Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน ท่อนแขนใครบนหาดทราย

    ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (หลอนครั้งแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7555350/W7555350.html
    ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (ฝูงผีบุก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7561061/W7561061.html
    ตอน ผีทวงสมอง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7569912/W7569912.html
    ตอน ช่วยด้วย
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7575674/W7575674.html
    ตอน หัวใคร ในทะเล
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7581096/W7581096.html
    ตอน ทำไมพี่ถึงไม่ช่วยผม!
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7589318/W7589318.html
    ตอน กลิ่น
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7650035/W7650035.html
    ตอน เขามาเตือน
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7630569/W7630569.html
    ตอน วิญญาณป่าที่เขาใหญ่
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7613807/W7613807.html
    ตอน เขามานำทาง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7664958/W7664958.html
    ตอน เหงามั้ยจ๊ะ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7689756/W7689756.html
    ตอน ผีถ้วยแก้ว
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7703708/W7703708.html
    ตอน ผีที่อินเดีย ตอนแรก
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7732635/W7732635.html
    ตอน เขา....มาเกาะที่ไหล่
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7754283/W7754283.html

    เรื่องที่ 16 ท่อนแขนใครบนหาดทราย

    เรื่องเล่าตอนนี้น่าจะเป็นนิยายย้อนยุค เพราะมันเกิดขึ้นในสมัยพี่ยังเป็นนักศึกษาสาว ใส วัยร่าเริง (อ้าว ทำไมทำหน้าแบบนั้นกันล่ะ) หากจะนับเป็นปีก็คงใช้นิ้วมือไม่พอ ดังนั้น อย่าไปอยากรู้มันเลย

    อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้ว พี่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดสงขลา ดังนั้นจึงได้ไปท่องเที่ยวชายหาดชื่อดังที่มีนางเงือกนั่งสาวผมอยู่บนหาดทราย แต่ในสมัยนั้นหาดที่ว่ายังสะอาดและบริสุทธิ์ ไม่มีร้านรวงมากมายเหมือนเดี๋ยวนี้ เรียกว่าตลอดระยะเส้นทางตั้งแต่สมิหลาไปจนถึงแหลมสนอ่อนน่ะ พอตกค่ำจะมืดและเปลี่ยวชนิดคนท้องถิ่นเองยังไม่กล้าเดินเลย

    เพราะเขากลัววิญญาณจากทะเลจะขึ้นมาลากลงไปน่ะสิ

    หากเป็นคนรุ่นเก่าคงจะพอได้ยินเรื่องราวของค่ายผู้อพยพที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับชนเรือมนุษย์ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน บ่อยครั้งที่พวกเรามักจะได้ข่าวว่าเรือเหล่านั้นลอยมาติดฝั่งที่ชายหาดตั้งแต่เก้าเส้งไปจนถึงแหลมสนอ่อนซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ไปรับและนำไปพักที่ศูนย์ แต่หลายครั้งที่ผู้อพยพมาไม่ถึงฝั่ง อาจจะเพราะโดนพายุหรือถูกกระแสคลื่นพัดออกมหาสมุทร หรือถ้าโชคร้ายหน่อยก็จะถูกโจรสลัดปล้นและจับพวกเขาโยนลงทะเล

    ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวบ่อยครั้งตลอดชายฝั่งจึงมักจะมีร่างของผู้เคราะห์ร้ายถูกคลื่นซัดมาติด และนั่นเป็นหนึ่งในข่าวลือเรื่องวิญญาณที่มักจะมาร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือจนไม่มีใครกล้าออกมาเดินบนชายหาด แม่ว่าจะเป็นช่วงชมจันทร์ที่สวยที่สุดก็ตาม

    แต่บางครั้งความหวาดกลัวก็ถูกกลบทับด้วยความคะนองของวัย

    พวกพี่แม้จะเคยได้ยินคำร่ำลือของวิญญาณบนชายหาดแต่ด้วยวัยที่กำลังอยากรู้และไม่ค่อยเชื่ออะไรนักประกอบกับอาศัยพวกมาก(อันนี้เป็นประเพณีนิยม คือพอมีพวกมีพ้อง ความกล้าก็ตามมาเอง แต่เวลามีเรื่อง พวกก็เผ่นไปก่อนทุกทีสิเอ้า)

    ออกทะเลอีกแล้ว กลับมา...

