ความคิดเห็นที่ 1 โตเกียวเคยถูกเรียกว่าเอโดะ ซึ่งแปลว่าปากแม่น้ำ เมื่อกลายเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในปี 1868 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว ซึ่งแปลว่าเมืองหลวงทางตะวันออก โต แปลว่า ตะวันออก ส่วน เกียวแปลว่า เมืองหลวง ตอนต้นยุคเมจิ โตเกียวบางครั้งถูกเรียกว่าโตเก ซึ่งเป็นวิธีอ่านอีกแบบของตัวคันจิในคำว่าโตเกียว แต่ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว ปราสาทเอะโดะ หรือพระราชวังอิมพีเรียลในปัจจุบันโตเกียวแต่เดิมเป็นหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ ที่ชื่อเอะโดะ ในปีค.ศ. 1457 โอตะโดกัง สร้างปราสาทเอโดะขึ้น ในปีค.ศ. 1590 โทกุงะวะ อิเอะยะสึตั้งเอะโดะเป็นฐานกำลังของเขาและเมื่อเขากลายเป็นโชกุนในปีค.ศ. 1603 เมืองเอะโดะก็กลายเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหารของเขาซึ่งมีอำนาจปกครองทั้งประเทศ ในช่วงเวลาต่อมาในยุคเอะโดะ เมืองเอะโดะก็ขยายตัวขึ้นจนกลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งในโลก โดยมีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคนและเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น แม้ว่าองค์จักรพรรดิทรงประทับอยู่ในเกียวโต หลังจากนั้นประมาณ 263 ปี ระบอบปกครองภายใต้โชกุนถูกล้มล้างโดยการปฏิรูปเมจิ อำนาจการปกครองจึงกลับคืนมาสู่จักรพรรดิอีกครั้ง ในปี 1869 จักรพรรดิเมจิทรงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะและเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียว โตเกียวจึงกลายเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และการที่จักรพรรดิทรงย้ายมาประทับจึงทำให้โตเกียวกลายเป็นเมืองหลวงอย่างเต็มตัว ปราสาทเอะโดะถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังในยุคเมจิ โตเกียวมีการพัฒนาโดยได้รับอิทธิพลจากตะวันตก เช่นการเปิดบริการโทรเลขระหว่างโตเกียวกับโยโกฮามาในปี 1869 และการเปิดบริการรถไฟสายแรกระหว่างชิมบะชิและโยโกฮามาในปี 1872 อีกด้วย แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 18:36:37 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 17:28:59 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 17:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมจะพาเที่ยวสวนกันก่อนนะครับ เริ่มที่สวนอุเอโนะ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 17:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สวนอุเอโนะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางกรุงโตเกียวที่รอบๆเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ มีแม้กระทั่งสวนสัตว์นะครับ ช่วงที่ผมไปถ่ายภาพนั้น เป็นช่วงที่ซากุระบานเต็มสวนเลย ขนาดผมไปแต่เช้า ก็ยังไม่วายมีนักท่องเที่ยวมาชื่นชมความงามเต็มไปหมด จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 17:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สวนอุเอะโนได้รับการอนุญาตให้สร้างบนที่ดินจักรพรรดิ โดยจักรพรรดิไทโช ในปี ค.