาออกกำลังกายกันเยอะเชียว” พ่อชวนคุยขณะที่เราสองคนวิ่งเยาะๆรอบๆบึงของสวนสาธารณะประจำอำเภอที่อยู่ห่างจากบ้านเราไม่กี่ร้อยเมตร


    “ครับ บางทีผมเห็นเด็กมาเล่นว่าว ยังอดคิดถึงตอนเด็กๆที่พ่อทำว่าวมาให้เล่นที่นี่อยู่เลย” ผมตอบท่าน พ่อยิ้มให้อย่างอาทร


    “นั่นสินะ รู้สึกว่าผ่านมาไม่นาน แป๊บๆแกเรียนจบเสียแล้ว”


    “กลับมาอยู่บ้านเราน่ะดีแล้ว มาดูแลแม่แกมาช่วยพ่อดูร้าน”


    ท่านเอ่ยทิ้งท้ายแล้วเร่งความเร็วนำหน้าผม ถึงแม้ว่าท่านจะอายุมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่สบายใจได้ คือสุขภาพของท่านยังไม่ทรุดโทรมมากสักทีเดียว อย่างน้อยๆพ่อก็ยังมีแรงวิ่งมากกว่าผมเสียอีก ผมยิ้ม ใบหน้าของคนสุขกายสบายใจคงเป็นเช่นผมตอนนี้

    จากคุณ : nattanaree - [ 26 มี.ค. 52 23:41:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com