Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เพื่อน...ข้างบ้าน

    “หอมว่ะ บ้านแกทำอะไรกินวะ” เพื่อนสนิทวัยเด็กของฉันโผล่หน้าเข้ามาทางประตูหลังบ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


    “แกงส้มหลดบัว” ฉันตอบสั้นๆ พลางเร่งมือโขลกพริกแกงสีส้มสดกับเนื้อปลาช่อนให้เข้ากัน กลิ่นพริกแกงส้มหอมฉุนไปทั่วครัวที่เปิดโล่งหลังบ้าน มันเดินเข้ามาบริเวณเสื่อที่ฉันนั่งโขลกพริกแกงอยู่ เขียงมีด กะละมังใส่ปลาช่อนที่ยังไม่ได้ล้วงท้องควักไส้ออกยังวางอยู่ตรงนั้น หลดบัวยังคงแช่อยู่ในกะละมังเล็กๆ


    “เสียงดังไปห้าบ้านแปดบ้านเลยเว้ย ไหนดูดิฝีมือพัฒนาไปถึงไหนแล้ว”พูดจบก็นั่งพับขัดสมาธิข้างฉัน แล้วยื่นหน้าแหลมเข้ามาชำเลืองมองในครก


    “โห วันนี้ป้าคิดไงปล่อยให้แกทำกับข้าวคนเดียววะ”มันถามน่าระรื่น ส่วนฉันอยากจะเอาไม้ตีพริกในมือกระแทรกคนปากดีสักหน่อย


    “คิดไงไม่สำคัญ แต่วันนี้ฉันไม่ให้แกกินว่ะ”ฉันหัวเราะเยาะมันกลับ ฉันรู้ว่าวันนี้คุณน้า แม่ของเจ้าตัวแสบไปต่างจังหวัดกับเพื่อนปล่อยให้มันต้องเหงาเฝ้าบ้านคนเดียว


    “เฮ่ยได้ไง ฉันอุตห์ส่าช่วย”ฉันมองหน้ามันงงๆ ไม่ทันไรมันก็หยิบกะละมังใส่ปลาช่อน กับมีดเล่มใหญ่ไปที่หลังบ้าน


    “ไม่ต้องช่วยเลยนะ ยังไงก็ไม่ให้กิน” ฉันตะโกนไปอย่างดื้อดึง ไม่มีสักครั้งเลยหรือไงที่ฉันจะชนะมัน


    “ไม่เป็นไร”แน่ะมันยังตะโกนท้ากลับมา


    “ป้าไม่อยู่เหรอแก”


    “แม่ไปตลาดจะทำกระปิหลน แต่กระชายหมดต้องออกไปซื้อ”


    “ทำไมแกไม่ออกไปซื้อให้ป้าวะ” มันถาม แน่ล่ะมันคงสงสัยเพราะทุกครั้งอาหารเย็นแม่ของฉันจะเป็นคนลงมือทำเอง แต่คราวนี้แม่ปล่อยให้ฉันแสดงฝีมือเองบ้าง


    “อย่ารู้เลย เอาเป็นว่าแม่ฉันเต็มใจไปก็แล้วกัน” ฉันไม่อยากให้มันรู้หรอกนะ ว่าวันนี้แม่จะให้ฉันเป็นคนลงมือทำทุกอย่างเอง กลัวว่ามันจะล้อเอาว่าฉันเกิดอยากจะเป็นแม่ศรีเรือนขึ้นมา
    ฉันไม่ใช่แม่ศรีเรือนสักหน่อย ก็แค่อยากทำอาหารด้วยตัวเองบ้างจริงๆนะ


    “แกนี่อกตัญญูจริงๆ”มันว่าเข้าให้ หนอยไอ้บ้าไม่รู้อะไรแล้วมาว่าเค้า


    “อ่ะเสร็จแล้ว” มันยื่นกะละมัง ที่ปลาช่อนเป็นชิ้นวางเรียงรายอยู่ ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว งานของมันไม่ว่าเป็นงานอะไรก็เนี้ยบเสมอ