ศ. 1924 มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า อุเอะโนะ อนชิ โคเอ็ง  แปลว่า "สวนอุเอะโนะ ของขวัญจักรพรรดิ" จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 17:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเดินถ่ายรูป กิจกรรมน่ารักๆ ของผู้คน ในสวนอุเอโนะ หันไปทางไหนก็มีแต่ดอกซากุระเต็มไปหมด .... เราไปชมสวนอื่นบ้าง   ** การเดินทาง : การไปยังสวนอุเอโนะ ที่สะดวกที่สุดคือรถไฟสาย JR ลงที่สถานี  Ueno Station : ทางออก Park Exit   ** ค่าใช้จ่าย  : ฟรี จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 17:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรามาต่อกันที่สวนชินจูกุ "ชินจูกุเคียวเอ็น" หรือสวนชินจูกุนี้เป็นสวนระดับชาติเลยทีเดียว ใหญ่มาก ผมเดินไปรอบเดียวก็ต้องขอนั่ง เป็นสวนที่น่าชมซากุระอีกแห่งหนึ่งในโตเกียวนะครับ  ซึ่งสายพันธุ์ที่มีมากที่สุดคือ "โซเมอิโยชิโนะ" โดยสวนแห่งนี้มีซากุระทั้งสิ้น 1,500 ต้น จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 17:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ชาวญี่ปุ่นส่วนมากจะใช้เวลากับครอบครัวในการทำกิจกรรมร่วมกันในสวนนี้ ดูแล้วก็มีความสุขไปด้วยครับ ** การเดินทาง - เข้าทางประตู  Shinjuku Gate 1. ถ้ามาเจอาร์ ให้ลงที่สถานี  JR Shinjuku Station ทางออก south exit และเดินต่ออีก 10 นาที 2. ถ้ามาทางรถใต้ดิน ให้มาสาย  Marunouchi subway ลงที่สถานี  Shinjuku Gyoen Mae ทางออก  exit 1, เดินอีก  3  นาที es walk. ** ค่าใช้จ่าย  : 200 เยน **เวลาเปิดและปิด  :  9.00-16.00 น. ปิดทุกวันจันทร์ ยกเว้นจันทร์ไหนเป็นวันหยุดราชการจะเลื่อนไปปิดวันอังคาร แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 18:08:58 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อไปขอแนะนำสวนสวยสำหรับชมซากุระอีกแห่งหนึ่งคือ สวน Kudanshita จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนแรกไม่ตั้งใจจะมาสวนนี้ กะว่าจะไปอีกสวนหนึ่ง แต่พอเดินสวนนี้แล้วก็ไม่ต้องไปไหนแล้วอะครับ สวยมากจริงๆ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเดินถ่ายภาพดอกซากุระอย่างมีความสุขมากเลยครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวนนี้เชื่อมต่อกับสวน Chidorigafuchi  ดังนั้นก็เลยมีการพายเรือชมซากุระกัน อย่างสนุกสนาน ** การเดินทาง ** นั่งรถใต้ดินลงที่สถานี Kudanshita แล้วออกทางประตูทางออก Exit 2 ** ค่าใช้จ่าย  : ฟรี จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไปต่อกันทีวังกันนะครับ พระราชวังอิมพีเรียล พระราชวังอิมพีเรียล(โคเคียว) เป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวท่ามกลางคูน้ำล้อมรอบมาตั้งแต่สมัยเอโดะ บนพื้นที่มากกว่า 270 เอเคอร์ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นสวนป่าไม้ธรรมชาติ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเดินถ่ายภาพอยู่ด้านนอกอะครับ  แดดร้อนมากครับ นั่งท่องเที่ยวก็เยอะ แต่โดยปกติแล้วพระราชวังที่ประทับและสวนชั้นในจะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไป เข้าชม ยกเว้นในวันที่ 2 มกราคม (เทศกาลปีใหม่) และ 23 ธันวาคม (วันเฉลิมพระชนมพรรษาองค์จักรพรรดิ) ของทุกปี ที่องค์จักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ จะเสด็จออกมาทักทายประชาชน ส่วนสวนด้านตะวันออกนั้นเปิดให้เข้าชมได้ตลอดปี (ยกเว้นวันจันทร์และวันศุกร์) ** การเดินทาง ** นั่งรถไฟใต้ดินลงที่สถานี Nijubashimae แล้วเดินมาออก Exit 2 ตอนตรงไปซัก 800 เมตร ก็จะเห็นสะพานแว่นตาด้านบนอะครับ แต่ถ้าต้องการถ่ายรูปมุมนี้ ต้องต้องมาสถานีโตเกียว ทางออก Central Exit แล้วเดินตรงอย่างเดียวเลยครับ  แต่ก็สามารถเดินถึงกันได้ทั้งสองจุด จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Hilight ที่อยากนำเสนอทีโตเกียวก็คือ ศาลเจ้า  Yasukuni Shrine ที่ดังที่สุดชื่อของ Yasukuni Shrine ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง เมื่อนักบินในกองบินรบของญี่ปุ่นได้ต่อสู้อย่างไม่เสียดายชีวิต ด้วยการพลีชีพขับเครื่องบินพุ่งเข้าชนเป้าหมายที่รู้จักกันในนามของฝูงบิน Kamikaze (Divine Wind-สายลมศักดิ์สิทธิ์) ในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยนักบินแต่ละรายต่างมีเครื่องรางจาก Yasukuni Shrine อยู่บนผ้าโพกศีรษะพร้อมกับการให้สัตย์สัญญาที่จะไปพบกันใหม่ในภพหน้าที่ Yasukuni Shrine ขณะที่นักบินบางรายเขียนจดหมายถึงญาติพี่น้องก่อนออกรบ ในลักษณะที่ระบุว่า หากต้องการพบกับพวกเขาอีกให้ไปพบได้ที่ Yasukuni Shrine จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนไปรู้จักกับศาลเจ้านี้ ไปกันแบบเบาๆ ก่อนดีกว่า .... เดินชมซากุระกันก่อน จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วันนี้มีงานออกร้านขายของกินด้วย จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไปถึงช่วงพักกลางวัน พวกกลุ่มคนทำงานก็แวะมากินข้าวกลางวันกันที่นี่ ก็ดูสนุกดีกครับ ใส่สูทนั่งกับกินอาหารบนพื้นหญ้า จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมขอคัดลอกเรื่องเกี่ยวกับศาลเจ้านี้มาเลยนะครับ เพราะเป็นศาลเจ้าที่ดังระดับโลกเลยทีเดียว ********************************************* คัดลอกบางส่วนจากบทความ "การเมืองและเรื่องตุลาการศาสตร์ในญี่ปุ่น" โดยอ. พิเชษฐ เมาลานนท์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนีกาตะ, ประเทศญี่ปุ่น ********************************************* ศาลเจ้า "ยาซูคูนิ" ศาลเจ้า "ยาซูคูนิ" เป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณของรัฐบาลทหารญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่สอง จึงเป็นศาลเจ้าสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น "ยาซูคูนิ" (แปลตามตัวว่า "ชาติสงบสันติ") เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างเมื่อ 1869 ในสมัยเมยิ เพื่ออุทิศให้วีรบุรุษแห่งชนชาติญี่ปุ่น โดยเฉพาะทหารญี่ปุ่นที่ "พลีชีพเพื่อชาติ" ในสงครามต่างๆ เช่น: - เพื่อการปฏิรูปเมยิ 1868 - เพื่อเหตุการณ์กบฏและความไม่สงบภายใน 1876-77   - เพื่อสงครามจีน-ญี่ปุ่น ครั้งที่หนึ่ง 1894-95 - เพื่อสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น  1904-05 - เพื่อสงครามแมนจูเรีย  1931 - เพื่อสงครามจีน-ญี่ปุ่น ครั้งที่สอง 1937-45 - เพื่อสงครามแปซิฟิค (สงครามโลกครั้งที่สอง)  1941-1945 - (และต่อไป คงเพื่อทหารญี่ปุ่น ที่อาจเสียชีวิตที่อิรัคด้วย) จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:43:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ศาลเจ้า "ยาซูคูนิ" แห่งนี้ คือที่สิงสถิตแห่งวิญญาณทหารหาญ 2.5  ล้านนาย ในรูปของป้ายวิญญาณ 2.5 ล้านแผ่น ซึ่งเคารพกันว่าได้กลายเป็นพระเจ้า หรือ "เจ้า" (Spirits, Gods / Deities)  2.5 ล้านองค์ ตามความเชื่อในศาสนาชินโต จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง กองกำลังอเมริกันสั่งห้ามชินโตไม่ให้เป็น "ศาสนาแห่งรัฐ" ในญี่ปุ่นอีกต่อไป แต่กระนั้น หลังสงครามโลกครั้งที่สอง การไปคำนับศาลเจ้าแห่งนี้ได้กลายเป็นปัญหาการเมืองเพราะ "ยาซูคูนิ" ได้ปักป้ายวิญญาณ 14 แผ่นของอาชญากรสงคราม 14 คน ขึ้นเป็นพระเจ้า หรือ "เจ้า" ด้วย   สงครามโลกครั้งที่สองได้ตัดสินประหารชีวิตโดยถือเป็น "Class-A War Criminals" คือ อาชญากรชั้นแนวหน้า  เช่น นายพลโตโจ ฮิเดะคิ (Tojo Hideki) เป็นต้น นายพลโตโจ ฮิเดะคิ  เป็น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงทหารบกเมื่อปี 1941 มีฉายาว่า “มนุษย์บ้าสงคราม” เป็นหนึ่งผู้ร่วมลงนามเป็นอักษะกับฮิตเลอร์และมุสโสลินี  