เราพบกันที่เคาน์เตอร์บาร์
หลังจากเธอเสิร์ฟสก็อตวิสกี้ ออน เดอะ ร็อค ถ้วยที่สอง จึงทราบว่าเธอเป็นลูกสาวเจ้าของร้าน
“ ไม่ใช่กับใครก็ได้ “ เธอตบท้ายการสนทนา กระแทกแก้วเหล้าดังปึง หลังจากชวนเธอไปต่อหลังร้านปิด
“ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยบอกสักหน่อยได้ไหมว่า แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะได้ ” ผมถามกลับ
“ กับผู้ชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ฉันไม่รู้สิ คุยกันแค่ไม่ถึงชั่วโมง ดื่มยังไม่ทันมึน แล้วมาชวนออกไปเที่ยวดึกดื่น แม้จะบอกว่าหาสถานที่ดีๆคุยกัน ..มันก็ยากนะ ที่จะตอบตกลง ”
“ เท่าที่ฟังมา มันเป็นปัจจัยที่จะทำให้คุณตอบปฏิเสธ ” ผมหยิบบุหรี่อีกครึ่งมวนจากจาน สูดเข้าปอดพ่นควันลอยคว้าง “ ที่ผมอยากฟังก็คือ ปัจจัย ที่พร้อมจะทำให้คุณตอบตกลง ”
เธอเดินออกจากหลังเคาน์เตอร์ ปัดฝุ่นเก้าอี้ว่างข้างๆ ทรุดกายลงนั่ง หมอบราบกับเคาน์เตอร์ไม้
“ อะไรก็ได้ ที่จะไม่ทำให้เสียใจภายหลัง ” นั่นเป็นคำตอบรวบรัดชัดเจน ฟังแล้วเข้าใจไม่ยาก แต่พิสูจน์ลำบากแสนเข็ญ ใครเลยจะทราบได้ว่าผลจากการกระทำอะไรบางอย่างจะดีหรือชั่ว จะยิ้มแย้มหรือมีน้ำตาล้วนต้องใช้วันเวลากลั่นกรอง ผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ตอบปฏิเสธคนที่หลงไหลในตัวเธอได้อย่างคมคายและเลือดเย็น
ไม่ใช่ไม่สนใจแต่ไม่เสียใจภายหลัง
“ เอาล่ะ ผมยอมแพ้ แต่ถ้าเป็นที่นี่ ในร้านของคุณเอง หลังร้านปิด คุณพอจะอยู่ดื่มเป็นเพื่อนผมจนรุ่งเช้าได้ไหม ”
“ จะจองทั้งร้านด้วย สก็อตวิสกี้ขวดเดียวฉันคิดว่า มันออกจะถูกเกินไป ในแง่ธุรกิจฉันไม่นิยมการลงทุนที่เห็นอยู่ว่า ผลได้ไม่คุ้มผลเสีย ”
“ ถ้าอย่างนั้น ผมสั่งเบียร์เพิ่มสองโหล ขออนุญาตใช้โต๊ะด้านนอก ไม่ต้องเปิดไฟ รับลมกลางคืนไม่ต้องเปลืองค่าไฟเครื่องปรับอากาศ ขอแค่เทียนสักห้าหกเล่มกับแก้วทรงสูงช่วยบังลม ผมว่าน่าจะคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ” ผมต่อรองและสรุปต่อว่า “ สุดท้ายก็เป็นเรื่องของค่าใช้จ่าย ”
“ ฉันมีอะไรดีนัก คุณถึงขนาดลงทุนทุ่มเบียร์สองโหล ” เธอถาม แล้วคว้าแก้ววิสกี้จากมือของผม ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะไม่ทราบคำตอบ
“ ผมเคยดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่ง เก่าแล้ว จำได้คร่าวๆว่าเกี่ยวกับเพลงร็อค ดาราไม่ดังมากนัก แต่ เพราะหนังเรื่องนั้น ทำให้ผมรู้ว่า ผู้หญิงซื้อได้ด้วยเบียร์ ”
เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจ ก่อนพูดต่อ “ นี่เป็นคำหวานหยอดสาวที่แปลกประหลาดที่สุดตั้งแต่เคยได้ยิน อีกอย่างเด็กในร้านเล่าให้ฉันฟังว่า คุณเป็นลูกค้าที่พิลึกที่สุด ชอบมาดื่มก่อนร้านปิดราวสามสิบนาทีแทบทุกคืน สั่งสก็อตวิสกี้ฝากไว้ที่ร้าน ชอบขอให้เล่นเพลง เลดี้ อิน เรด รอบสองรอบ พอถึงเวลาร้านปิด ทุกคนจะเห็นคุณยืนพิงป้ายรถประจำทางสูบบุหรี่ล้อเลียนแมลงตัวเล็กตัวน้อย ” สก็อตวิสกี้ก้นแก้วไหลผ่านลำคอเพรียวสาวรวดเดียวเกลี้ยง
“ หลังจากนั้นล่ะ มีใครเห็นผมอีกบ้างไหม ”
“ แค่นั้นเอง พนักงานกลับหมดแล้ว ไม่มีใครคอยดูต่อสักคน ว่าหลังจากนั้นคุณทำอะไรต่อ ”
เหลือบมองนาฬิกา อีกแค่สิบห้านาทีร้านจะแขวนป้ายปิด ผมเรียกเด็กเสิร์ฟ ขอเพลงเลดี้ อิน เรด พลางพยักหน้ากับเธอ ขออนุญาตพักการพูดคุยไว้สักครู่ ผมไม่มีโอกาสได้ใช้เวลากับหญิงสาวคนที่กำลังคุยด้วยจึงไม่อยากพลาดช่วงเวลาที่ควรมีให้กับหญิงสาวอีกคน แม้จะเป็นเพียงในเพลง แต่ผมก็ฟังเรื่องราวของสาวสวยในชุดแดงคนนี้มาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยรอบ ตามหลักการของชายหนุ่มหญิงสาว ผมไม่ควรนอกใจผู้หญิงที่มาก่อน สาวสวยชุดแดงในเพลงมีอยู่จริง อย่างน้อยก็ในความคิดของผม เป็นภาพผ่านแสนเลือนพร่า นอกจากชุดราตรีสีแดงยาวถึงข้อเท้า เผยแผ่นหลังหัวไหล่กลมกลึง ไม่เคยเห็นหน้าชัดเจน แต่เราก็เต้นรำกันมานานนับครั้งไม่ถ้วน
หญิงสาวที่เก้าอี้ตัวข้างๆ ไม่ชวนคุย เธอสั่งมิกเซอร์จากเด็กเสิร์ฟจิบเงียบๆ กวาดสายตาตรวจดูทั่วร้าน มองคล้ายช่วยจัดสรรความเงียบสงบให้ผม ที่จริง อาจไม่เป็นเช่นนั้น แต่ในใจก็นึกขอบคุณที่เธอนั่งฟังเพลงเป็นเพื่อน
ระหว่างเพลง ผมคิดว่าตอนนี้ ทั้งโลก มีเราเพียงสามคน
