ผีบังตา...ตอนจบ
ราสส์ กิโลหก
เสียงฝนที่ตกใส่หลังคารถอย่างสม่ำเสมอ ทำให้รู้สึกว่าความแรงของสายฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง หลังจากนั่งเงียบกันอยู่ครู่ใหญ่ ๆ
อากาศในรถเริ่มอึดอัด เพราะทั้งปิดกระจกและไม่ได้เปิดแอร์
เฮ้ย กิม ไขกระจกด้านข้างๆลงกันซักหน่อยดีมั๊ย รถจอดเฉยๆมันอึดอัด ว่ะ เสียงอ้ายหน่อยพูดในความมืดเพราะมองหน้ากันไม่เห็น
ก็ได้ ลงนิดเดียวพอนะ!มืดตื๋ออย่างนี้ เดี๋ยวมีอะไรเข้ามา จะมองไม่เห็นนะมรึง
พอไขกระจกลงมาแม้เพียงนิดเดียว เสียงของฝนและไอความเย็นจากบรรยากาศนอกตัวรถสอดแทรกเข้ามาในรถ จนรู้สึกได้
มรึงช่วยคุยกับกูหน่อย อย่าเอาแต่เงียบมันวังเวง ว่ะ อ้ายหน่อยมันคงกลัว แต่ผมไม่มีอารมณ์อยากจะพูด สมองมันเครียดกับเจ้าเสียงฝนตกนี่จริงๆ อยากให้เสียงฝนหายไปเร็วๆ ผมมีความรู้สึกว่าเกลียดเจ้าเสียงฝนจนเข้ากระดูก
กิม มรึงว่า ฝนจะตกอีกนานมั๊ย
ไม่รู้ โว๊ย กูไม่ใช่เทวดา ผมไม่อยากคุย
มรึงบอกเทวดาให้ฝนหยุดตกไม่ได้หรือ วะ มันยังอ้อนอีก แต่ผมไม่ตอบ
เรานั่งนิ่งเงียบ ฝนยังคงตก ...ไม่อยากพูดอะไร เอนตัวพร้อมหลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย
ใจคิดล่องลอยไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ คนเราถ้าอยู่ในความเงียบความคิดมักจะฟุ้งซ่าน
แครกๆๆๆๆๆๆๆๆ เอ๊ะเสียงอะไร
อ้ายหน่อยเอื้อมมือมาจับที่ข้อมือผม มือของมันเย็นเฉียบ
พูดเสียงเหมือนคนลอยคออยู่กลางแม่น้ำ
มรึง ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า ?
ได้ยิน ผมพยายามเอียงหูฟังว่าเสียงมาจากทางไหน
แครกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงเริ่มดังชัดขึ้น
แครกๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็ชัดขึ้นเรื่อยๆเหมือนมีการเคลื่อนไหวจากสิ่งของบางอย่าง เสียงคล้ายๆคนกวาดถนน
จนเข้ามาใกล้ แล้วมาหยุดอยู่ที่บริเวณหน้ารถ ..
