สวัสดีครับเหมือนเช่นเคยระหว่างที่รอ "บันทึกแห่งการแสวงหา... ในก้อนเมฆ" ซึ่งจะลงทุกวันที่ ๑ กับ ๑๕ ของทุกเดือน ผมยังพอมีเรื่องสั้นที่เขียนไว้อยู่ เลยเอามาให้เพื่อนๆ ชาวถนนนักเขียนได้อ่านเป็นการฆ่าเวลา
หากอ่านแล้วลงชื่อเป็นกำลังใจจะขอบคุณอย่างสูง
แต่หากอ่านแล้วช่วยวิพากษ์วิจารณ์จะขอบคุณอย่างสูงยิ่งกว่า ^_^
.........
เอามันไปเลี้ยงเถอะครับ ปล่อยไว้ก็ตาย
ลุงเดชภารโรงของโรงเรียน ชี้ให้ผมดูลูกหมาสองตัวที่กำลังเล่นอยู่ในสนามฟุตบอล มันคงไม่รู้ถึงสถานการณ์ของตัวเอง เจ้าตัวสีขาวโถมตัวน้อยๆ ของมันเข้าใส่เจ้าลาย พร้อมกับอ้าปากงับไปตามใบหู ซอกคอ แต่คงจะน่ารำคาญมากกว่าเจ็บปวด เจ้าลายเบี่ยงตัวหลบซ้ายทีขวาที ไม่ได้โต้ตอบใดๆ เจ้าขาวได้ใจรุกไล่ใหญ่ แต่พอเจ้าลายฮึดสู้ขึ้นมาเจ้าขาวก็หงายท้อง เจ้าลายขึ้นไปทับบนตัวและงับไปที่คอเป็นการเตือนว่า อย่าซ่า เจ้าขาวทำนิ่งๆ เหมือนจะยอมแพ้ แต่พอเจ้าลายปล่อยเจ้าขาวก็จะตั้งท่าชวนหาเรื่องขึ้นมาอีก
คอกนี้มีอยู่ห้าตัว ออกมาได้ไม่กี่วันแม่มันก็ถูกรถชนตาย ลุงเห็นแล้วสงสารจึงเลี้ยงไว้ มีอะไรก็ให้มันกิน แต่ไม่รอด ตายไปแล้วสามตัว เจ้าสองตัวนี่อึดหน่อย แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ก็คงไม่รอดเหมือนกัน
แล้วผมจะเลี้ยงมันยังไงล่ะลุง
ก็ให้มันกินนมไปก่อน พอมันโตขึ้นก็ให้กินแบบเรานี่แหละ เอาง่ายๆ
แต่ผมกลัวมันตาย
สุดแล้วแต่เวรกรรมเถิดครับ ปล่อยไว้มันก็ตายอยู่แล้ว
ผมหันกลับไปมองอีกครั้ง พวกมันยังคงเล่นกันอยู่เหมือนเดิม ลองปรบมือเรียก พวกมันหยุดเล่นหันมามองอย่างสนใจ เอียงคอทำท่าสงสัย ปรบมือรัวขึ้นอีกหลายครั้งแล้วกวักมือ
มาๆๆๆๆๆ เร็ว
เจ้าอันธพาลสีขาวควบตรงดิ่งมาที่ผม หูอ่อนๆ ของมันสะบัดขึ้นลงไปตามจังหวะการวิ่ง ดูเหมือนกำลังกวักมือเรียกแล้วบอกว่า รอด้วย เมื่อมาถึงก็ทำหูรู่ ก้มหัว ยื่นจมูกเข้ามาดมมือของผมที่กำลังยื่นไปลูบหัวมัน แลบลิ้นเลีย ส่วนเจ้าตัวลายเดินเข้ามาช้าๆ หยุดนิ่งอยู่ห่างจากผมราวสองสามก้าว จ้องนิ่งเหมือนกำลังจะถามว่า จะเอาผมไปด้วยหรือเปล่า
