หอมว่ะ บ้านแกทำอะไรกินวะ เพื่อนสนิทวัยเด็กของฉันโผล่หน้าเข้ามาทางประตูหลังบ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
แกงส้มหลดบัว ฉันตอบสั้นๆ พลางเร่งมือโขลกพริกแกงสีส้มสดกับเนื้อปลาช่อนให้เข้ากัน กลิ่นพริกแกงส้มหอมฉุนไปทั่วครัวที่เปิดโล่งหลังบ้าน มันเดินเข้ามาบริเวณเสื่อที่ฉันนั่งโขลกพริกแกงอยู่ เขียงมีด กะละมังใส่ปลาช่อนที่ยังไม่ได้ล้วงท้องควักไส้ออกยังวางอยู่ตรงนั้น หลดบัวยังคงแช่อยู่ในกะละมังเล็กๆ
เสียงดังไปห้าบ้านแปดบ้านเลยเว้ย ไหนดูดิฝีมือพัฒนาไปถึงไหนแล้วพูดจบก็นั่งพับขัดสมาธิข้างฉัน แล้วยื่นหน้าแหลมเข้ามาชำเลืองมองในครก
โห วันนี้ป้าคิดไงปล่อยให้แกทำกับข้าวคนเดียววะมันถามน่าระรื่น ส่วนฉันอยากจะเอาไม้ตีพริกในมือกระแทรกคนปากดีสักหน่อย
คิดไงไม่สำคัญ แต่วันนี้ฉันไม่ให้แกกินว่ะฉันหัวเราะเยาะมันกลับ ฉันรู้ว่าวันนี้คุณน้า แม่ของเจ้าตัวแสบไปต่างจังหวัดกับเพื่อนปล่อยให้มันต้องเหงาเฝ้าบ้านคนเดียว
เฮ่ยได้ไง ฉันอุตห์ส่าช่วยฉันมองหน้ามันงงๆ ไม่ทันไรมันก็หยิบกะละมังใส่ปลาช่อน กับมีดเล่มใหญ่ไปที่หลังบ้าน
ไม่ต้องช่วยเลยนะ ยังไงก็ไม่ให้กิน ฉันตะโกนไปอย่างดื้อดึง ไม่มีสักครั้งเลยหรือไงที่ฉันจะชนะมัน
ไม่เป็นไรแน่ะมันยังตะโกนท้ากลับมา
ป้าไม่อยู่เหรอแก
แม่ไปตลาดจะทำกระปิหลน แต่กระชายหมดต้องออกไปซื้อ
ทำไมแกไม่ออกไปซื้อให้ป้าวะ มันถาม แน่ล่ะมันคงสงสัยเพราะทุกครั้งอาหารเย็นแม่ของฉันจะเป็นคนลงมือทำเอง แต่คราวนี้แม่ปล่อยให้ฉันแสดงฝีมือเองบ้าง
อย่ารู้เลย เอาเป็นว่าแม่ฉันเต็มใจไปก็แล้วกัน ฉันไม่อยากให้มันรู้หรอกนะ ว่าวันนี้แม่จะให้ฉันเป็นคนลงมือทำทุกอย่างเอง กลัวว่ามันจะล้อเอาว่าฉันเกิดอยากจะเป็นแม่ศรีเรือนขึ้นมา
ฉันไม่ใช่แม่ศรีเรือนสักหน่อย ก็แค่อยากทำอาหารด้วยตัวเองบ้างจริงๆนะ
แกนี่อกตัญญูจริงๆมันว่าเข้าให้ หนอยไอ้บ้าไม่รู้อะไรแล้วมาว่าเค้า
อ่ะเสร็จแล้ว มันยื่นกะละมัง ที่ปลาช่อนเป็นชิ้นวางเรียงรายอยู่ ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว งานของมันไม่ว่าเป็นงานอะไรก็เนี้ยบเสมอ
ดูดีอย่างกับผู้หญิงทำมันยกมือขึ้นเขกกระหม่อมฉันทันทีเหมือนกัน