เขาเป็นผู้อนุมัติให้ฝูงบินกามิกาเซ่บุกถล่มท่าเรือที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ อีกทั้งนำกองทัพญี่ปุ่นบุกจีนแผ่นดินใหญ่ เอเชียอาคเนย์ หลังจากญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง นายพลฮิเดกิพยายามจะฆ่าตัวตายแต่ แต่ได้ถูกฝ่ายพันธมิตรตะวันตกจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนจะถูกตัดสินให้ถูกประหารชีวิตโดยการแขวนคอในข้อหาอาชญากรสงคราม ดังนั้น ศาลเจ้า "ยาซูคูนิ"แห่งนี้ จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งลัทธิทหาร และฝ่ายชาตินิยมขวาจัดของญี่ปุ่น และผู้ไปคำนับศาลเจ้าแห่งนี้ คือผู้ไปคารวะบูชาอาชญากรสงครามเหล่านั้นด้วย แม้ปฏิกิริยาจากทั้งภายในและภายนอกญี่ปุ่น จะเรียกร้องให้ถอดถอนป้ายวิญญาณ 14 แผ่นนี้ออกไป แต่ได้ถูกปฏิเสธจากศาลเจ้า " ยาซูคูนิ" โฮมเพจของศาลเจ้า "ยาซูคูนิ" แย้งว่า ญี่ปุ่นตกเป็นชาติแพ้สงคราม จึงถูกบังคับให้เรียกวีรบุรุษ 14 ท่านนั้นว่า "อาชญากรสงคราม" ทั้งๆที่ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น 14 ท่านนั้นคือ "ผู้สละชีพเพื่อชาติ" (Martyrs) แห่งยุคสงครามโลกครั้งที่สองต่างหาก แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 23:51:11 แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 23:38:31 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 18:50:12 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 18:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ชาติเพื่อนบ้านที่ถูกญี่ปุ่นรุกรานเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง (โดยเฉพาะจีน เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้) ต่างแสดงปฏิกิริยาคัดค้านผู้ไปคำนับศาลเจ้าแห่งนี้เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไปคารวะบูชาอาชญากรสงครามเสียเอง ปฏิกิริยาเชิงลบและกระแสวิพากษ์อย่างร้อนแรงถึงการเยือนYasukuni Shrine โดยผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เริ่มขึ้นในปี 1975 เมื่อ Takeo Miki นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเดินทางไปเยือน Yasukuni Shrine และร่วมพิธีรำลึกวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ครบ 30 ปี ในวันที่ 15 สิงหาคม 1975 โดยฝ่าย Japan Socialist Party และพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของจังหวะเวลาในการเยือนดังกล่าวอย่างดุเดือด และทำให้การเยือน Yasukuni Shrine โดยผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้รับความสนใจและติดตามเฝ้ามองอยู่ทุกระยะว่ากระทำในสถานะอย่างไร กระแสวิพากษ์ดังกล่าวได้ส่งผลไม่เฉพาะต่อท่าทีของผู้นำทางการเมืองเท่านั้น หากยังมีผลเป็นประหนึ่งสัญญาณที่ท้าทายและส่งผ่านคำถามที่สั่นคลอนสถานะขององค์จักรพรรดิด้วยเช่นกัน โดยจักรพรรดิ Hirohito ซึ่งก่อนหน้านี้เสด็จเยือน Yasukuni Shrine ไม่น้อยกว่า 8 ครั้ง นับตั้งแต่สิ้นสุดสงคราม ได้เสด็จเยือนสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 1975 และไม่ปรากฏว่ามีการเสด็จเยือนอีกเลย ส่วนอดีตนายกรัฐมนตรี Junichiro Koizumi เริ่มการเยือน Yasukuni Shrine ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2001 หรือหลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 4 เดือน และเป็นการเยือนในช่วงวันที่ถือเป็นสัญลักษณ์เกี่ยวเนื่องโดยตรงต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นอดีตนายกรัฐมนตรี  Junichiro Koizumi