    “ดูดีอย่างกับผู้หญิงทำ”มันยกมือขึ้นเขกกระหม่อมฉันทันทีเหมือนกัน


    “โตๆกันแล้วเล่นอะไรเป็นเด็กๆ” แม่ที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว เอ่ยขึ้นพร้อมหันไปเอ่ยทักแขกประจำ พลางวางถุงกระชาย


    “อ่ะเอาไปล้างแล้วหั่น อย่างอื่นเตรียมหมดแล้วใช่ไหม” แม่หันมาถามฉัน ฉันพยักหน้าหยึกๆ หอมแดง พริก ข่า ตะไคร้ รากผักชี และพระเอกของงานนั่นก็คือกะปิล้วนแต่เตรียมพร้อมอยู่ในชามใบใหญ่แล้ว


    “แล้วกะทิล่ะอยู่ไหน”ฉันรีบวิ่งไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบชามใบย่อมออกมา ยิ้มแฉ่ง
    หนูเก่งมั้ยคะ อุตห์ส่าครูพักลักจำแม่มาเลยนะเนี่ย

    “ดีแล้วทำไปนะ แม่จะไปนั่งรอกิน” แม่ยิ้มเย็นๆให้แล้วเดินตัวปลิวไปหน้าบ้าน


    “นี่ให้ฉันช่วยอะไรอีกไหม” มันยังคงตามติด ฉันเลยชี้ไปที่ถุงพลาสติกใบใหญ่


    “ไปแช่ผักกาด กับแตงกวา อ่อเสร็จแล้วก็เอาตะเกียบไปคนเอาใยหลดบัวออกที เห็นป่ะแช่น้ำอยู่ในกะละมังเล็กนั่นน่ะ”


    “เด็ดบัวจะไม่ให้เหลือใยเลยหรือจ้ะ”


    “จะให้ใยมันติดคอแกตอนกินแกงส้มหรือไง”


    “ฮั่นแน่ยอมให้เขากินข้าวด้วยแล้วใช่มั้ย”


    “ไม่รู้คิดเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องกิน” พูดจบก็เอาเครื่องแกงส้มออกจากครก ลุกไปล้างน้ำเปล่าหลังบ้านเพื่อเตรียมตัวโขลกกะปิหลนอีกรอบ ส่วนมันก็รู้หน้าที่หยิบผักสดไปแช่น้ำส้มสายชู แล้วเดินกลับมาหยิบตะเกียบไปนั่งคนหลดบัว


    “แกๆ”มันเรียกขณะที่ฉันกำลังโขลกกะปิอย่างเมามัน


    “จำน้องเอิงได้ป่ะ”


    “แฟนเก่าแกอ่ะนะ”ฉันถามขณะที่ก้มหน้ามองงานในมือ ส่วนหัวก็คิดไปถึงเด็กสาวหน้าใสแนวเกาหลีทันสมัย เสียงแหลมเล็ก แต่งตัวเก่ง แถมเอาแต่ใจสุดๆ ทำตัวเหมือนเด็กมัธยม แต่จริงๆแล้วจบมาทำงานได้ปีหนึ่ง ไม่รู้มันหน้ามืด หรือตัวมัว ไปจีบเป็นแฟน แถมพามาบ้านคุณน้าก็ด่าไปหลายวันเพราะดูเหมือนว่าว่าที่ลูกสะใภ้จะไม่ค่อยถูกใจ และท่านเองก็เริ่มแผนกันท่าจนกระทั่งทั้งสองคนเลิกรากันไปในที่สุด


    “น้องเขาจะแต่งงานอาทิตย์หน้า”ประโยคบอกเล่าธรรมดา เล่นเอาฉันหัวเราะลั่น


    “ใครหน้ามืดเอ้ย เป็นผู้โชคดีคนนั้นวะ”


    “ไอ้เปี๊ยก”


    มันเอ่ยถึงเพื่อนร่วมงานที่สนิทกับมัน เพื่อนสนิทเลยนะ


    “เพื่อนแกเนี่ยนะ”


    “อือ”


    “ทำไมวะ”เสียงฉันเริ่มซีเรียส เพราะเห็นว่าทั้งสองคนรักกันดี และนี่มันก็เหมือนหักหน้ากันอยู่ที่จู่ๆแฟนเก่าไปแต่งงานกับเพื่อนสนิท