    สรุปก็คือเย็นวันหนึ่งหลังจากการสอบอันแสนจะหฤโหด เพื่อนในกลุ่มพี่ซึ่งมีประมาณสิบคนก็นัดแนะกันว่าจะไปนั่งเล่นที่แหลมสมิหลากัน โดยจะลงเดินกันตั้งแต่เขาตังกวนยาวไปจนถึงแหลมสนอ่อนแล้วค่อยนั่งรถกลับ อ้อ ลืมบอกไป เป้าหมายที่แท้จริงในตอนนั้นคือไปซื้อน้ำตาลเมา ซึ่งทั้งใหม่และสด ขึ้นชื่อมาก แถมอร่อยด้วย ดื่มแล้วก็ไม่ได้เมามายอะไรนอกจากครึกครื้นสนุกสนานเฮฮา เพราะแม้จะซ่าแต่พวกพี่จะไม่ทำตัวนอกกรอบ

    ไปถึงเขาตังกวนประมาณห้าโมงกว่า ตอนนั้นยังพอมีรถเข็นขายขนมอยู่บ้าง พวกพี่ก็รุมซื้อกันอย่างสนุกสนานและเดินกินไปเล่นไปบนชายหาด ทอดน่องกันไปเรื่อยกะว่าจะไปให้ถึงแหลม
    สมิหลาประมาณหกโมงเย็น ถามว่าระยะทางแค่นั้นทำไมใช้เวลาเดินกันนานนัก ก็มัวแต่ไปเสียเวลาวาดทรายเล่นมั่ง ทำท่าเลียนแบบการ์ตูนญี่ปุ่นมั่งที่วิ่งไล่กันแล้วหัวเราะอย่างไม่มีเหตุผลจนต้องหยุดพัก

    เพราะความที่มัวแต่เถลไถลกันนี่แหละ วันนั้นถึงมีเหตุต้องเผ่นกลับกันก่อนที่จะถึงจุดหมาย

    แม้จะเป็นชายทะเล แต่พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าได้เร็วเหลือเชื่อ ชั่วเวลาแค่ไม่กี่นาทีจากที่มีแสงสีส้มกับดวงตะวันกลมโตก็กลับกลายเป็นความมืดสลัวเพราะพระอาทิตย์ตกน้ำไปแล้ว บรรยากาศตอนนั้นเริ่มวังเวงเพราะร้านรวงต่างๆเริ่มปิด บรรดารถเข็นก็ทยอยกลับกันจนหมด เหลือแต่ทโมนกลุ่มเดียวที่ยังเดินท่อมๆอยู่บนชายหาด ซึ่งตอนนั้นไม่ค่อยจะเล่นกันแล้ว ต่างตั้งใจมุ่งหน้าไปที่แหลมอย่างเดียว

    ระหว่างที่เดินกันอยู่นั้นเพื่อนพี่ก็หันออกไปมองคลื่นที่วิ่งเข้ามากระทบฝั่ง แล้วอยู่ๆมันก็หยุดกึกและจ้องเขม็งคล้ายต้องการให้แน่ใจ จนเพื่อนที่เดินไปด้วยกันสงสัยและร้องถามว่ามีอะไร เจ้าเพื่อนคนนั้นตอบว่า

    เขาเห็นคนกวักมืออยู่ในทะเล

    แน่นอนว่าทุกคนไม่เชื่อ ก็ป่านนี้แล้วใครที่ไหนจะออกไปว่ายน้ำเล่นกันเล่า เพื่อนพี่เลยชี้ออกไปที่ทะเลและย้ำว่านั่นไง ทั้งหมดเลยหันไปดูพร้อมกัน ทุกคนต้องอ้าปากค้างเพราะเห็นเงาคล้ายมือของคนกำลังโบกไหวๆอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่น ในตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนมากับลมว่า

    ช่วยผมด้วย

    เอาผมขึ้นไปที

    หนาว

    เสียงที่ว่านั่นมันมาเป็นระลอกค่ะ แต่ละครั้งดังจนกลบเสียงคลื่นแถมฟังแล้วเย็นๆพิกล ตอนแรกพวกผู้ชายก็ทำท่าจะกระโดดลงไปแต่ก็มีเสียงร้องห้ามพร้อมกับเตือนว่า คิดให้ดี ใครจะออกไปเล่นน้ำตอนนี้แถมระยะห่างขนาดนั้นไม่มีทางที่เราจะได้ยินเสียงของเขาแน่ ทุกคนเลยชะงักและเริ่มลังเล ต่างก็จ้องมือข้างนั้นซึ่งดูเหมือนจะจมหายลงไปในน้ำแล้วเงียบไปเลย

    เอาไงดี

    พี่และเพื่อนมองหน้ากัน ตอนนั้นเองก็มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงวูบมากับสายลม คราวนี้ไม่ต้องรอให้ใครพูดอะไรแล้ว ทุกคนต่างจ้ำอ้าวมุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมาย ตอนนั้นมืดมากจนมองเห็นอะไรเป็นเงาดำๆไปหมด ดีที่พกไฟฉายมาด้วยเลยไม่ลำบากนัก ตอนที่กำลังเดินตามกันอยู่ๆคนที่นำหน้าก็เบรกพรืดและไม่ยอมก้าวอีกต่อไป พวกที่ตามหลังมาพลอยหยุดตามไปด้วยแต่ยังไม่ทันได้ร้องถามว่ามีอะไรทุกคนก็ต้องอ้าปากค้าง ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับ เพราภาพที่ไฟฉายส่องไปกระทบสิ่งที่กองบนหาดทรายนั้นเป็น

    แขนคน!