ได้เยือนสถานที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี (23 เมษายน 2002, 15 มกราคม 2003 และ 1 มกราคม 2004) รวมทั้งสิ้น 4 ครั้งซึ่งนับเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เยือน Yasukuni Shrine บ่อยครั้งที่สุดในยุคหลังสงคราม และนี่ก็คืออนุสาวรีย์สำริดขนาดใหญ่ของ Omura Masujiro ซึ่งมีบทบาทอย่างสำคัญในการโค่นล้มระบอบโชกุน และค้ำชูระบบจักรพรรดิในฐานะ Vice-Minister of War -บิดาแห่งกองทัพญี่ปุ่นยุคใหม่ (Father of Modern Japanese Army) ตั้งตระหง่านอยู่ทางเข้าศาลเจ้า ประหนึ่งตัวแทนและแบบอย่างของหนึ่งในความทรนงและความกล้าของจิตวิญญาณวีรชนที่มารวมกันอยู่ ณ  Yasukuni Shrine แห่งนี้ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 23:36:59 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมถ่ายรูปที่นี่ไม่ค่อยมากนะครับเนื่องจากเป็นการย้อนแสง เมื่อถ่ายออกมาแล้วเวอร์ไปหมด ก็เลยหลบมุมถ่ายอย่างอื่นไปเรื่อยๆ แต่ก็รู้สึกขนลุกกับประวัติของศาลเจ้านี้เหมือนกันนะครับ ** การเดินทาง ** นั่งรถใต้ดินลงที่สถานี Kudanshita แล้วออกทางประตูทางออก Exit 1 แล้วเดินตรงอีกประมาณ 5 นาที ก็ถึงครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พาคุณผู้อ่านไปคลายเครียด โดยการกลับไปเที่ยวสวนสวยๆ อีกแห่งหนึ่งดีกว่าครับ สวนเมจิยิงงูไกเอ็ง (Meiji Jingu Gaien) ซึ่งแม้จะตั้งอยู่ในใจกลางกรุงโตเกียว นักท่องเที่ยวก็สมารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่นี่ สวนห่งนี้มี ต้นอิโจ(แปะก้วย) เต็มสองข้างถนน ซึ่งจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง และในที่สุดก็จะร่วงลงสู่พื้นดินปูไปตลอดทาง ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก ซึ่งคุณผู้อ่านต้องมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนะครับ ** การเดินทาง ** จากสถานี JR Shinanomachi Station  หรือจะโดยสารรถไฟใต้ดินก็ให้ลงที่ สถานี  Gaienmae Station หรือ  Aoyama-itchome Station หรือ  Kokuritsu-Kyogijo Station แล้วเดินต่ออีก 5 นาที แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 21:45:45 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ว่าแล้วเราไปถ่ายรูปกันต่อเลย ต่อไปก็เป็นภาพทิวทัศน์ของโตเกียวยามค่ำนะครับ ที่แรกที่จะพาไปถ่ายรูปคือจุดชมวิวของ ตึกแฝด-ตึกที่ทำการรัฐบาลกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Office) ตึกนี้สูง 48 ชั้น หรือ 243 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นับเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดจุดหนึ่งของโตเกียว ตั้งอยู่ในย่าน ชินจูกุ (Shinjuku) ผมชอบที่นี่นะครับ คือมุมที่จะถ่ายสวยดี แต่เสียอย่างเดียวคือต้องถ่ายผ่านกระจก และใช้ขาตั้งกล้องไม่ได้  ช่วยที่ผมไปต่อคิวขึ้นลิฟท์ไม่นาน แล้วก็ได้ชมวิวเมืองโตเกียวสมใจ การเดินทาง ** จากสถานีเจอาร์ Shinjuku Station  ทางออก  west exit  หรือรถไฟใต้ดินลงที่สถานี Tocho-mae Station ค่าใช้จ่าย ** ฟรี เวลาเปิด-ปิด ** 9.30-23.00 น. จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ในวันเดียวกัน ผมก็ไปถ่ายรูปกลางคืนต่อที่ตึก Mori Tower ที่ย่าน  Roppongi ตึกนี้คิวยาวมากครับ เพราะเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง แต่ไม่มีกระจกกั้น และสามารถดูวิวได้ถึง 360 องศาเลยทีเดียว การเดินทาง ** นั่งรถไฟใต้ดินได้เลยครับ 1. สาย Hibiya Line ลงที่สถานี  Roppongi Station ทางออก Exit 1C 2. สาย Toei Subway  ลงที่สถานี  Roppongi Station ทางออก  Exit 3 3. สาย Toei