Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน ผีที่อินเดีย ตอนแรก

    ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (หลอนครั้งแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7555350/W7555350.html
    ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (ฝูงผีบุก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7561061/W7561061.html
    ตอน ผีทวงสมอง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7569912/W7569912.html
    ตอน ช่วยด้วย
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7575674/W7575674.html
    ตอน หัวใคร ในทะเล
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7581096/W7581096.html
    ตอน ทำไมพี่ถึงไม่ช่วยผม!
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7589318/W7589318.html
    ตอน กลิ่น
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7650035/W7650035.html
    ตอน เขามาเตือน
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7630569/W7630569.html
    ตอน วิญญาณป่าที่เขาใหญ่
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7613807/W7613807.html
    ตอน เขามานำทาง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7664958/W7664958.html
    ตอน เหงามั้ยจ๊ะ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7689756/W7689756.html
    ตอน ผีถ้วยแก้ว
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7703708/W7703708.html

    เรื่องที่ 14 ผีที่อินเดีย ตอนแรก

    เล่าผีไทยๆมาหลายครั้งแล้ววันนี้ขอโกอินเตอร์กันซะหน่อย ความจริงก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก แค่อินตะละเดีย ประเทศแห่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุแค่นี้เอง

    โดยมากคนที่จะไปอินเดียมักจะเป็นกลุ่มแสวงบุญ ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นคนวัยทำงาน(หรือเลยวัยทำงานไปไกลลิบแล้ว) กับพวกรักการผจญภัย เพราะทางป่าตอนเหนือของประเทศจะเป็นป่าดิบ เป็นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิดรวมทั้งแมวลายยักษ์ที่พร้อมจะขบหัวเราได้ทุกเมื่อ

    นอกเรื่องอีกแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรพอได้โม้เป็นหลุดออกทะเลทุกที เอ้ากลับมาว่าเรื่องผีๆกันต่อ เป็นที่รู้กันในหมู่นักเดินทางว่าการไปอินเดียในสมัยก่อนนั้นลำบากมาก เพราะไม่มีเครื่องบินร่อนไปลงปุ๊ที่สนามบินคยาเหมือนเดี๋ยวนี้ สมัยเมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อนการจะไปพุทธคยาต้องใช้วิธีขึ้นเครื่องบิน (แหงล่ะใครจะนั่งสามล้อถีบไปล่ะ) ไปลงที่กัลกัตตา หลังจากผ่านการตรวจที่ให้บรรยากาศเหมือนเราเป็นอินเดียน่า โจนส์  จากนั้นก็ต้องไปขึ้นรถไฟแล้วไปลงที่สถานีคยา

    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นการเดินทางไปแสวงบุญที่อินเดียเป็นครั้งแรกของแม่ ตอนนั้นพี่ยังไม่ได้ไปด้วย (เพราะเก็บเงินไปทันและแม่บอกว่าอยากไปก็จ่ายเอง) แหะๆความจริงคือแม่กลัวพี่จะลำบากต่างหาก ก็นะร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงเหมือนคนอื่นเขานี่นา ก็อย่างที่บอกในตอนต้น อินเดียเมื่อก่อนนะค่อนข้างลำบากมาก แค่ฟังแม่เล่าให้ฟังก็หืดขึ้นคอแล้วล่ะ

    แม่เล่าให้ฟังว่า เราต้องขึ้นเครื่องบินไปลงที่สนามบินกัลกัตตา จากนั้นก็จะมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำรถตู้ (ที่ทันสมัยมากในความคิดของเขา) มารับและพาไปชมสวนสาธารณะวิคตอเรียเพื่อเป็นการฆ่าเวลา จากนั้นก็จะไปแวะรับประทานอาหารเย็นและไปสถานีรถไฟเลยเพราะรถจะออกประมาณหนึ่งทุ่มตรง