    “เฮ้ย ไม่มีอะไร ฉันกับน้องเอิงเราจบกันด้วยดี และไอ้เปี๊ยกก็ไม่ได้หักหน้าอะไรฉัน”
    แม่ะรู้ทันฉันอีกละ


    “แล้วทำไมรีบแต่งแท้”


    “น้องเขาท้อง”


    “หา!” ทีนี้ไม่ใช่แค่เสียง แต่พริกและกะปิที่เข้ากันดีแล้วกระเด็นใส่ปากเต็มที่ คนตรงข้ามเบิ่งตาโตแล้วรีบลุกขึ้น


    “แค่กๆๆ โอย” มันรีบวิ่งไปรินน้ำที่ตู้เย็นยื่นส่งให้ฉัน พลางลูบหัวลูบหลังและหัวเราะอาการของฉัน


    ถึงฉันจะไม่เรียบร้อยแต่ก็ไม่ชินกับเรื่องชิงสุกก่อนห่ามนะ


    “ท้องกับใคร”ฉันถาม หน้าแดงด้วยด้วยอาการสำลัก


    “ก็ไอ้เปี๊ยกดิ เฮ่ยแกอย่ามองหน้าฉันอย่างนั้น ถึงฉันจะจีบดะแต่ก็ไม่ฟันดะนะ”

    “เออ แล้วมาบอกฉันทำไม ทีตอนแกจะมีแฟนยังไม่เห็นบอก ทีตอนแฟนเก่าแต่งงานดันมาบอก”


    “เปล่าจะชวนไปงานแต่ง ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ”


    “ไปคนเดียวไม่เป็นหรือไง”


    “เป็นแต่อยากให้เป็นเพื่อน เบื่อ เดี๋ยวคนอื่นหาว่าไม่มีคนคบ”


    “เฮ่ยอย่าบอกนะว่าแกเอาฉันไปหลอกคนอื่นว่าเป็นแฟนใหม่”ฉันตีหน้ายักษ์หน้าใส่มัน มันรีบส่ายหน้า


    “เปล่าๆ แค่อยากให้ไปเป็นเพื่อนเฉยๆ” มันปฏิเสธเสียงสั่นก่อนที่กำปั้นของฉันจะพุ่งตรงออกไป


    “ก็แล้วไป”ฉันลุกขึ้นเตรียมตัวจะไปทำแกงส้ม


    “แล้วจะไปด้วยหรือเปล่า”


    “เออ ปัดแมลงวันให้ด้วย” มันยิ้มแฉ่ง พลางกุลีกุจอเขยิบตัวมาหน้าครก


    ฉันสั่งให้มันนั่งดูกะปิในครก แล้วตัวเองก็มายืนตั้งหม้อที่เตาแก๊สหลังบ้าน พลางคิดถึงสมัยเด็กๆ


    ตั้งแต่เกิดฉันกับมันก็อยู่บ้านติดกันแล้ว

    พ่อของเราสองคนเสียตั้งแต่เรายังเด็กเหมือนกัน

    แม่ของเราเป็นเพื่อนบ้านกันตั้งแต่ฉันจำความได้

    เราสองคนไม่เคยย้ายบ้านไปที่ไหน

    เราอยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งมหาวิทยาลัย เรายังเรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะ

    ตอนอนุบาลเราอยู่ห้องเดียวกัน และมันก็โทษฉันว่าฉันเอาเหาไปติดหัวมันตอนนอนกลางวัน

    ตั้งแต่เด็กฉันไม่เคยพูดดีกับมันเลย แต่เราก็ไม่เคยทะเลาะกันสักครั้ง

    ตั้งแต่เด็กฉันจะโดนล้อว่าเป็นหญิงถึก แต่ถ้ามีมันจะไม่มีผู้ชายที่ไหนกล้าว่า

    ตั้งแต่เด็กมันมักจะเจ็บตัวเนื่องด้วยว่าไปหาเรื่องไอ้คนที่ว่าฉัน

    ตั้งแต่เด็กถ้าฉันชอบใคร มันจะไม่กล้าออกความคิดเห็นแต่ถ้ามันแอบชอบใคร ฉันจะเป็นโทร
    โข่งอย่างดีและพร้อมที่จะประจานความดีของมันทุกข้อ