เมื่อเพลงสิ้นสุดลง ทั้งโลก คงเหลือผมคนเดียว อีกไม่นานร้านจะปิดแล้ว สาวสวยใกล้ตัวปฏิเสธคำชวน ผมคงพาตัวพ้นร้าน แล้วคงทำตัวเหมือนที่เด็กเสิร์ฟเล่าให้เธอฟัง ตอนจบของทุกคืน พอแสงไฟจากร้านรวงแถบนี้ดับสนิท ในช่วงที่คิดว่าคงไม่มีใครสนใจ เรียกแท็กซี่สักคัน บอกให้ส่งก่อนถึงบ้านราวห้าร้อยเมตร เดินตัดผ่านความมืด ในระยะทางและเวลานั้น มีความรู้สึกบางอย่างที่ผมต้องข่มกลั้นจัดการ ไม่อย่างนั้นคงนอนไม่หลับ ความรู้สึกนั้นเล่นงานผมแทบทุกคืน บางช่วงที่พอจะลืมได้ ผมต้องร้องเพลง เลดี้ อิน เรด ในใจซ้ำไปซ้ำมา
ในร้านเงียบกริบ ไม่เหลือเพลง แสงไฟบางส่วนหรี่ลง โคมไฟตกแต่งบางดวงเริ่มดับ ใกล้เวลาปิดร้าน ผมฝากสก็อตวิสกี้ที่เหลือกับเธอและขอให้คิดเงิน
“ คืนนี้ฉันเลี้ยงเอง เป็นการขอบคุณสำหรับการจีบสาวที่พิลึกที่สุดที่ฉันเคยได้ยิน .. ฉันจะให้โอกาสคุณแก้ตัวนะ ....ถามจริงเถอะ ฉันมีอะไรที่คุณสนใจนัก ”
เธอหมุนเก้าอี้หันตัวมาหาผมทั้งหมด ชุดกระโปรงชิ้นเดียวสายเดี่ยวเผยช่วงไหล่ที่เส้นผมประปราย เรียวขาที่ปกปิดไว้ด้วยถุงน่องสีดำ เธอวางมือทั้งสองไว้ที่หัวเข่า ตั้งใจรอฟังคำตอบจากผม ด้วยประกายตาและริมฝีปากแบบนั้น ทั้งหมดเท่าที่ผมเห็นตอนนี้ น่าจะตอบคำถามของเธอได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว
“ ราวสามคืนที่แล้ว ผมมาร้านนี้ คุณคงไม่รู้ตัว ว่ามีใครบางคนมองคุณจากชั้นล่าง ที่เคาน์เตอร์ตัวที่ผมนั่งอยู่นี่ วันนั้น คุณสวมเสื้อลายทางขาวสลับชมพูแขนยาว หัวเราะร่าเริงกับเพื่อนฝูง จนร้านปิด ... และ ... แทบไม่ต่างจากคืนนี้เลย ช่วงขณะที่ผมปล่อยความคิดกับสาวชุดแดงในเพลง ถึงแม้คุณจะไม่ได้สวมสิ่งใดที่เป็นสีแดง กลับมีบางห้วงขณะ ที่ใบหน้าของคุณกลบฝังหญิงสาวในความคิดฝันของผมจนแทบไม่หลงเหลือ แล้วคืนนั้น พอเดินกลับบ้าน เมื่อร้องเพลงเลดี้ อิน เรดในใจ ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า มองไม่เห็นใครเลยนอกจากใบหน้าของคุณ ”
“ นี่ถ้าบอกแบบนี้เสียตั้งแต่ต้น ฉันอาจใจคอหวั่นไหวบ้างก็ได้นะ ” เธอหยอกพลางจัดเส้นผมที่ร่วงมาปรกหน้าผาก
“ ถึงเวลาร้านปิดแล้ว ผมคงไม่มีโอกาสนั้น ….ขอโทษด้วยเรื่องเบียร์ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่ายกมาจีบสาวจริง ๆ ”
“ พรุ่งนี้คุณจะมาที่ร้านอีกไหม “ เธอถาม
“ ไม่รู้สิ ผมไม่แน่ใจนัก อีกอย่าง ผมไม่อยากคาดหวัง ในสิ่งที่น่าจะทราบคำตอบดีอยู่แล้ว “
“ แล้วถ้าพรุ่งนี้ ฉันตาย คุณจะเสียใจไหม ที่ถอดใจ ไม่พยายามชวนฉันต่ออีกสักครั้งหรือสองครั้ง.”