มา ไปด้วยกัน ผมเอ่ยขึ้น ไม่น่าเชื่อ! เหมือนมันจะเข้าใจ เดินเข้ามาช้าๆ ผมยื่นมือออกไปมันก้มหัวลงรับการสัมผัสนั้น แล้วซุกตัวเข้ามาหมอบอยู่แทบเท้าของผม
มาถึงบ้านผมหยิบนมสดมาสองกล่อง เลือกถ้วยเก่าๆ สองใบมอบให้เป็นของรับขวัญ สวนหลังบ้านกว้างมันเลยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน จะเรียกมันว่าอะไรดีนะ... เจ้าตัวขาวนั่นเรียกว่า ถุงเงิน ส่วนเจ้าลายน้ำตาลขาว เรียก ถุงทอง ดีกว่าคล้องกันดี แต่คงต้องถามความเห็นมันก่อน ผมเป็นคนไม่ชอบบังคับจิตใจ
ถุงเงิน ถุงทอง มากินนมเร็ว
ไม่รู้เพราะอะไร รู้แต่ว่าทั้งสองวิ่งแข่งกันมาที่ผมทันที จึงสรุปเอาว่า มันชอบชื่อนี้แหละ ผมแกะนมเทใส่ถ้วยให้มันตัวละหนึ่งกล่อง เพิ่งรู้ว่าก่อนที่หมามันจะกินอะไรมันจะดมก่อน แต่การดมของแต่ละตัวไม่เหมือนกัน เจ้าถุงเงินดมสอง สามครั้งกินเลย ส่วนเจ้าถุงทองท่าทางจะระมัดระวังตัวแจ ดมอยู่ตั้งห้าหกครั้งถึงจะเริ่มกิน
หลังจากกินนม ผมตั้งใจจะขัดสีฉลีวรรณให้มัน โดยเริ่มที่เจ้าถุงเงินก่อน จึงฉีดน้ำจากสายยางใส่ทันที ประหนึ่งว่ากำลังยิงปืนเลเซอร์ใส่ศัตรู เมื่อโดนกระสุนน้ำเข้าไปเจ้าถุงเงินถึงกับ สะดุ้งโหยง! โกยแนบ เจ้าถุงทองก็พลอยวิ่งตามเขาไปด้วย สองตัวกับหนึ่งคนจึงวิ่งไล่กันจ้าละหวั่นอยู่ในสวน
ในที่สุดเจ้าถุงเงินก็ถูกกุมตัวโดยไม่ค่อยละม่อมเท่าไร และถูกสำเร็จโทษทันที คราวนี้ผมเอาขาหนีบ มันครางหงิงๆ เรียกร้องความเห็นใจ... แต่ไม่เกิดผล เจ้าถุงเงินก็ไม่ยอมเสียเหลี่ยม หลังจากอาบเสร็จมันสลัดน้ำใส่เป็นการแก้แค้นจนผมปียกปอนไปทั้งตัว
ถุงทอง
ผมเรียกเจ้าถุงทอง มันทำหน้า แอ๊บแบ๋ว มองมาที่ผมเหมือนจะถามว่า ทำไมหรือ? แต่พอผมเดินเข้าไปใกล้ มันก็หันหลังใส่เกียร์หมาเผ่นอ้าวไม่เหลียวหลัง ดูเหมือนเจ้าถุงเงินจะไม่ยอมถูกสำเร็จโทษตัวเดียว มันไล่งับเจ้าถุงทองพัลวัน ภายใต้การช่วยเหลือของเจ้าถุงเงิน เจ้าถุงทองก็ถูกสำเร็จโทษไปอีกราย เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ข่มเหงจิตใจ ผมสร้างบ้านให้มันตัวละหลังในสวนหลังบ้าน คงพอจะปลอบใจมันได้บ้าง
เช้าวันรุ่งขึ้นผมฝึกให้มันอึบนกระดาษจะได้ไม่ไปอึเรี่ยราด ตอนแรกมันคงจะยังเหนียมไม่ยอมอึ แต่วันต่อมามันก็เข้าใจว่าผมต้องการอะไร จึงอึบนกระดาษ หลังจากที่ผมจัดการห่ออึเสร็จ ก็ชมเชยด้วยการลูบหัว