    เมื่อโตขึ้นฉันเริ่มมีกลุ่มเพื่อนผู้หญิง มันก็มีกลุ่มเพื่อนผู้ชาย แต่มันต้องรอฉันกลับบ้านทุกวันไม่ว่าฉันจะเรียนพิเศษหรือไปกินขนมกับเพื่อน แต่ถ้าวันไหนมันติดซ้อมกีฬาฉันก็สามารถกลับ
    บ้านได้ก่อนโดยไม่มีความผิด

    ถ้ามันมีแฟนแล้วไม่ยอมบอกฉัน ฉันจะโกรธมันมากๆ

    และถ้าแฟนมันไม่น่ารักถูกใจฉัน ฉันจะเป็นคนไปเป่าหูคุณน้าเอง

    ถ้าแฟนมันโทรมาตามในขณะที่มันออกไปซื้อของกับฉัน ฉันจะด่ามันไปสามวันเจ็ดวันเลยทีเดียว ที่ให้แฟนมาสำคัญกับเพื่อนสนิทอย่างฉัน

    ถ้ามันลืมวันเกิดของฉัน ฉันก็คงจะตัดญาติขาดมิตรกับมัน ซึ่งข้อนี้ฉันบอกมันไว้ตั้งนานแล้ว และมันก็ดีมากที่มันไม่เคยลืมเลย ซื้อเค้กมาให้ทุกปี ไม่เหมือนฉันที่ออกไปฉลองปีใหม่กับเพื่อนในวันเกิดของมันแทบทุกปีโดยที่มันไม่กล้าปริปากบ่นสักหน

    จนกระทั่งมันหน้าเลิศหน้าลอยมาบอกฉันว่ามีคนฉลองวันเกิดด้วยแล้ว นั่นคือน้องเอิงสาวสวย พนักงานใหม่ประจำแผนกของมัน คุณน้ายังบ่นว่ามันไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้าน ชอบกลับดึกแล้วก็จ่ายค่าโทรเยอะขึ้น

    ฉันเองก็ออกจะน้อยใจที่มันสนใจฉันและไปไหนกับฉันน้อยลง ฉันจึงเอาเวลาเหล่านั้นมาขลุกในครัวกับแม่ จนกระทั่งสองสามเดือนที่แล้วได้ยินข่าวแว่วๆว่ามันเลิกกับเธอ

    ฉันจึงแอบยิ้มเล็กน้อย เพราะยังไงก็ไม่มีใครดีกับมันเท่าคุณน้า แม่และฉันอยู่แล้ว


    “นี่ งานแต่งนั้นน่ะจัดที่ไหน” ฉันถามขึ้นขณะที่หยิบผักสดมาไว้ที่จานแล้วเอื้อมมือไปตักกระปิหลนกลิ่นยวนใจตรงหน้า คนข้างๆเงยหน้าจากแกงส้มหลดบัวราดข้าว


    “โรงแรม ใส่กระโปรงไปก็ดีนะแก”


    “สั่งฉันเหรอ” ฉันหันไปพูดเสียงเข้ม มันหัวเราะแบบไม่เกรงกลัว


    “อยากใส่กางเกงก็ได้ เรื่องของแก” มันทำสีหน้ายิ้มเยาะ ทั้งๆที่มันรู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ชอบใส่กระโปรง ยังท้า...ได้คิดว่าฉันไม่กล้าล่ะสิ


    “ไม่ ฉันจะใส่กระโปรง เดี๋ยวแกจะตะลึง”ฉันพูดเชิดๆ


    “เออเอาให้ตะลึงจริงแล้วจะพาไปเลี้ยงไอติม”


    “ได้ วันไหนล่ะ”


    “พรุ่งนี้” มันพูดจบ ฉันก็แทบจะสำลักข้าวออกมาเลยทีเดียว


    “ทำให้ฉันตะลึงให้ได้นะ” มันยิ้มส่งท้ายก่อนจะยื่นจานเปล่าไปเติมข้าวกับแม่ของฉันอีกที

    ----------------------------------

    จากคุณ : nattanaree - [ 7 เม.ย. 52 23:02:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com