โตๆกันแล้วเล่นอะไรเป็นเด็กๆ แม่ที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว เอ่ยขึ้นพร้อมหันไปเอ่ยทักแขกประจำ พลางวางถุงกระชาย
อ่ะเอาไปล้างแล้วหั่น อย่างอื่นเตรียมหมดแล้วใช่ไหม แม่หันมาถามฉัน ฉันพยักหน้าหยึกๆ หอมแดง พริก ข่า ตะไคร้ รากผักชี และพระเอกของงานนั่นก็คือกะปิล้วนแต่เตรียมพร้อมอยู่ในชามใบใหญ่แล้ว
แล้วกะทิล่ะอยู่ไหนฉันรีบวิ่งไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบชามใบย่อมออกมา ยิ้มแฉ่ง
หนูเก่งมั้ยคะ อุตห์ส่าครูพักลักจำแม่มาเลยนะเนี่ย
ดีแล้วทำไปนะ แม่จะไปนั่งรอกิน แม่ยิ้มเย็นๆให้แล้วเดินตัวปลิวไปหน้าบ้าน
นี่ให้ฉันช่วยอะไรอีกไหม มันยังคงตามติด ฉันเลยชี้ไปที่ถุงพลาสติกใบใหญ่
ไปแช่ผักกาด กับแตงกวา อ่อเสร็จแล้วก็เอาตะเกียบไปคนเอาใยหลดบัวออกที เห็นป่ะแช่น้ำอยู่ในกะละมังเล็กนั่นน่ะ
เด็ดบัวจะไม่ให้เหลือใยเลยหรือจ้ะ
จะให้ใยมันติดคอแกตอนกินแกงส้มหรือไง
ฮั่นแน่ยอมให้เขากินข้าวด้วยแล้วใช่มั้ย
ไม่รู้คิดเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องกิน พูดจบก็เอาเครื่องแกงส้มออกจากครก ลุกไปล้างน้ำเปล่าหลังบ้านเพื่อเตรียมตัวโขลกกะปิหลนอีกรอบ ส่วนมันก็รู้หน้าที่หยิบผักสดไปแช่น้ำส้มสายชู แล้วเดินกลับมาหยิบตะเกียบไปนั่งคนหลดบัว
แกๆมันเรียกขณะที่ฉันกำลังโขลกกะปิอย่างเมามัน
จำน้องเอิงได้ป่ะ
แฟนเก่าแกอ่ะนะฉันถามขณะที่ก้มหน้ามองงานในมือ ส่วนหัวก็คิดไปถึงเด็กสาวหน้าใสแนวเกาหลีทันสมัย เสียงแหลมเล็ก แต่งตัวเก่ง แถมเอาแต่ใจสุดๆ ทำตัวเหมือนเด็กมัธยม แต่จริงๆแล้วจบมาทำงานได้ปีหนึ่ง ไม่รู้มันหน้ามืด หรือตัวมัว ไปจีบเป็นแฟน แถมพามาบ้านคุณน้าก็ด่าไปหลายวันเพราะดูเหมือนว่าว่าที่ลูกสะใภ้จะไม่ค่อยถูกใจ และท่านเองก็เริ่มแผนกันท่าจนกระทั่งทั้งสองคนเลิกรากันไปในที่สุด
น้องเขาจะแต่งงานอาทิตย์หน้าประโยคบอกเล่าธรรมดา เล่นเอาฉันหัวเราะลั่น
ใครหน้ามืดเอ้ย เป็นผู้โชคดีคนนั้นวะ
ไอ้เปี๊ยก
มันเอ่ยถึงเพื่อนร่วมงานที่สนิทกับมัน เพื่อนสนิทเลยนะ
เพื่อนแกเนี่ยนะ
อือ
ทำไมวะเสียงฉันเริ่มซีเรียส เพราะเห็นว่าทั้งสองคนรักกันดี และนี่มันก็เหมือนหักหน้ากันอยู่ที่จู่ๆแฟนเก่าไปแต่งงานกับเพื่อนสนิท
