ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (หลอนครั้งแรก)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7555350/W7555350.html
ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (ฝูงผีบุก)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7561061/W7561061.html
ตอน ผีทวงสมอง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7569912/W7569912.html
ตอน ช่วยด้วย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7575674/W7575674.html
ตอน หัวใคร ในทะเล
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7581096/W7581096.html
ตอน ทำไมพี่ถึงไม่ช่วยผม!
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7589318/W7589318.html
ตอน กลิ่น
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7650035/W7650035.html
ตอน เขามาเตือน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7630569/W7630569.html
ตอน วิญญาณป่าที่เขาใหญ่
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7613807/W7613807.html
ตอน เขามานำทาง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7664958/W7664958.html
ตอน เหงามั้ยจ๊ะ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7689756/W7689756.html
ตอน ผีถ้วยแก้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7703708/W7703708.html
ตอน ผีที่อินเดีย ตอนแรก
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7732635/W7732635.html
เรื่องที่ 15 เขา...มาเกาะที่ไหล่
ใครเคยไปเที่ยวและเจอผู้ประสบอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตาบ้าง ตอนที่เรากำลังผ่าน ภาพร่างของผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกนำไปวางไว้ริมถนนสร่างความรู้สึกอย่างไร เคยคิดบ้างไหมว่าอยากจะลงไปช่วยพวกเขาเหลือเกิน
แม้จะเป็นเจตนาดี แต่บางครั้งอย่าได้คิดแบบนั้น เพราะท่านอาจจะเจออะไรที่น่าขนลุก ติดตามตัวไปด้วย
ที่เกริ่นเรื่องไว้แบบนี้ก็เพราะตัวพี่เองเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน (เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้) จำได้ว่าเป็นการเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัว โดยมีครอบครัวพี่มนัสกับพี่วุฒิไปด้วย โดยแต่ละครอบครัวก็นำรถกันไปคนละคัน จุดหมายการพักผ่อนในครั้งนี้ก็คือ หัวหิน
เส้นทางสู่หัวหินเมื่อหลายสิบปีก่อนไม่ได้มีขนาดใหญ่โตกว้างขวางเหมือนเดี๋ยวนี้ คือถนนจะแบ่งเป็นสี่ช่องทางโดยมีคูน้ำกั้น คือทั้งทางฝั่งขาขึ้นและขาล่องจะเป็นถนนแบบสองเลนไม่กว้างนักเรียกว่ารถจะติดแหง่กทันทีถ้าเกิดอุบัติเหตุ
การเดินทางไปพักผ่อนค่อนข้างราบรื่น แม้จะเจอเรื่องหวาดเสียวบ้างเช่นรถมอเตอร์ไซด์ถูกรถกระบะชนจนคนขับปลิวไปกระแทกกับพื้นถนนกะโหลกแยกสมองหลุดออกมาทั้งก้อน คือตอนนั้นเห็นแค่รถกลิ้ง คนนอนและก้อนสมองสีขาวๆกับก้นไทยมุงนับสิบประกอบกับเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นคนละช่องทางเลยไม่ค่อยตกใจอะไรมากนัก พวกเราพักที่หัวหินสองคืนจึงเดินทางกลับ
ตามธรรมเนียมของครอบครัวและคณะที่จะต้องแวะไหว้พระตามวัดที่ค่อนข้างเก่า คือพวกพี่เน้นทางด้านการสักการะคำสอนของพระพุทธองค์มากกว่า ไม่ได้ยึดติดกับสิ่งที่เรียกว่า ความดัง มากเท่าไหร่นัก ที่เลือกวัดเก่าแก่เพราะมีใจชอบทางด้านประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิม บางครั้งสามารถบอกได้ด้วยซ้ำว่า พระพุทธรูปองค์นี้เป็นศิลปสมัยใดแถมร่ายยาวต่ออีกเป็นคุ้งเป็นแควจะแม่บอกว่าน่าไปเรียนโบราณคดีมากกว่า แหม ก็อยากเรียนอยู่หรอกค่ะ แต่สมัยก่อนน่ะจบมาก็เป็นได้แค่อาจารย์แก่ๆ สาวน้อยไฟแรงอย่างเราคงทนไม่ไหวแน่ หุ หุ