เรื่องอึบนกระดาษนี่ ผมเคยลืมวางกระดาษทิ้งไว้ในตอนกลางคืน วันรุ่งขึ้นมันไปดักรอที่หน้าประตู เดินกระสับกระส่ายวนไปเวียนมา เมื่อเห็นผมก็ทำท่าทางเหมือนจะถามว่า เจ้านายลืมอะไรหรือเปล่า ตอนแรกผมก็สงสัย แต่พอนึกได้รีบเอากระดาษไปวาง พวกมันวิ่งด่วนจี๋ไปที่กระดาษ หมุนรอบตัวสองสามรอบ อึแตกทันที
นิสัยของเจ้าถุงทั้งสองแตกต่างกันมาก ถุงทองเรียบร้อย สงบเสงี่ยม ไม่ค่อยเห่า ส่วนเจ้าถุงเงิน ขึ้นชื่อในเรื่องความดื้อ ชอบเห่าเสียงดัง ต้องคอยกำราบด้วยไม้ขนไก่อยู่เสมอ
ความจริงมันไม่น่าจะกลัวไม้ขนไก่เพราะอันเล็กนิดเดียว แถมยังมีขนนุ่มๆ หุ้มอยู่อีก แต่ถ้าผมจับไม้อาญาสิทธิ์เมื่อใดเจ้าถุงเงินจะหยุดซนทันที ผมเคยเห็นมันแอบไปกัดไม้ขนไก่อยู่บ่อยๆ
เช้าวันหนึ่ง ความฝันอันแสนหวานของผมต้องชะงักลงเพราะผ้าห่มถูกกระชาก ลืมตาขึ้นก็เห็น นิสา น้องสาวของผมกำลังปั้นผ้าห่มผืนน้อยให้เป็นก้อนแล้วปาอัดลงมาที่ผม แสงแดดอ่อนๆ ที่พาดเข้ามาจากช่องหน้าต่างทำให้เห็นฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่ว
อะไรของแกว่ะยัยสา
พี่สิทธิ์! ไม่ต้องมาวะมาโว้ยเลย พี่ลงไปจัดการไอ้ถุงเงินให้สาเลยนะ
เรื่องอะไรอีกล่ะ
ก็ไอ้องครักษ์ของพี่มันกัดรองเท้าสาพังหมดแล้ว เพิ่งซื้อมาด้วย ไอ้ถุงบ้านี่
ถุงเงินไม่ใช่ถุงบ้า
นั่นแหละถุงเงิน วันนี้ถุงเงินพี่กระจุยแน่ ซื้อมาใช้สาด้วยนะ
พอได้ยินว่าต้องเสียเงิน เลือดลมของผมสูบฉีดทันที เดินลงมาอย่างหงุดหงิด เมื่อถึงประตู เห็นรองเท้าหูขาดกระจุย ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นรอยหมากัดแน่นอน หนังที่ใช้ทำรองเท้าคงอร่อย เจ้าถุงเงินถึงแทะซะขาดเป็นวิ่นๆ ทั้งสองข้างเลย
มองหาจำเลย... เห็นมันหลบอยู่ใต้ท้องรถ คงทำศึกกับนิสาไปรอบหนึ่งแล้วมั้ง
ไอ้ถุงบ้าของนิสาเหลือบมองตาปริบๆ คงกำลังดูอยู่ว่าผมจะเอายังไงกับมัน ผมหันไปหยิบไม้ขนไก่บนโต๊ะหินอ่อน แล้วเดินเข้าไปหา
ฮ่าๆๆ โดนแน่ไอ้ถุงเงิน