เฮ้ย ไม่มีอะไร ฉันกับน้องเอิงเราจบกันด้วยดี และไอ้เปี๊ยกก็ไม่ได้หักหน้าอะไรฉัน
แม่ะรู้ทันฉันอีกละ
แล้วทำไมรีบแต่งแท้
น้องเขาท้อง
หา! ทีนี้ไม่ใช่แค่เสียง แต่พริกและกะปิที่เข้ากันดีแล้วกระเด็นใส่ปากเต็มที่ คนตรงข้ามเบิ่งตาโตแล้วรีบลุกขึ้น
แค่กๆๆ โอย มันรีบวิ่งไปรินน้ำที่ตู้เย็นยื่นส่งให้ฉัน พลางลูบหัวลูบหลังและหัวเราะอาการของฉัน
ถึงฉันจะไม่เรียบร้อยแต่ก็ไม่ชินกับเรื่องชิงสุกก่อนห่ามนะ
ท้องกับใครฉันถาม หน้าแดงด้วยด้วยอาการสำลัก
ก็ไอ้เปี๊ยกดิ เฮ่ยแกอย่ามองหน้าฉันอย่างนั้น ถึงฉันจะจีบดะแต่ก็ไม่ฟันดะนะ
เออ แล้วมาบอกฉันทำไม ทีตอนแกจะมีแฟนยังไม่เห็นบอก ทีตอนแฟนเก่าแต่งงานดันมาบอก
เปล่าจะชวนไปงานแต่ง ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ
ไปคนเดียวไม่เป็นหรือไง
เป็นแต่อยากให้เป็นเพื่อน เบื่อ เดี๋ยวคนอื่นหาว่าไม่มีคนคบ
เฮ่ยอย่าบอกนะว่าแกเอาฉันไปหลอกคนอื่นว่าเป็นแฟนใหม่ฉันตีหน้ายักษ์หน้าใส่มัน มันรีบส่ายหน้า
เปล่าๆ แค่อยากให้ไปเป็นเพื่อนเฉยๆ มันปฏิเสธเสียงสั่นก่อนที่กำปั้นของฉันจะพุ่งตรงออกไป
ก็แล้วไปฉันลุกขึ้นเตรียมตัวจะไปทำแกงส้ม
แล้วจะไปด้วยหรือเปล่า
เออ ปัดแมลงวันให้ด้วย มันยิ้มแฉ่ง พลางกุลีกุจอเขยิบตัวมาหน้าครก
ฉันสั่งให้มันนั่งดูกะปิในครก แล้วตัวเองก็มายืนตั้งหม้อที่เตาแก๊สหลังบ้าน พลางคิดถึงสมัยเด็กๆ
ตั้งแต่เกิดฉันกับมันก็อยู่บ้านติดกันแล้ว
พ่อของเราสองคนเสียตั้งแต่เรายังเด็กเหมือนกัน
แม่ของเราเป็นเพื่อนบ้านกันตั้งแต่ฉันจำความได้
เราสองคนไม่เคยย้ายบ้านไปที่ไหน
เราอยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งมหาวิทยาลัย เรายังเรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะ
ตอนอนุบาลเราอยู่ห้องเดียวกัน และมันก็โทษฉันว่าฉันเอาเหาไปติดหัวมันตอนนอนกลางวัน
ตั้งแต่เด็กฉันไม่เคยพูดดีกับมันเลย แต่เราก็ไม่เคยทะเลาะกันสักครั้ง
ตั้งแต่เด็กฉันจะโดนล้อว่าเป็นหญิงถึก แต่ถ้ามีมันจะไม่มีผู้ชายที่ไหนกล้าว่า
ตั้งแต่เด็กมันมักจะเจ็บตัวเนื่องด้วยว่าไปหาเรื่องไอ้คนที่ว่าฉัน
ตั้งแต่เด็กถ้าฉันชอบใคร มันจะไม่กล้าออกความคิดเห็นแต่ถ้ามันแอบชอบใคร ฉันจะเป็นโทร
โข่งอย่างดีและพร้อมที่จะประจานความดีของมันทุกข้อ