    สถานีรถไฟกัลกัตตามีขนาดใหญ่มาก เป็นชุมทางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศทีเดียวล่ะ มัคคุเทศน์เตือนตลอดเวลาว่าให้เดินจับกันเป็นกลุ่ม ห้ามเผลอแตกแถวหรือมองไปทางอื่นเป็นอันขาดไม่อย่างนั้นจะพลัดหลงได้ซึ่งหมายถึงต้องเสียเวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งคืนกว่าจะตามกันเจอ ตอนแรกพี่ก็นึกภาพไม่ออกหรอกค่ะจนกระทั่งมีโอกาสไปและได้เห็นด้วยตาตนเอง คนเยอะมาก มากชนิดใช้คำว่ามหาศาลจะเหมาะกว่า แถมเดินกันให้ขวักไขว่ รถวิ่งเข้าออกเกือบตลอดเวลาเลย

    ระหว่างรอเวลารถเทียบชานชาลา พี่ตุ๊กหนึ่งในคณะทัวร์เกิดปวดท้องเบาขึ้นมาเลยถามหาห้องน้ำ มัคคุเทศน์บอกว่ามีสองที่ในชั้นล่างแต่เกรงว่าคงทำใจกับความสะอาดไม่ได้เลยพาขึ้นไปที่ร้านอาหารชั้นสอง หลังจากถามว่าใครจะไปบ้างก็มีคนติดตามไปอีกสองสามคน หนึ่งในนั้นมีแม่พี่ด้วย

    แม่บอกว่าห้องน้ำชั้นบนค่อนข้างสะอาดดี มีสองห้องแต่เป็นแบบส้วมซึมคือต้องนั่งยองๆ คนอินเดียนิยมใช้น้ำราดและชำระล้างมากกว่าการใช้กระดาษเหมือนที่อื่นดังนั้นห้องน้ำทุกแห่งจะมีถังน้ำและขันวางไว้ให้ แม่เข้าไปทำธุระและเสร็จก่อนเลยออกมายืนรอ ปล่อยให้ป้าที่ไปด้วยเข้าตามหลัง ส่วนพี่ตุ๊กไปใช้อีกห้อง หลังจากนั้นแค่ชั่วอึดใจพี่ตุ๊กก็เปิดประตูและเดินหน้าตาตื่นออกมาจากห้องน้ำ แม่ถามว่าเป็นอะไร พี่ตุ๊กบอกว่าโดนผีหลอก พอได้ยินคำว่าผีทุกคนหูผึ่งหันขวับมามองพร้อมๆกัน แม่เลยถามว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นผี พี่ตุ๊กเลยเล่ารายละเอียดให้ฟัง

    พี่ตุ๊กบอกว่าพอเข้าไปในห้องน้ำและทำธุระเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเพื่อเตรียมจะนุ่งกางเกง ตอนนั้นเองที่รู้สึกเหมือนส้วมมันสั่น พี่ตุ๊กบอกว่าตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรนึกว่าเป็นเพราะอยู่ในสถานีรถไฟพื้นคงสั่นเป็นธรรมดา พอคิดแบบนั้นแกก็ได้ยินเสียง

    เมี๊ยว

    แล้วพื้นก็สั่นอีกครั้ง คราวนี้โยกชนิดแกแทบล้ม พี่ตุ๊กรีบใส่กางเกงแทบไม่ทัน ระหว่างที่แต่งตัวก็ได้กลิ่นอุจจาระเหม็นอบห้องจนแทบจะหายใจไม่ออก พอติดตะขอกางเกงเสร็จแกก็เปิดประตูแล้วพุ่งออกมาเลย หลังได้ฟังจบทุกคนก็มองหน้ากัน พี่หน่อยทำท่าไม่ค่อยเชื่อประกอบกับแกกำลังปวดท้องมากเลยขอเข้าห้องนั้น คล้ายจะพิสูจน์ด้วย ผลน่ะเหรอคะ

    แกก็เปิดประตูแล้วเดินหน้าตาตื่นออกมาเหมือนกันน่ะสิ

    พี่หน่อยเล่าให้ฟังว่าได้ยินเสียงแมวร้องตั้งแต่ยังไม่ทันได้ปลดตะขอกางเกงเลยด้วยซ้ำ ส้วมก็สั่นชนิดแกยืนไม่ได้ต้องเผ่นออกมาข้างนอก สุดท้ายคนที่เหลือก็ตกลงใจว่าจะไปใช้ห้องน้ำบนรถไฟเพราะไม่อยากเจอเรื่องสยองเหมือนสองคนนั่น

