เรื่องสั้น
นักเขียน
เพทาย
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้เก่าคร่ำคร่า ที่โต๊ะเขียนหนังสือซึ่งชราภาพพอกัน
ตรงหน้าของเขามีกระดาษเปล่าซ้อนกันอยู่สองสามแผ่น
ปากกาลูกลื่นราคาถูกแทรกอยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือขวา
เขากำลังจะเขียนหนังสือ หรือที่ถูกเขาอยากจะเขียนหนังสือ
แต่ไม่มีตัวหนังสืออยู่บนแผ่นกระดาษบนโต๊ะ เพราะเขาไม่รู้จะเขียนอะไร
ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาคงจะควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ แล้วพ่นควันขึ้นไปบนเพดาน
แต่ในสมัยนี้ เขาเลิกสูบบุหรี่เสียแล้ว ไม่ใช่เพราะกลับจะเกิดโรคต่าง ๆ ที่โฆษณาอยู่ด้านหลังซองบุหรี่ทุกชนิด
แต่เป็นเพราะเขาไม่มีเงินซื้อมากกว่า
...................................................................................
เขาเป็นนักเขียน
เขาเคยเขียนเรื่องสั้นขายมานานแล้ว นานเท่าไรก็จำไม่ได้เหมือนกัน
ได้เงินเพียงเล็กน้อยไม่พอยาไส้ แต่เขาก็อยู่มาได้
ตั้งแต่ตัวคนเดียวจนเดี๋ยวนี้มีเพิ่มขึ้นขึ้นอีกสามชีวิต
คือเมียหนึ่งคนและลูกชายหญิง ไม่เกินเก้าขวบ
ด้วยการที่เมียของเขาร้อยพวงมาลัยขายมาตั้งแต่เริ่มพบกันจนถึงบัดนี้
...............................................................
เขาเขียนหนังสือด้วยดินสอก่อน แล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นปากกาลูกลื่น ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
แต่เดี๋ยวนี้นักเขียนทั้งหลายได้เปลี่ยนมาเขียนผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์กันทั้งนั้น
ส่วนเขาไม่มีจะเปลี่ยน ไม่มีแม้แต่สมัยที่ใช้เครื่องพิมพ์ดีด
เขาเขียนเรื่องสั้นไม่กี่หน้า แล้วก็ส่งทางไปรษณีย์ไปยังสำนักงานหนังสือพิมพ์
รายเดือน รายสัปดาห์ รายปักษ์ และรายลอตเตอรี่ เพราะเดี๋ยวนี้ไม่มีเรื่องสั้นในหนังสือพิมพ์รายวันแล้ว
เขาเขียนจนบรรณาธิการที่เคยรู้จักกัน ก็เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้าไปหมดแล้ว
แม้จะมีนักเขียนเรื่องสั้นเพิ่มขึ้นมาทดแทนคนที่หายไปอีกมากมาย
และก็มีหนังสือพิมพ์ชื่อใหม่ ๆ แนวใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกนับร้อยร้อยชื่อ
แต่เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะเขียนเรื่องขายได้มากขึ้น
เพราะเรื่องของเขาไม่ทันสมัยไม่เข้ากับรสนิยมของผู้อ่านในปัจจุบัน
เขาส่งเรื่องไปที่สำนักไหน ก็หายเงียบไปเสียเป็นส่วนมาก
ครั้นเอาเรื่องสั้นเก่าเก่าที่เคยพิมพ์ตามวารสารแล้ว มารวมเล่ม
แต่ไปเสนอที่สำนักพิมพ์ไหน ก็บอกให้รอไว้ก่อน หรือรับไว้พิจารณาแต่ก็หายเงียบไปเป็นปี
. ..........................................................................
แต่เขาก็ยังไม่เลิกเขียนหนังสือ แม้เมียเขาจะเคยค่อนขอดว่าเดี๋ยวนี้นักเขียนไส้แห้งมีเหลือ อยู่เพียงคนเดียวคือเขา
เขาน่าจะเลิกเขียนแล้วมาช่วยเธอร้อยพวงมาลัยขาย จะได้ทุ่นแรงเธอบ้าง
เพราะรายได้จากการขายพวงมาลัยของเธอ ได้ใช้เป็นค่าอาหารการกินทั้งสามมื้อ
ค่าหนังสือเรียน และค่าเครื่องแบบนักเรียนของลูกชายหญิง แม้จะไม่เสียค่าเล่าเรียน
และค่าเช่าบ้านอีกอย่างหนึ่งเท่านั้นที่ไม่ต้องเสีย เพราะเขาสร้างมันมาด้วยสองมือของเขาเอง
จากไม้ฝาลังบรรจุสิ้นค้า ที่เก็บมาจากห้างใหญ่ใกล้ ใกล้นั้น
แต่ก็รวมทั้งค่าเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ขวดดำดำที่เขาดื่มเป็นประจำด้วย
...................................................................................
เขาไม่เคยฟังเสียงเรียกร้องของเมีย และ อาจจะยักไหล่ไม่ให้เมียเห็นด้วย
เขาจะทำได้อย่างไร นักเขียนต้องกลายเป็นนักร้อยพวงมาลัย
ไม่มีทางจะเป็นไปได้อย่างแน่นอน เขาคิดอยู่ในใจ
เขาต้องเขียนหนังสือ เพราะเขาเกิดมาเพื่อเขียน
หนังสือ
ส่วนวันนี้เมียเขาไปทำงานประจำของเธออยู่ที่ปากซอย ลูกสองคนไปโรงเรียนวัดใกล้บ้าน
ตัวเขานั่งอยู่เดียวดายมานานหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังเขียนไม่ออก
ปากกาดูเหมือนจะแห้งกรัง
..................................................
...................................................
................................................................
เขาได้ยินเสียงวิทยุแหบแหบ ข้างบ้านส่งเสียงแกรกกรากจากการถ่ายทอดรายการ
ออกรางวัลสลากกินแบ่งประจำงวดต้นเดือน
เขาครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่ง
แล้วก็จรดปากกาลงบนกระดาษที่ว่างเปล่านั้น
เลขเด็ดจากอาจารย์นกกระเต็น............
สามตัวบน...............๐๐๗...................
###########
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
24 เม.ย. 52 05:14:27
]