แววตาคู่นั้นฉายแววเดียงสาเสียเหลือเกิน ดูน่าทะนุถนอม ขณะเดียวกันก็เหมือนมีสิ่งไม่ชอบมาพากลพร้อมจะดูดดึงให้ผมเข้าสู่ความปั่นป่วนและแรงขับ
“ อาจจะมีบ้างนิดหน่อย ผมคงคิดถึงแววตาของคุณและเรื่องราวของคืนนี้ – เพียงเสี้ยวหนึ่งของคืนเดียว ผมไม่นานนักก็ลืมแล้ว ”
“ ฟังดูน่าเศร้าใจจัง ...” เธอถอนหายใจแผ่วๆ
“ ไม่น่าเศร้านักหรอก ความทรงจำที่ไม่สมหวัง คนเราสมควรลืมให้สนิทโดยเร็ว .” ผมถอนหายใจ แล้วกระซิบข้างหูเธอว่า
“ ผมอยากเห็นคุณสวมชุดสีแดง ”
แสงไฟในร้านหลงเหลือเท่าที่จำเป็น สว่างพอจัดเก็บเก้าอี้และทำความสะอาด ป้ายร้านเข็นเข้ามาด้านใน ประตูร้านแขวนป้ายปิด เธอตรวจความเรียบร้อยที่เก้าอี้ตัวเดิม ผมเดินออกมานอกร้าน มองผ่านกระจกใสบานใหญ่ฝ้าขาวเกาะบางแห่ง ภาพของเธอดูพร่าเลือน เหมือนหญิงสาวในห้วงฝัน ความฝันไม่เคยเป็นความจริง มายาที่ไม่เคยปรากฏต่อสายตายามตื่น จะไปนึกคิดวาดคว้ามาโอบกอดไว้ ออกจะเป็น เรื่องเพ้อเจ้อ ...
ผมเรียกรถแท็กซี่แล้วขอให้ส่งก่อนถึงบ้านระยะทางเท่าเดิม เส้นทางสายเดิมที่ผมยินดีเสียแรงเดินผ่าน
ประตูรั้วบ้านลงกุญแจสนิท ขยับดูสองสามครั้ง ผมถอนหายใจ ล้วงลูกกุญแจอันเล็กๆออกมา ลองเสียบสวมพอดี ไม่ลองบิดไข เพราะรู้ว่า อย่างไรก็ยังเข้าไปด้านในได้เสมอ
ผมนิ่งนึกถึงเตียงนอนปูด้วยผ้าขนสัตว์สีขาว คลุมรอบด้วยผ้ามุ้งบางๆ หญิงสาวหน้าตาหน้ารักจับปลายผมไล่ทีละเส้นสางด้วยหวีอันเล็ก ใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวปราศจากสิ่งสวมใส่อื่น เรียวขาเพรียวบางสมส่วนทอดยาวไปทางปลายเตียง ผ้าห่มผืนหนายับย่นกองข้างๆ หลังจากชงกาแฟอุ่นๆวางบนโต๊ะข้างเตียง เป็นภาพที่ไม่อาจวางตา งดงามจนแทบลืมเลือนเรื่องระหว่างผมกับความผิดหวัง ในคืนค่ำที่เพิ่งพ้น
หลังจากกาแฟพร่องเหลือติดก้นถ้วย ผมขอให้หญิงสาวคนเดิมอย่าเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้า เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนั้นเป็นของผม
“ ผมอยากเห็นคุณสวมชุดแดง ”
ผมบอกกับหญิงสาวในความทรงจำ
โต๊ะตัวที่วางแก้วกาแฟค่อนข้างเก่า ผมดึงลิ้นชักที่ไม่ได้ลงกุญแจไว้ออกมา
กระดาษบันทึกค่าใช้จ่าย ซีดีของคริส เดอร์ บัว ปากกาสองด้าม ดินสอไม้ปลายทู่ และ มีด
ผมคว้าสิ่งสุดท้ายออกมา
-- เราพบกันที่เคาน์เตอร์บาร์ ผมอยากเห็นคุณสวมชุดสีแดง --
แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 52 19:54:29
แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 52 19:53:47
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
9 เม.ย. 52 19:53:08
]