เมื่อโตขึ้นฉันเริ่มมีกลุ่มเพื่อนผู้หญิง มันก็มีกลุ่มเพื่อนผู้ชาย แต่มันต้องรอฉันกลับบ้านทุกวันไม่ว่าฉันจะเรียนพิเศษหรือไปกินขนมกับเพื่อน แต่ถ้าวันไหนมันติดซ้อมกีฬาฉันก็สามารถกลับ
บ้านได้ก่อนโดยไม่มีความผิด
ถ้ามันมีแฟนแล้วไม่ยอมบอกฉัน ฉันจะโกรธมันมากๆ
และถ้าแฟนมันไม่น่ารักถูกใจฉัน ฉันจะเป็นคนไปเป่าหูคุณน้าเอง
ถ้าแฟนมันโทรมาตามในขณะที่มันออกไปซื้อของกับฉัน ฉันจะด่ามันไปสามวันเจ็ดวันเลยทีเดียว ที่ให้แฟนมาสำคัญกับเพื่อนสนิทอย่างฉัน
ถ้ามันลืมวันเกิดของฉัน ฉันก็คงจะตัดญาติขาดมิตรกับมัน ซึ่งข้อนี้ฉันบอกมันไว้ตั้งนานแล้ว และมันก็ดีมากที่มันไม่เคยลืมเลย ซื้อเค้กมาให้ทุกปี ไม่เหมือนฉันที่ออกไปฉลองปีใหม่กับเพื่อนในวันเกิดของมันแทบทุกปีโดยที่มันไม่กล้าปริปากบ่นสักหน
จนกระทั่งมันหน้าเลิศหน้าลอยมาบอกฉันว่ามีคนฉลองวันเกิดด้วยแล้ว นั่นคือน้องเอิงสาวสวย พนักงานใหม่ประจำแผนกของมัน คุณน้ายังบ่นว่ามันไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้าน ชอบกลับดึกแล้วก็จ่ายค่าโทรเยอะขึ้น
ฉันเองก็ออกจะน้อยใจที่มันสนใจฉันและไปไหนกับฉันน้อยลง ฉันจึงเอาเวลาเหล่านั้นมาขลุกในครัวกับแม่ จนกระทั่งสองสามเดือนที่แล้วได้ยินข่าวแว่วๆว่ามันเลิกกับเธอ
ฉันจึงแอบยิ้มเล็กน้อย เพราะยังไงก็ไม่มีใครดีกับมันเท่าคุณน้า แม่และฉันอยู่แล้ว
นี่ งานแต่งนั้นน่ะจัดที่ไหน ฉันถามขึ้นขณะที่หยิบผักสดมาไว้ที่จานแล้วเอื้อมมือไปตักกระปิหลนกลิ่นยวนใจตรงหน้า คนข้างๆเงยหน้าจากแกงส้มหลดบัวราดข้าว
โรงแรม ใส่กระโปรงไปก็ดีนะแก
สั่งฉันเหรอ ฉันหันไปพูดเสียงเข้ม มันหัวเราะแบบไม่เกรงกลัว
อยากใส่กางเกงก็ได้ เรื่องของแก มันทำสีหน้ายิ้มเยาะ ทั้งๆที่มันรู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ชอบใส่กระโปรง ยังท้า...ได้คิดว่าฉันไม่กล้าล่ะสิ
ไม่ ฉันจะใส่กระโปรง เดี๋ยวแกจะตะลึงฉันพูดเชิดๆ
เออเอาให้ตะลึงจริงแล้วจะพาไปเลี้ยงไอติม
ได้ วันไหนล่ะ
พรุ่งนี้ มันพูดจบ ฉันก็แทบจะสำลักข้าวออกมาเลยทีเดียว
ทำให้ฉันตะลึงให้ได้นะ มันยิ้มส่งท้ายก่อนจะยื่นจานเปล่าไปเติมข้าวกับแม่ของฉันอีกที
----------------------------------
จากคุณ :
nattanaree
- [
7 เม.ย. 52 23:02:30
]