และแล้วก็นอกเรื่อง ตีวงกลับมาที่เรื่องเล่าดีกว่า เรื่องราวน่ากลัวมันเกิดขึ้นตอนขากลับค่ะ ระหว่างเดินทางเข้ากรุงเทพพี่จำไม่ได้ว่าเป็นช่วงไหนของหัวหินแต่รู้ว่าออกมาจากที่พักไกลพอควร พวกเราแปลกใจกันมากที่อยู่ๆการจราจรที่คล่องตัวดีกลับติดขัดขึ้นมาซะอย่างงั้น ก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันน่าจะเป็นอุบัติเหตุแต่ไม่นึกว่าจะร้ายแรงมาก รถที่พี่นั่งเลยตีขึ้นช่องทางขวาสุดเพราะเข้าใจว่าเหตุน่าจะเกิดทางด้านซ้ายและหากมีคนเจ็บก็คงถูกลำเลียงไปพักไว้ที่ริมทาง
ปรากฏว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
อุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งสองฝั่ง คือเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลที่ชนกันอย่างแรงจนรถอีกคันพุ่งข้ามคูน้ำกลางถนนมาตกฝั่งขาเข้า หน่วยกู้ภัยได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและวางไว้ทั้งสองด้านรวมทั้งริมคูน้ำที่รถพี่ผ่านด้วย พวกเรามองความโกลาหลด้วยความตกใจ พี่หันไปมองคนที่นอนอยู่ด้านข้าง(เพราะรถชะลอตัวจนเกือบจะหยุด)แล้วนึกสงสารมากเพราะเขาถูกวางไว้บนถนนที่ร้อนจัดโดยไม่มีอะไรคลุมทั้งที่คนอื่น(ร่าง)มีผ้าห่มปิดเอาไว้ อารมณ์ตอนนั้นคือไม่คิดว่าเขาจะเสียชีวิต คิดแค่ว่าเขาคงได้รับบาดเจ็บจนหมดสติเพราะไม่เห็นมีเลือดสักหยด ใจน่ะอยากจะให้น้องสาวจอดรถและลงไปหยิบผ้าห่มที่อยู่ด้านท้ายมาคลุมให้เขา มันเป็นความคิดที่ค่อนข้างหมกมุ่นและจริงจังมากมายจนแม้รถจะผ่านไปแล้วพี่ก็ยังรู้สึกอยากจะช่วยเขาอยู่ตอดเวลา พอหลุดช่วงนั้นไปปุ๊บเครื่องยนต์รถก็สะดุดทำท่าจะดับ น้องสาวพี่เลยหักเข้าซ้ายและประคองไปจนถึงหน้าอู่ที่อยู่ริมถนน แล้วรถก็ดับไปเลย พอช่างเปิดดูปรากฏว่าสายพานขาด พวกพี่อึ้งมากเพราะสายพานเส้นนี้เพิ่งเปลี่ยนมา ตอนนั้นเองที่พี่รู้สึกว่าไหล่ข้างขวาหนักมาก หนักเหมือนกำลังแบกอะไรบางอย่างเอาไว้ หนักชนิดตัวงอลงไปเลย แรกๆก็คิดว่าคงเป็นเพราะเรานั่งตัวเอียงเลยเจ็บก็พยายามทายาและนวดแต่มันก็ไม่ดีขึ้น แม่พี่นั่งมองอยู่นานเลยเรียกให้เข้าไปหาและตบบ่าพี่สองสามครั้งแล้วพูดว่า
อย่าตามไปเลย
ขาดคำไหล่พี่เบาขึ้นมาในทันที พออ้าปากจะถามแม่ก็ส่ายหน้าไม่ให้พูดอะไร พวกเรารอจนกระทั่งรถซ่อมเสร็จจึงเริ่มออกเดินทางกันต่อ พอจวนจะถึงกรุงเทพแม่จึงพูดว่าทีหลังอย่าไปมองอุบัติเหตุ อย่าไปดูคนเจ็บที่นอนข้างทางเพราะเราไมรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไปหรือยัง และอย่าได้เอาจิตเราไปพะวงอยู่กับเขาเช่น อยากช่วย อยากทำโน่นทำนี่เพราะจิตที่กำลังแตกกระเจิงของผู้ประสบเคราะห์จะมาเกาะติดกับเราและตามไปด้วย ที่แม่สอนแบบนี้ไม่ใช่ให้เราใจดำ แต่ความเมตตาควรอยู่ในระดับที่พอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่ทำได้เท่าที่ทำอย่าได้ฝืนเป็นอันขาดเพราะว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากเมื่อช่วยผู้อื่นแล้วตัวเราต้องเป็นทุกข์
ตั้งแต่นั้นมาพี่จะไม่มอง ไม่ดูและพยายามไม่คิดถึงภาพอุบัติเหตุอีกเลย ไม่ใช่ว่าใจดำ แต่ความเจ็บตอนที่ไหล่ถูกกดน่ะมันยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำมาจนถึงทุกวันนี้ หากอยากจะช่วยเหลือพี่จะใช้วิธีไปบริจาคหรือให้ความช่วยเหลือทางอ้อม ไม่ไหวค่ะไม่อยากจะได้ความทรงจำที่น่ากลัวแบบนั้นอีกแล้ว ก็แหม ในตอนนั้นที่บ่าพี่มันหนักจนตัวงอน่ะ แม่มาเฉลยให้ฟังที่หลังว่า
เพราะผู้ชายคนนั้นเขาเอามือเกี่ยวไหล่พี่เอาไว้น่ะสิ
*/*/*/*/*/*
คุณ beautystone คุณ Artasi@ คุณ Kenshin_wife
ยินดีต้อนรับสู่ความสยองขวัญค่ะ
คุณ กุลธิดา (kdunagin) คุณ โก้ (เซโก้4) คณ Coffee Maker คุณ scottie
เรื่องกลิ่นผีที่อินเดียมีสาเหตุค่ะ กว่าจะรู้เรื่องจริงๆก็ไปเป็นครั้งที่สาม
จากคุณ :
Moony_Lupin
- [
16 เม.ย. 52 08:32:14
]