นี่เป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจเอานิยายที่ตัวเองแต่งเอาไว้มาลงค่ะ ใครที่เป็นคอเพลงหรือคอดนตรี น่าจะชอบ และขอเตือนสักนิดนะคะ นี่เป็นนิยายแนว Shonen Ai แนวประมาณ Boy's Love ค่ะ ใครที่ไม่ชอบหรือคิดว่ารับไม่ได้ ก็สามารถปิดไปได้เลยนะคะ แต่ถ้าใครอยากจะลองอ่านและติดตามว่าเนื้อเรื่องจะน่าสนใจแค่ไหน คนเขียนยินดีค่ะ...
ฝากผลงานด้วยนะคะ
_________________________
บทที่ 1
เด็กหนุ่มนอนหอบหายใจอยู่บนพื้นที่ปูเอาไว้ด้วยวัสดุอย่างดี เหมาะกับการใช้เป็นสตูดิโอหรือห้องซ้อมที่เหล่านักร้องฝึกหัดเรียกกันจนติดปาก เขานอนแผ่ลงไปบนพื้นอย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เพราะการซ้อมเต้นติดต่อกันเป็นระยะเวลาสองชั่วโมงชนิดที่แทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก ทำเอาหมดเรี่ยวแรงไปโข ดวงตากลมโตอันเป็นเอกลักษณ์ที่ชวนดึงดูดใจปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน ริมฝีปากรั้นๆแต่ได้รูปของเขาเผยอออกเล็กน้อยเพื่อที่จะสูดลมหายใจได้อย่างเต็มปอด เหงื่อกาฬไหลจนชุ่มกายไปหมด เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำที่เปิดอยู่แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยในยามนี้
ไม่รู้ว่าเขาหลับตานอนนิ่งแบบนั้นอยู่นานเท่าไหร่เหมือนกัน ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ และเอื้อมมือข้างหนึ่งหยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นซับใบหน้าอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก เขาลุกขึ้นนั่งพลางมองไปรอบๆ ไม่แปลกใจที่ได้เห็นว่าแต่ละคนมีสภาพไม่ต่างอะไรจากตัวเองสักกี่มากน้อย ผมดำสนิทที่เริ่มจะยาวขึ้นมากแล้วกระจายยุ่งอยู่ได้ไม่นานก็กลับเป็นทรงอีกครั้งเพียงแค่เขายกมือขึ้นปัดอย่างลวกๆ
เหนื่อยจัง เจ้าตัวบ่นกับตัวเองมากกว่าจะตั้งใจเจาะจงพูดกับใครเป็นพิเศษ เมื่อวานงานพิเศษที่ร้านอาหารที่เขาทำอยู่เป็นประจำยุ่งกว่าปกติ เพราะเป็นช่วงปลายเดือนพอดี จากที่ควรจะต้องเลิกห้าทุ่มเหมือนอย่างทุกที เจ้าของร้านถึงกับต้องออกปากขอให้พนักงานหลายๆคนอยู่ช่วยทำงานล่วงเวลากันต่ออีกเป็นชั่วโมง ผู้ช่วยพ่อครัวอย่างเขาจึงต้องทำทุกอย่างตั้งแต่เรื่องของในครัวไปจนถึงออกมาช่วยเสิร์ฟ แถมวันนี้ยังมีคลาสแดนซ์ตั้งแต่เช้า เรียกได้ว่า นอนยังไม่ทันจะเต็มตาก็ต้องตื่นขึ้นมาเรียนอีกแล้ว
อ่ะนี่ น้ำ เด็กหนุ่มอีกคนที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าในชุดซ้อมเต้นที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อไม่แพ้กัน ยื่นขวดน้ำเย็นให้กับเขา
ขอบใจนะ ก่อนจะคว้ามาจิบอย่างกระหาย