    คิดผิดค่ะ

    การเดินทางหลังจากนั้นค่อนข้างราบรื่นไม่มีอุปสรรค รถไฟเข้าเทียบชานชาลาของสถานี
    คยาราวตีห้า มัคคุเทศน์ท้องถิ่นที่มารับช่วงต่อก็นำรถบัสมารับ จากนั้นก็เดินทางไปวัดไทย
    พุทธคยาซึ่งท่าเจ้าอาวาสก็จัดเตรียมที่พักรับรองอย่างดีไว้ให้ ในตอนกลางวันหลังจากทำบุญถวายผ้าป่าและเหล่าสังฆทานเครื่องใช้ที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนก็ออกไปสักการะพระพุทธคยาและต้นศรีมหาโพธิ์ จากนั้นก็ไปเดินดูแม่น้ำเนรัญชราซึ่งแห้งเหลือแต่ดินเพราะแม่น้ำเกือบทุกสายในอินเดียนอกจากแม่น้ำคงคาแล้ว จะมีน้ำแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น พอหน้าแล้งถ้าไม่เหลือแค่ไหลรินก็แห้งขอดไปเลย อ้อลืมบอกไป แม่บอกว่าได้ไปดูบ้านของนางสุชาดาด้วย

    วันนั้นหลังเที่ยวชมสถานที่โบราณเสร็จแล้วทุกคนก็กลับมารับประทานอาหารเย็นที่วัด ตกค่ำก็ไปนั่งสมาธิกันในพุทธคยาจนถึงประมาณสองทุ่มก็กลับมานอนพักผ่อนกันเพราะต้องออกเดินทางไปนาลันทาต่อในตอนเช้าตรู่ ที่พักของวัดไทยพุทธคยาเป็นอาคารค่อนข้างเก่า เตียงเป็นเตียงแบบมีเสาสำหรับกางมุ้งแต่ช่วงที่ไปเป็นฤดูหนาวจึงไม่จำเป็นต้องใช้ หลังจากสวดมนตร์ไหว้พระแล้วทุกคนก็เข้านอน

    มาตื่นพร้อมกันอีกทีก็กลางดึก

    เพราะทุกคนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียง หวีด ดังที่อาคารเก่าซึ่งตั้งอยู่ด้านตรงกันข้าม แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าออกมาดูหรอกค่ะ แต่ความอยากรู้ว่ามันเป็นเสียงอะไรแต่ละคนก็เลยเปิดม่านหน้าต่างแล้วมองไปด้านนอก ภาพที่เห็นทำเอาหัวใจของทุกคนแทบหยุดเต้น

    เงา

    ถูกแล้วค่ะ เป็นเงาสีดำขนาดใหญ่ที่ทาบทับบนผนังอาคารเก่า ตอนแรกก็มีขนาดเท่ากับคนปรกติแต่พอรู้ว่ากำลังถูกมองเงานั้นก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนคลุมอาคารทั้งหลังและจางหายไปในทันที

    ใครจะอยู่ดูต่อล่ะคะ

    ทุกคนรีบกลับเข้าประจำที่และคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมตัว มีบ้างบางคนที่สวดมนตร์และแผ่เมตตาให้ แต่กลิ่นอุจจาระอันไม่โสภาที่ไหลเข้ามาทางหน้าต่างทำให้รวมสมาธิแทบไม่ได้ แล้วมันก็ค่อยๆจางหายไป จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย

    แม่พี่บอกว่าการไปอินเดียในครั้งนั้นทำให้รู้ว่า ผี ของที่นั่นไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนผีไทย การปรากฏตัวของพวกเขาจะมาพร้อมกับกลิ่นอุจจาระ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้น และแม่เองก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากเหมือนจะตั้งใจให้คนที่เหลือได้มีโอกาสไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง

    ซึ่งพี่ก็ได้รู้เหตุผลในอีกหลายปีต่อมา

    */*/*/*/*

     
     

    จากคุณ : Moony_Lupin - [ 11 เม.ย. 52 22:35:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com