    เป็นแขนที่ขาดตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงมือ แม้จะเน่าเปื่อยจนบางนิ้วหายไปแต่ดูยังไงมันก็เป็นแขนคนแน่นอน พวกพี่ถอยหลังกรูดและเผ่นอ้าวขึ้นไปบนถนน กำลังคิดว่าจะทำยังไงก็พอดีมีตำรวจผ่านมาเลยขอให้ลงไปดู วุ่นวายกันอยู่พักใหญ่แถมโดนอบรมไปหลายกัณฑ์โทษฐานที่ค่ำมืดแล้วยังไม่กลับบ้าน พอให้ปากคำเสร็จเรียบร้อยก็แยกย้ายกันกลับ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการงานที่เหลือต่อไป

    มาคิดดู มือที่เห็นในทะเล คือแขนข้างนี้หรือเปล่า

    และถ้าเพื่อนลงไปช่วยจะเกิดอะไรขึ้น

    ที่สำคัญ เจ้าของแขนข้างนั้นเป็นใครกันแน่

    หลังเหตุการณ์ในคืนนั้น ใช้เวลาอีกสองสามเดือนกว่าพวกเราจะกล้าออกไปเดินที่ชายหาด ซึ่งเมื่อกลับไปเที่ยวเล่นกันอีกครั้ง พวกพี่ก็ต้องพบกับวิญญาณจากท้องทะเล จากการนั่งเหมาเรือเพื่อรับน้องใหม่

    ที่เกาะหนู เกาะแมว

    */*/*/*



    คุณ beautystone -ขอบคุณมากๆค่ะ คุณแม่ของมูนนี่มักจะสอนอะไรให้คิดเสมอ บางทีแค่สิ่งธรรมดาสามัญที่เราเห็นทุกวันจนชินตา ท่านก็นำมาสอนได้

    คุณ cenyou  คุณ scottie -ติดตามทุกตอนเลย ขอบคุณมากๆค่ะ

    "ดีนะแค่เกี่ยว ไม่ได้กอดคอไปด้วย"

    จากคุณ : โก้ (เซโก้4) -แค่นี้ก็กลัวจะแย่แล้วค่ะ ถ้ากอดคอคงเดินไม่ได้แน่

    คุณกุลธิดา (kdunagin) -ฟังประสบการณ์ที่คุณได้พบแล้ว น่ากลัวมากๆ มุนนี่เคยเจอรถมอร์เตอร์ไซด์ล้มคว่ำ คนขับครูดไปบนถนนนอนคว่ำหน้า พอพลิกเนื้อที่แก้มหายไปทั้งแถบ สยองมากๆ

    คุณ Artasi@ -มูนนี่ว่าเดี๋ยวนี้รถราเยอะแยะ ถึงจะมีอุบัติเหตุมากแต่เรื่องสยองคงลดน้อยลง นอกจากจะวิ่งตอนดึกๆช่วงแยกวังมะนาว

    คุณหริชา (หริชา) -เหมือนกันเลยค่ะ มูนนี่ก็ทำได้แค่แผ่เมตตา เคยนั่งเรือด่วนแล้วเจอศพลอยน้ำ ไม่กล้ามองเลยกลัวเขาจะเกาะมาอีก เข็ด

    คุณCoffee Maker -ขอบคุณมากๆค่ะ

    คุณสัมผัสรักในใจเรา -นั่นสิคะ ถ้าตอนนั้นส่องกระจกแล้วเห็นคนเกาะเหมือนในหนัง หัวใจวายแหง

    คุณ shusei -ต้องขออภัยในความไม่สะดวกจริงๆค่ะ จะพยายามโพสต์อาทิตย์ละครั้ง แต่ตอนนี้มูนนี่เร่งงานสี่เรื่องทำให้แทบไม่มีเวลาเขียนต่อ ส่วนผีที่อินเดียจะลงในตอนต่อไปค่ะ

    ขอบคุณผู้อ่านที่คอยติดตามเรื่องเล่าชุดนี้มากๆนะคะ

    จากคุณ : Moony_Lupin - [ 23 เม.ย. 52 16:38:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com