เฮ้ย ปิดกระจกเร็วผมบอกอ้ายหน่อย แม้กระจกด้านข้างเราจะเปิดแง้มๆเพียงนิดเดียว แต่ในความรู้สึกปิดแล้วจะอุ่นใจกว่า ปิดเสร็จแล้วก็นั่งเงียบกัน
เสียงมันอยู่ที่หน้ารถ เปิดไฟดูมั๊ย อ้ายหน่อยยื่นหน้ามาพูดเสียงเบาๆที่ข้างๆหู
ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ผมกดสวิตซ์เปิดไฟหน้ารถทันที ลำแสงพุ่งเป็นลำจากไฟใหญ่หน้ารถสองดวง ไปยังพื้นที่ด้านหน้า มองเห็นเม็ดฝนเป็นสายตัดกับแสงไฟ แต่ไม่พบต้นเหตุของเสียง
ปิดไฟเถอะ ไม่เห็นมีอะไร เสียงอ้ายหน่อยพูดแบบเซ็งๆ
ลำแสงหน้ารถดับวูบลง ความมืดกลับมาเหมือนเดิม แต่แล้วผมก็ใจหายวาบเมื่อมีความรู้สึกว่าตัวรถมีการขยับยุบตัวลงเล็กน้อย เหมือนมีบางอย่างก้าวขึ้นมาบนรถ กลัวก็กลัวแต่จากความกลัวกลายเป็นควากล้าถ้าไม่ดูให้รู้แจ้ง ผมคงอยู่ในที่มืดๆกับเจ้าสิ่งที่น่าสงสัยนี้ไม่ได้แน่ ตัดสินใจเปิดไฟเก๋งในรถ พร้อมหันหลังมองไปที่เบาะหลังรถ ปรากฏมีแต่ความว่างเปล่า ไม่พบอะไรผิดปกติ ประตูรถยังปิดสนิทเหมือนเดิม พอหันหน้ากลับมา อ้ายหน่อยกำลังยกมือพนมที่หน้าอกได้ยิน เสียงพึมพำเหมือนเสียงสวดมนต์ แสดงว่ามันก็มีความรู้สึกแบบเดียวกับผม
หน่อยๆๆ ไม่มีอะไร กูมองดูที่เบาะหลังแล้ว ผมเอามือไปสะกิดที่แขนของมัน ทั้งๆที่ตัวเองขนลุก ซู่ๆๆ
แล้วรถมันขยับทำไม วะ มรึงก็รู้สึกเหมือนกูใช่มั๊ย หน้ามันซีดจนเห็นได้ชัดทั้งๆที่ไฟในรถสว่างไม่มาก
ตอนนี้สถานการณ์ในตัวรถไม่ค่อยดี มีความรู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมรวมอยู่ในรถกับพวกเราด้วย หรือเราเกิดประสาทหลอน แต่ทำไมอ้ายหน่อยก็รับรู้ด้วย หรือเป็นเรื่องจริง
ผมยังไม่ปิดไฟเก๋งในรถ เพราะสถานการณ์บีบบังคับ จำเป็นต้องอยู่ในความสว่างดีกว่าในความมืดและ ทุกครั้งที่คิด ผมอดไม่ได้ที่ต้องชำเรืองมองกระจกเงาที่ใช้สำหรับมองหลัง กวาดสายตาสำรวจไปที่เบาะหลังรถทุกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นอะไร
และแล้วสิ่งที่รบกวนประสาท ที่กำลังหวั่นไหวเพราะความกลัว ก็เกิดขึ้นอีก
รถขยับและยุบตัวลง เหมือนมีคนขึ้นมาบนรถอีกแล้ว ผมกับอ้ายหน่อยหันไปดูที่เบาะหลังพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ปรากฏ ว่าง เหมือนเดิม
คิดในทางที่ดี หรือมีตัวอะไรปืนไปที่หลังคารถ แต่ก็ไม่แน่ใจถ้ามีตัวอะไรปีนไปบนตัวรถน่าจะมีเสียงให้รู้สึกได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรให้ผิดสังเกต
กิม ๆๆกิมๆๆๆกิมๆๆๆเสียงเบาๆดังอยู่ข้างหู พร้อมกับมีความรู้สึกว่าอ้ายหน่อยเอาเล็บมาจิกที่ข้อมือของผม
มีอะไร ? ผมหันไปมองที่หน้ามัน แต่มันไม่ได้มองมาที่ผม มันมองตรงไปที่ข้างหน้า เหมือนไม่มีจุดหมาย แต่เสียงที่มันพูดออกมาทำเอาผมเย็นสันหลังวาบๆ มีความรู้สึกว่าหนังหัวพองโตเพราะขนหัวลุก
มีเสียงหายใจรดที่ต้นคอกู...ๆๆ.
