ภาพที่คุณเห็นอยู่นี้เป็นภาพทะเลสาปเชียงแสน
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันมีโอกาสได้ไปทำงานหาข้อมูลมาทำรายงานส่งอาจารย์ที่อ.เชียงแสน คณะของพวกเรามีกันทั้งหมด 10 คน เป็นอีกครั้งของชีวิตที่ฉันจะต้องทำอะไรแข่งเวลา (ซึ่งฉันไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ชีวิตคนเราก็แค่นี้จะเร่งรีบไปทำไม) ฉันจะต้องเก็บข้อมูลรายละเอียดโบราณสถานที่เชียงแสนให้เสร็จก่อนบ่ายสามโมงเพื่อที่จะได้มีเวลาเหลือไปเที่ยวที่อื่นต่อ (ถึงฉันจะไม่ชอบทำอะไรแข่งกับเวลาแต่ถ้ามีจุดมุ่งหมายข้างหน้าฉันก็สู้ตาย) และในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ
ในที่สุดคณะของพวกเราก็มาถึงทะเลสาบเชียงแสนหรือที่ชาวบ้านเรียกหนองบงคาย เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเวียงหนองหล่ม ขอท้าวความถึงความเป็นมาของที่นี่สักนิดหน่อย
เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว มีหมู่บ้านอยู่หมู่บ้านหนึ่งในอ.เชียงแสนจับปลาไหลเผือกได้ตัวหนึ่ง ชาวบ้านต่างฆ่าปลาไหลตัวนั้นและแบ่งกันกินทั้งหมู่บ้านยกเว้นบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของแม่ม่าย ตกดึกได้มีเสียงฟ้าร้องดังลั่นและแผ่นดินไหวบริเวณหมู่บ้าน เมื่อถึงตอนเช้าก็พบว่าหมู่บ้านทั้งหมดถูกน้ำท่วมเหลือแต่บ้านแม่ม่ายที่ไม่ได้กินปลาไหลเผือกหลังเดียวและชาวบ้านก็เรียกขานกันต่อๆมาว่า "เวียงหนองหล่ม"
ลักษณะของเวียงหนองหล่มเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นดินสามารถยุบหรือที่ภาษาเหนือเรียกว่า หล่ม เวียงหนองหล่มเป็นเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าเพราะมีนกหายากหลายชนิดอาศัยอยู่
คณะของฉันนั่งเอาเท้าแช่น้ำเล่นอยู่อย่างนั้นได้ประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้ มีคนหนึ่งออกความคิดเห็นว่าน่าจะไปกันได้แล้วและฉันก็เป็นคนแรกที่คัดค้าน เวลา 20 นาทีสำหรับฉันมันน้อยไป ฉันยังไม่ได้สูดอากศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ยังไม่ได้นั่งมองฟ้าสีครามยามบ่าย ยังไม่ได้นั่งเอ้อละเหยลอยชายคิดฟุ้งซ่านไปวันๆเหมือนทุกครั้ง และอีกอย่างที่สำคัญมากคือฉันยังไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกน้ำเลย แต่เวลา 20 นาทีของคนอื่นช่างเป็นอะไรที่มีค่า เขาไม่ได้คิดเหมือนฉัน 20 นาที ที่เสียไปมันหมายถึงเวลาทำงาน เวลาเงินเวลาทองของพวกเขา ซึ่งมันต่างกับฉันอย่างลิบลับ
พวกเราทั้งหมดเงียบกันไปสักครู่และฉันก็เป็นคนแรกที่เริ่มต้นพูด
"ไม่คิดจะรอดูพระอาทิตย์ตกน้ำก่อนเหรอ"
คนแรกที่พูดต่อจากฉันก็คือฝน
"ฝนต้องไปทำงาน"
"ฉันต้องรีบกลับบ้าน"
"ฉันชอบหิวข้าว" (อีกแล้ว รอบที่ห้าของวัน)
แล้วก็อีกสารพัดเหตุผล ฉันเงียบ ไม่พูดอะไรและก็ไม่ยอมทำอะไรเช่นกันนอกจากนั่งเอาเท้าเขี่ยน้ำเล่นกันแหงนหน้ามองฟ้า ทุกคนแหงนมองบนฟ้าตามฉัน ฉันไม่รู้ว่าพวกเขากำลังมองหาอะไรแต่ที่แน่ๆฉันแค่กำลังมองฟ้า...เฉยๆ ไม่ได้ต้องการค้นหาอะไร ก็แค่มองแล้วมีความสุข เพื่อนคนหนึ่งถามฉันขึ้นมาอีกว่า "ทำไมถึงชอบนั่งดูพระอาทิตย์ตกน้ำนัก" ฉันยิ้มและตอบกลับไปตามที่ใจคิด "ก็ชอบ แล้วไง แกไม่ชอบเหมือนฉันเหรอ" นี่ถ้าเป็นคนไม่สนิทกันเค้าคงโยนฉังลงน้ำไปแล้ว "เสียเวลาว่ะ" เป็นคำพูดที่เพื่อนสองสามคนพูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ฉันก็เลยลองถามทุกคนดูว่า "แล้วเงินมันจ้างพระอาทิตย์ให้ตกน้ำได้หรือเปล่า" ทุกคนเงียบแต่ไม่นานพวกเขาก็พากันเดินกลับไปที่รถ
ความจริงแล้วคนเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อความสุขของตัวเองทั้งนั้น พยายามวิ่งเต้นหาเงินหาทองเพื่อมาซื้อความสุขจอมปลอม ละทิ้งความงามของสิ่งรอบตัวไปจนมองไม่เห็น ถ้าทุกคนลองหยุด หยุดเพื่อมองสิ่งรอบๆตัวเราพวกเขาก็จะรู้ว่าบางทีเงินก็ไม่สามารถจ้างพระอาทิตย์ให้ตกน้ำได้
ป.ล.
ความจริงแล้วรูปที่เห็นนี่ฉันไม่ได้เป็นคนถ่ายเองเพราะมันไม่ค่อยสวยก็เลยหารูปสวยๆมาโพลสดีกว่า
แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 52 01:03:23
แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 52 01:02:48