นายดูเหนื่อยๆนะเจวันนี้ มีอะไรหรือเปล่า ร่างนั้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งลงบนพื้นข้างๆกัน
เด็กหนุ่มที่ชื่อเจส่ายหน้าเบาๆ ราวกับจะบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก ก่อนจะจิบน้ำเย็นจากขวดนั้นให้ชื่นใจอีกครั้ง
แค่งานพิเศษมันยุ่งกว่าทุกคืนน่ะ
นี่นายทำอะไรเกินเด็กอายุสิบเจ็ดไปหน่อยหรือเปล่า น้ำเสียงนั้นพูดทีเล่นทีจริง
เด็กหนุ่มหน้าสวยส่ายหน้าเบาๆและยิ้มไม่พูดอะไรต่อไปอีก
เขาอาจจะทำอะไรเกินตัวอย่างที่เพื่อนว่าจริงๆก็ได้ เจ เป็นเด็กหนุ่มในวัยสิบเจ็ดปีที่มีภาระล้นมือเอาจริงๆ เขาเข้ามาเป็นนักร้องฝึกหัดของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แห่งนี้มานานถึงสองปีแล้ว แทบจะทุกวันเขาจะต้องเรียนร้องเพลง เรียนการเต้นหลายๆรูปแบบ และยังต้องทำกิจกรรมมากมายร่วมกับเพื่อนนักร้องฝึกหัดด้วยกันที่มีอยู่หลายสิบชีวิต มันคงจะเหนื่อยน้อยกว่านี้มากถ้าพ่อกับแม่จะสนับสนุนให้เขาได้ทำในสิ่งที่รักและใฝ่ฝัน แต่นี่ทันทีที่พ่อกับแม่รู้ ไม่เพียงแต่จะไม่สนับสนุนแถมยังห้ามปรามเขาราวกับว่าเขากำลังจะทำความผิดอะไรใหญ่โต
เพ้อเจ้อ พ่อว่าใส่หน้าเขาตรงๆ เด็กอย่างแกมันจะคิดได้สักแค่ไหนกันเชียว จะเป็นนักร้องงั้นหรือ ฝันลมๆแล้งๆแท้ๆ ทำไมแกไม่ตั้งใจเรียนเหมือนกับเด็กปกติคนอื่นๆเขานะ
มานึกดู เขาก็ไม่โทษพ่อหรอกที่จะพูดแบบนั้น ก็ตอนนั้นเขาอายุแค่สิบสี่เท่านั้น
เจ ลูกก็ฉลาดหัวดีไม่แพ้ใคร ทำไมถึงคิดจะมาเอาดีทางนี้ล่ะลูก แม่ก็พยายามเปลี่ยนใจเขาเหมือนพ่อ แต่เป็นไปในแบบที่นุ่มนวลกว่ากันเยอะ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงเขามากเพียงไร แต่สำหรับเด็กอย่างเขามันเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกินที่จะทำให้พ่อกับแม่เชื่อว่าเขาตั้งใจเอาจริง ไม่ใช่แค่ลองผิดลองถูกเล่นๆ ดังนั้นอธิบายไปทำไมมี เขาจึงตัดสินใจเข้ารับการออดิชั่นเพื่อคัดเลือกนักร้องฝึกหัดในปีนั้นเองโดยไม่ต้องรอให้พ่อหรือแม่อนุญาต ผู้รับรองของเขาก็คืออาจารย์ที่โรงเรียนของเขาเองนั่นแหละ แต่การออดิชั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ครั้งแรกเขาไม่ผ่านเพราะตื่นเต้นจนเกินไป แค่ชอบร้องเพลงและฝึกร้องในคาราโอเกะหรือที่บ้านเท่านั้นยังไม่พอ เขายังต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองด้วย เจผ่านการออดิชั่นในครั้งที่สองนี้เอง และนั่นทำให้เขาดีใจอย่างที่สุด ตอนนั้นเองที่เขาบอกกับตัวเองว่า ขอให้มีความมุ่งมั่นและพยายาม ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
จากคุณ :
fingers-crossed
- [
20 เม.ย. 52 22:18:41
]