กำลังจะหันไปมองเพราะความเคยชิน หูผมได้ยินเสียงเหมือนคนไอ แค๊กๆๆเบาๆอยู่ที่เบาะด้านหลังซึ่งตรงกับที่ผมนั่ง..สิ่งที่ผมสงสัยตอนนี้มันมาอยู่ด้านหลังผมแล้ว ผมไม่หันกลับไปมองอีก ใจสั่นระรัวมือไม้สั่นจนต้องฝืนเอามือสองข้างมากำกันไว้ ถ้าเป็นตอนกลางวันคงได้เปิดประตูเผ่นออกนอกรถไปแล้ว
อ้ายหน่อยไม่ต้องพูดถึง มันสั่นเป็นเจ้าเข้าได้ยินเสียง เรียก อากง อาม้า ขอให้ไปสู่ที่ชอบๆๆ มันพูดซ้ำไปมาจนมั่วไปหมด
ตอนนี้ฝนซาเม็ดไปมากจนกลายเป็นตกปรอยๆๆ
ผมตัดสินใจ ติดเครื่องรถเพื่อจะออกไปจากจุดนี้ พื้นที่สีดำที่กว้างใหญ่เกิดความสว่างขึ้นจุดหนึ่ง จากไฟหน้ารถ หากมองไกลๆคงเห็นเป็นลำแสงที่ทอดเป็นเส้น ในความมืดดำ
ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าจอดอยู่เฉยๆแบบนี้ แต่ให้ตายเถอะเมื่อขับเคลื่อนตัวรถออกมา มีความรู้สึกว่ารถวิ่งอืดมากเหมือนบรรทุกน้ำหนักเกินกำลังของรถ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาสงสัยอะไรแล้ว ตัดสินใจขับไปข้างหน้าอย่างเดียวคิดว่าจะไม่เลี้ยวแยกไหนทั้งนั้น จะเป็นอะไรก็เป็นกัน
เอามือบิดกระจกมองหลังไปทางอื่น เพราะไม่อยากมองอะไรทางด้านหลัง เสียงแปลกๆที่เบาะหลังยังมีมาให้ขนหัวลุกตลอดเวลา ทั้งเสียงไอ เสียงขากเสลด เสียงหัวเราะ แต่เป็นเสียงเบาๆเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ
ขับมาได้พักใหญ่..เหมือนผีซ้ำ จากแสงไฟหน้ารถด้านริมถนนทางซ้ายมือ ผมมองเห็นเงาดำๆของคน 2-3 นั่งอยู่ริมถนนพวกเค้าหันหน้าไปทางอื่น โดยหันหลังให้ ผมรีบเร่งเครื่องเร็วกว่าเดิมทั้งที่รถหนักจนอืด เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นในความมืด
พอรถเข้าไปใกล้ ซัก 30 เมตรมีคนหนึ่งหันหน้ามามองที่รถ ด้วยความกลัวผมไม่สนใจรีบขับรถเพื่อให้ผ่านไปเร็วๆ เพราะใจเสียหมดแล้ว
คนที่หันหน้ามา มันมองมาที่รถเขม็ง สักพักลุกขึ้นยืนอย่างเร็ว พร้อมกับชี้มือมาที่รถ
ไปที่ชอบๆๆเถิด อย่ามารบกวนกันเลย กลัวไปหมดแล้วผมพูดดังๆ
อ้ายหน่อยซึ่งนั่งหลับตามาตลอดทาง ตกใจลืมตาขึ้นมา พอมองเห็นคนที่ยืนชี้มืออยู่ข้างทาง มันกลับไม่กลัว ชะโงกหน้าจนติดกระจกรถ
แล้วก็แหกปากเสียงดังลั่น
อ้าย น้อยๆๆๆ เพื่อนกู จอดๆๆๆๆ
ผมเหยียบเบรกจนรถคะมำ
ฮิๆๆๆๆขอก..จาย นะ อา ตี๋ นั่งรถสนุกลี..แฮะๆๆๆ เสียงผ่านหู แล้วสรรพเสียงต่างๆที่ดังอยู่เบาะหลัง ก็จางหายไป...
แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 52 13:33:20
แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 52 10:09:01
แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 52 09:08:13
จากคุณ :
สวนดอก
- [
8 เม.ย. 52 09:05:26
]