เรื่องนี้ต่อเนื่องจากเพื่อนข้างบ้านค่ะ อยากให้อ่านตอนหวานๆของสาวปากแข็ง กับหนุ่มไม่รู้ใจตัวเองบ้าง
(เพื่อน...ข้างบ้าน) คน...ข้างใจ
ฮัดเช้ย... ผมจามเสียงดังลั่นบ้าน เมื่อกลิ่นของพริกและกระเพราลอยเข้ามาเตะจมูกแม่ที่นั่งดูทีวีหันมาหัวเราะเบาๆ ไม่บอกก็รู้ว่าข้างๆบ้านกำลังผัดกระเพราอยู่ และกลิ่นหอมเย้ายวนของอาหารก็ทำให้ผมอดใจไม่อยู่ต้องเดินไปดูเสียหน่อย
จะไปไหนล่ะนั่น ถ้าไปแกล้งกันอีกไม่ต้องไปนะ ไม่เข็ดหรือไงดันไปทะลึ่งแกล้งเขาก่อน เป็นไงล่ะ ไอ้ปากก็กินน้ำพริกไม่ได้อยู่แล้วเป็นอาทิตย์ นี่ตัวจะไปหาเค้าอีกแล้วรึ ฮึเดี๋ยวเค้าทำกลับมาอีกแม่ก็จะไม่เข้าข้างหรอกนะ
โธ่แม่คร้าบ... แม่ก็รู้ว่ามันมือหนักจะตาย แถมอะไรนิดอะไรหน่อยก็ลงไม้ลงมือ ผมแค่แกล้งมันเล่นแค่นั้นมันเอาผมเกือบตาย มิหนำซ้ำวันนี้ยังทำกับข้าวได้สบายใจเฉิบ ไม่เห็นจะมาขอโทษผมเลย ตอนนี้ผมจะไปดูเสียหน่อยว่าไอ้แฟนกำมะลอของผมคนนี้มันจะชื่นบานแค่ไหนที่ได้เห็นหน้าผมอีก ผมทำท่าวางมาดเหมือนเด็กๆ แม่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาทว่าไม่จริงจังเท่าใดนัก ปล่อยให้ผมเดินออกทางประตูหลังบ้านเพื่อเดินข้ามไปยังบ้านไม้หลังข้างๆ
มาทำไมอีกล่ะ คนที่กำลังทำกับข้าวอย่างมีความสุข หุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นหน้าผม ช่างประไรใครจะไปสน ผมเสนอหน้าเดินเข้าไปที่เตาพร้อมยื่นหน้าอันหล่อเหลาดอมดมกลิ่นกับข้าวเย้ายวน
อะโหแฮะ วันนี้คุณป้าไม่อยู่บ้านเหรอ ต้องให้แม่ศรีเรือนอย่างเธอแสดงฝีมืออีกแล้ว ผมพูดออกไป หน้าที่งอง้ำกับแบะปากยิ่งขึ้นไปอีก
เกี่ยวอะไรด้วย สั้นๆ ง่ายๆแต่ได้ใจความ เพราะจากนั้นมันก็ตักกระเพราออกจากกระทะ หันไปจัดจานไม่สนใจผมอีก จนผมรู้สึกไม่มั่นใจเสียแล้ว
ยังโกรธอยู่อีกเหรอ ฉันแค่ล้อเล่น ตอนนั้นมันรู้สึกแค้นนิดๆที่เขาว่าฉันว่าไม่มีแฟนไปด้วยนี่นา ผมเท้าความไปถึงงานแต่งงานเมื่ออาทิตย์ก่อน
แล้วแกก็เลยอุปโลกน์ฉันเป็นแฟนแก ถามจริงคิดอะไรอยู่ มันหันมามองหน้าผมแวบหนึ่ง น้ำเสียงไม่ได้ล้อเล่นหรือแกล้งโกรธ สายตาที่หันมามองเพียงเสี้ยววินาทีนั้น...ถ้าผมดูไม่ผิดมันเป็นอาการตัดพ้อ
ถ้าคิดว่าฉันจะดีใจ แกคิดผิด ประโยคต่อมาของมันทำให้ผมแทบสะอึก ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามาในสมอง มันยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารต่อไป ส่วนผมก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
นี่แกโกรธฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ แกไม่คิดจะให้อภัยฉันบ้างเลยหรือไง อย่าลืมนะแกต่อยปากฉันจนแตกกินน้ำพริกไม่ได้ไปแล้วนะ ท้ายเสียงผมพูดแกมหยอก แม้ในใจจะขื่นๆก็ตาม
สมควรแล้ว สำหรับปากพล่อยๆอย่างแกมันหันมาบอก แล้วหันกลับไปหยิบไข่ตอกใส่ชามเตรียมทำไข่ตุ๋น
แล้วถ้าปากฉันไม่พร่อย แกจะยอมรับได้หรือเปล่า ผมพูดความในใจออกไปเบาๆ ไม่รอผลของการกระทำหันหลังเดินกลับบ้านทันที
อย่างน้อยๆผมก็อยากให้มันรู้ ว่าผมตาบอด ตาบอดมาเป็นสิบปี ที่จะมาเห็นมันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ในวันที่เราต้องทะเลาะกัน
ถ้าแกบอก ทำไมฉันจะรับไม่ได้ เสียงเบาๆล่องลอยไปในอากาศก่อนจะเงียบงันดั่งสายลมพัดเอื่อย
....................................
คืนนี้ฉันคงนอนไม่หลับ นึกถึงหน้าใครคนหนึ่ง มันแปลกที่จู่ๆเราก็ทะเลาะกันเสียยกใหญ่ ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แม่บอกว่าฉันทำเกินไป ไม่น่าเขินอายมากขนาดนั้น ฉันอยากจะแย้งท่านเหลือเกินว่ามันไม่ใช่อาการเขินอาย
ฉันไม่ชอบ ไม่ชอบเอามากๆที่อยู่ๆเพื่อนสนิทข้างบ้านที่รู้จักกันมาตั้งแต่เกิดจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการเอาคืนใคร และอีกอย่างฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดพล่อยๆว่าฉันเป็นแฟน เพราะคำว่าแฟนนั้นฉันตีค่ามันสูง ถ้าไม่ได้รัก และไม่ได้ผูกพันก็อย่าใช้คำนี้เสียเลย เอ๊ะฉันคงคิดผิด เพราะถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปพูดกับมัน มันก็ต้องบอกว่าเรารักกัน (อย่างเพื่อน) และผูกพันกัน(ก็คบกันมาตั้งแต่เกิดแล้วน่ะสิ) อย่างแน่นอน
และฉันคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันคิดต่างจากมันมาก มากจนมันอาจจะคิดไม่ถึง เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะฉันไม่เคยแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของฉันให้มันรู้เลยน่ะสิว่าแท้จริงแล้ว ฉันกลัวเหลือเกินว่ามันจะแต่งงานไปกับน้องเอิงเมื่อหลายเดือนก่อน กลัวมันลืมว่ามีเพื่อนขี้วีนอย่างฉันอยู่ กลัวมันจะไม่มากินข้าวเย็นด้วยกัน และกลัวเหลือเกินที่มันจะรู้ว่าฉัน รัก มัน....หรือบางทีมันคงยังไม่รู้ เพราะจากที่มันพูดฉันก็พอจะเข้าใจ...และอยากจะดีใจเหลือเกินให้ตายสิ
.............................
จากคุณ :
nattanaree
- [
19 เม.ย. 52 22:21:47
]