Subway ลงที่สถานี  Azabu-Juban Station ทางออก Exit 4. สาย Nanboku Line ลงที่สถานี  Azabu-Juban ทางออก Exit 4   ค่าใช้จ่าย ** 1500 เยน แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 21:46:45 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 26 จากนั้นผมก็ไปต่อที่โอไดบะ ที่นี่เป็นย่านใหม่ที่กำลังมาแรงในโตเกียว ซึ่งมาจากการถมพื้นที่จากขยะลงบนอ่าวโตเกียว โดยมีสะพานRainbow เป็นสัญลักษณ์ซึ่งเป็นจุดที่นิยมถ่ายรูปมาก โดยในยามค่ำคืนจะแสดงแสงสีสวยงามบนสะพาน ส่วนสถานที่อื่นๆก็มีห้างสรรพสินค้า,ตึกที่ทำการสถานีโทรทัศน์ Fuji TV ,ตึก Tokyo Big Sight ที่นี่ในอดีตเคยเป็นสถานที่ที่พลเรือจัตวาแมทธิว ซี เพอร์รี แห่งกองทัพสหรัฐ พร้อมด้วย เรือรบ Black Ships 4 ลำ ล้อมจอดยังอ่าวโตเกียว เพื่อกดดันรัฐบาลญี่ปุ่นให้เปิดประเทศ ผมเดินเล่นริมอ่าว ลมเย็นสบาย มีหนุ่มสาวมาเดินเล่นกันเป็นคู่ๆ มากมาย เห็นแล้วอิจฉาจริงๆ การเดินทาง ** ใข้รถ Monorail หรือรถรางไฟฟ้าครับจากสถานี Shimbashi  ไปยังสถานีต่างๆ   ค่าใช้จ่าย ** ตั๋ววัน ราคา 800 เยน แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 52 21:47:55 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:44:33 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ปิดท้ายยามค่ำคืนสัญลักษณ์ของโตเกียวคือ โตเกียวทาวเวอร์ โตเกียวทาวเวอร์ เป็นหอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีความสูง 332.6 เมตร(1,091 ฟุต) สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) นอกจากจะเป็นหอคอยที่ไว้ส่งสัญญาณคลื่นวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ เช่น NHK TBS ฯลฯ แล้ว โตเกียวทาวเวอร์ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงโตเกียวอีกด้วย โดยปีหนึ่งจะมีคนเข้าชมหอมากกว่า 2 ล้าน 5 แสนคน บริเวณหอคอยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน ส่วนล่างสุดเป็นอาคารสูง 4 ชั้นที่ตั้งอยู่ใต้หอโดยตรง ภายในประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ ร้านคา ภัตตาคาร ฯลฯ อีก 2 ส่วนที่เหลือเป็นจุดชมทัศนียภาพของหอคอย ตั้งอยู่บนความสูง 150 เมตร และ 250 เมตรตามลำดับ ผมชอบความสง่างามของโตเกียวทาวเวอร์ยามค่ำคืน มากกว่ากลางวัน เดินชมกลางคืนนั้นเงียบสงบดีด้วยครับ การเดินทาง ** ไปได้หลายทางเลยนะครับ 1.รถไฟใต้ดินสาย  Toei Oedo Line ลงสถานี  Akabanebashi Station 2. สาย Hibiya Line ลงสถานี  Kamiyacho Station 3. สาย  Toei Mita Line ลงสถานี  Onarimon Station 4. สาย  Toei Asakusa Line ลงสถานี   Daimon Station ค่าใช้จ่าย ** จุดชมวิว 820 เยน ถ้าต้องการขึ้นไปจุดชมวิวบนยอดเลย ค่าใชจ่าย 600  เยนครับ เวลาเปิดปิด ** 9:00-22:00 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมขอปิดทริปญี่ปุ่นด้วย สถานที่แห่งข้างหลังภาพ มิตาเกะ คนไทยรู้จักมิตาเกะจากอมตะนิยายข้างหลังภาพ ของคุณศรีบูรพา ซึ่งผมขอคัดมาสักนิดนะครับ “ ภาพนั้นเขียนด้วยสีน้ำ มีชื่อ "ริมลำธาร" ปรากฏอยู่ที่มุมล่างด้านซ้าย ฝีมือเขียนอยู่ในระดับธรรมดาๆ แต่พอจะมองเห็นเค้าโครงร่างของคน 2 คนนั่งเคียงคู่กันอยู่บนก้อนหินใต้ต้นไม้ริมลำธารที่บ่งบอกสถานที่ไว้ด้วยว่า "มิตาเกะ" จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ใครหลายคน อาจจะรู้จัก "มิตาเกะ" ว่าเป็นชื่อภูเขาลูกหนึ่ง อยู่ที่ชานกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่จะรู้ว่า ภาพ "ริมลำธาร" มี "ข้างหลัง"... "ข้างหลัง" อันเป็นอดีต - เป็น "ข้างหลังภาพ" แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ บริสุทธิ์ งดงาม ในหัวใจของชายหญิงคู่หนึ่ง ...