นิสาหัวเราะสะใจ แต่เจ้าถุงเงินเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินว่าจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างง่ายๆ วิ่งสวนออกมา ฟาดได้แค่ทีเดียว มันก็โกยแนบเข้าบ้านตัวเองไปเสียแล้ว ผมเดินตามไปเอาไม้เคาะบ้าน มันกบดานเงียบ
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเดินกลับมา โยนไม้ขนไก่ลงบนโต๊ะหินอ่อน
อะไร ทีเดียวเนี่ยนะ นิสาประท้วง
จะให้ทำยังไง ก็มันไม่ยอมออกมา
พี่ก็ลากมันออกมาซิ
มันเข้าบ้านไปแล้ว ขืนลากออกมา มันก็ฟ้องบุกรุกซิ ติดคุกหัวโตพอดี
โห...พี่สิทธิ์...เวอร์ว่ะ
ไม่ต้องพูดมาก ไปแต่งตัว เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จจะพาไปชื้อรองเท้า
พูดจบผมก็เดินขึ้นบันไดยังไม่ถึงห้าขั้น นิสาก็เริ่มแผลงฤทธิ์
แถมเสื้อด้วยนะ
เกี่ยวอะไรเนี่ย
อ้าว...ก็ค่าทำขวัญ
เฮ้ย! มีงี้ด้วยเร๊อะ
ผมหันกลับไปประท้วง แต่ไม่ทัน เจ้าน้องสาวตัวดี แวบไปเสียแล้ว
พี่ว่าแกก็เจ้าเล่ห์พอๆ กับเจ้าถุงเงินนั่นแหละ
ผมตะโกนกรอกเข้าไปในห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
กิจวัตรที่เจ้าถุงทั้งสองต้องทำคือ ส่งผมไปทำงานตอนเช้า และมาคอยรับที่หน้าบ้านตอนเย็น ซึ่งมันทั้งสองก็ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยามเย็นเมื่อเห็นรถของผมเคลื่อนเข้ามา เจ้าถุงทองจะควบเหมือนม้าพยศ วิ่งวนไปมาระหว่างรถกับสวนหลังบ้านอย่างเอาจริงเอาจัง คึกสุดๆ เมื่อผมลงจากรถมันจึงหยุดวิ่ง เดินหูตูบเข้ามา ยื่นหัวให้ผมลูบเหมือนเป็นการทักทาย
แต่เจ้าถุงเงินจอมกวนไม่วิ่งไปไหน มันจะยืนนิ่งรอให้ผมลงจากรถแล้วกระโจนใส่ หากหลักไม่ดีอาจล้ม แต่ถึงจะเตรียมพร้อมอยู่แล้วในบางครั้งก็ยังพลาดถูกเล็บของมันได้แผลเหมือนกัน
ครั้งหนึ่งผมแก้เผ็ดมันด้วยการวิ่งไปที่โต๊ะหินอ่อน มันวิ่งตามเข้ามา ผมหันหลังเอาไม้อาญาสิทธิ์ชี้หน้า เมื่อเห็นไม้ขาทั้งสี่ติดเบรกทันที แต่ไม่ทันเสียแล้วตัวมันไถลไปชนโต๊ะ
โครม!!!
พวกเราหมายถึงแม่ ผมและนิสา หัวเราะกันใหญ่ แต่มันไม่ขำด้วย แถมออกอาการงอนอีกต่างหาก เดินไปซุกตัวอยู่ในบ้านของมัน ไม่ยอมทักทายใคร เพิ่งรู้... หมาก็มีงอนเหมือนกัน
ตั้งแต่วันนั้นมาผมไม่เห็นไม้ขนไก่อีกเลย
จากคุณ :
วรบรรณ
- [
22 เม.ย. 52 19:03:40
]