นพพร กับ ม.ร.ว.หญิงกีรติ ” นั่นคือข้อความเปิดเรื่องของ ข้างหลังภาพ บทประพันธ์คลาสสิกของ ศรีบูรพา หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ เผยแพร่เป็นครั้งแรก ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน ถูกตีพิมพ์วันต่อวัน เริ่มตอนแรกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2479 ต่อเนื่องกันไปจนถึงวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2480 ...... จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 19:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเดินเก็บภาพบรรยากาศริมลำธาร ซึ่งก็มีชาวญี่ปุ่นมาทำกิจกรรมกัน เช่นตกปลา วาดภาพ เดินป่า และถ่ายภาพกัน ส่วนผมก็พยายามจินตนาการและสอดส่ายสายตาว่า ภาพริมลำธาร จาก ข้างหลังภาพนั้น คือส่วนไหนของมิตาเกะ ......แล้ว คุณนพพร และคุณหญิง เดินเล่นและนั่งคุยกันตรงไหนหนอ.................... จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 20:00:27 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มิตาเกะ ...... เป็นแหล่งพักใจ ลดความกังวล เพิ่มภูมิต้านทานความสงบให้แก่ผมเพื่อกลับไปต่อสู้ในเมืองใหญ่ต่อไป ....... แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 52 00:38:34 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 20:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กิจกรรมต่างๆ ในการสร้างความสงบแห่งจิตใจ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 20:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เป็นเพราะธรรมชาติที่สดชื่น อากาศสะอาด และ ความงามที่ไม่สามารถจะบรยายได้ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 20:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 การเดินทาง ** นั่งรถไฟเจอาร์จากสถานี Shinjuku Station ไปลงรถที่สถานี Ome Station หลังจากนั้นก็ต่อรถไฟขึ้นเขาไปอีกประมาณ 7-8 สถานี ก็ถึงสถานี Mitake Station เลยครับ ใช้วเลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ภาพนี้เป็นใบปิดภาพยนตร์ที่สถานี Ome ผมถ่ายตอนช่วงรอรถไปมิตาเกะ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 20:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมขอบจบทริปโตเกียวไว้กับใบปิดภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany ซึ่งเป็นหนังในดวงใจของผม ผมดีใจมากครับที่ได้ถ่ายรูปใบปิดนี้ แล้วผมกันใหม่ตอนหน้า Photo Diary : SEASONS CHANGE IN JAPAN ตอนที่ 3 : เยี่ยมหลวงต่อโตแล้วไปกินราเมงต่อที่ Kamakura & Yokohama สวัสดีครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 20:11:13 ]

ความคิดเห็นที่ 36 รูปในกระทู้ที่แล้ว (ใบไม้แดง) กับทู้นี้ช่วงต้นเป็นคนละทริปกันใช่ไหมคะ จากคุณ : scottie - [ 21 เม.ย. 52 21:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ scottie ถูกต้องครับ ผมนำหลายๆ ทริปมามิกซ์รวมกันครับ แต่แยกออกมาเป็นที่เที่ยวในแต่ละเมือง ซึ่งต่างจากครั้งที่แล้วที่วันเดียวเที่ยวหลายที่ ... ขอบคุณครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) - [ 21 เม.ย. 52 21:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวยมากทุกรูปเลยค่ะ สวยจนพูดไม่ออก คำบรรยายให้ความรู้สึกเหมือนตามไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ ชอบค่ะ ชอบมาก จะคอยตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 21 เม.ย. 52 23:50:54 ]