จากเพลง
ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ
ในท่อนสร้อยเท่านั้น
*-*
หากฉันจะหลับตาลงสักครั้ง
และพบกับเธอผู้เป็นนิรันดร์
หากความรักเกิดในความฝัน
เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน
ปฏิทินได้บอกคืนและวัน
ดั่งที่ฉันไม่เคยต้องการ
แต่อยากให้เธอได้พบกับฉัน
เราสมรสโดยไม่มองหน้ากัน
จูบเพื่อล่ำลาในความสัมพันธ์
ก่อนที่ฉันจะปล่อยเธอหายไป
(โดยไม่รู้จักเธอ)
เพราะ MV ของเพลงนี้ ทำให้เกิดเรื่องนี้
หวิวเล็กๆ ค่ะ ^___^
ฉากที่หนึ่ง
ผมมองเงาสะท้อนของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเปิดช่วงไหล่ขาวพราวด้วยหยดน้ำ และท่อนขาอวบตึงแน่นด้วยเลือดเนื้อของวัยสาว หญิงสาววัยสะพรั่งเดินมานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จ้องมองใบหน้าผิวพรรณของตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาซับหยดน้ำ
...ผมอยากซับหยาดน้ำจากผิวกายคุณด้วยจุมพิต...
เหมือนความคิดของผมจะสื่อไปถึงเธอ รอยยิ้มหวานสะท้อนผ่านกระจกเข้าสู่ตา เธอวางผ้าลงมือเลื่อนกระปุกครีมกลับเข้าที่โดยไม่ได้ใช้ เปิดตู้หยิบเสื้อนอน ไฟในห้องดับลงด้วยนิ้วมือเรียว ท่ามกลางความมืดมิดนั้น ผมยังเห็นเงารางๆ ของร่างอรชร ผ้าที่ห่อหุ้มร่างอยู่ถูกปลดออกด้วยมือเจ้าของร่างเอง ก่อนเสื้อนอนเนื้อลื่นจะลูบไล้ผ่านลงมาจากเหนือศีรษะ สู่อกอิ่ม ค้างตรงเอวบาง มือเรียวยกขึ้นดึงผ้าให้ผ่านสะโพกกลมกลึง จนชายเสื้อหยุดคลอเคลียเพียงต้นขาอวบอิ่ม
ร่างอรชรทอดตัวลงนอนบนเตียงวางศีรษะบนหมอน ดวงตาเปล่งประกายจรัสก่อนจะพริ้มหลับลง รอยหยักบนเรียวปากงาม เธอจะฝันถึงใคร ฝันดี หรือว่า...
สัมผัสอุ่นๆ บนท่อนขาอวบ เรียกรอยยิ้มบางๆ ขึ้นบนริมฝีปากอิ่ม ...ผมอยากจะจูบซับหยดน้ำบนเรือนร่างของคุณ... ฉันขยับร่างเปิดทางให้ริมฝีปากร้อนๆ ได้ทำอย่างที่เขาต้องการ ฉันเคยขัดเขาได้หรือ
รอยทางร้อนๆ ไล่ความเย็นจากไป หยดน้ำเย็นๆ ถูกจุมพิตเปลี่ยนเป็นความชื้นอันร้อนระอุที่ฉันพอใจ เลื่อนไล่ขึ้นมายังลาดบ่า ลำคอ ฉันหงายหน้าไปด้านหลังเปิดทางได้ริมฝีปากร้อนก่อน ก่อนลมหายใจอุ่นๆ จะเป่ารดใบหน้า
คิดถึงผมไหม
ฉันควรจะคิดถึงไหม เราไม่รู้จักกัน
เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังเบาๆ ระหว่างเขากดจูบบนริมฝีปาก ฉันเผยปากออกรับแรงหัวเราะและรอยจุมพิตบางเบา ยกแขนโอบกอดรอบบ่ากว้าง เขามาแล้ว ชายหนุ่มในยามค่ำคืน คู่รักในคืนมืดมิด ความฝันที่ไม่อาจเป็นเรื่องจริง
ร่างอรชรเกี่ยวพันร่างหนาแข็งแรง บทเพลงแห่งความพิศวาส มนตร์ขลังแห่งแสงจันทร์ ความลึกลับของความมืดโอบล้อมสองร่างที่เกี่ยวกระหวัดราวกับไม่อาจจะพรากจาก เสียงใสหอบสะท้านหลุดรอดจากจุมพิตของชายหนุ่มผู้มาเยือน เขาไม่อยากให้สิ่งใดของหญิงสาวหลุดรอดไป เขาแหนหวงแม้เสียงยามเข้าสู่ห้วงหฤหรรษ์ของเธอ เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆ ก่อนกดจุมพิตลงดูดซับเสียงร้องอีกระลอกของร่างอิ่ม
จุมพิตแผ่วเบาบนแก้มนวล สุขเปี่ยมล้นอ่อนล้าจนไม่อาจขยับกายจูบตอบ ความนุ่มอบอุ่นโอบรอบกายกล่อมให้นิทราสู่ฝันอันแสนสุข
ฉากที่สอง
ฉันแอบมองเขาผ่านรอยแยกของประตู ร่างสูงก้มลงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว หมกมุ่นกับข้อมูลในเครื่องจนเสียงนาฬิกาบอกชั่วโมงดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของยามราตรี เมื่อนั้น จึงได้ยินเสียงถอนหายใจจากร่างสูง มือเรียวเคลื่อนไหวว่องไวบนแป้นตัวอักษร ก่อนจะลุกบิดตัวไล่ความเมื่อยขบ
ชายหนุ่มเจ้าของห้อง ก้าวไปทางห้องน้ำพร้อมๆ กับปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่าง ทิ้งลงในตะกร้าใบใหญ่ก่อนก้าวเข้าห้องน้ำ ร่างสูง ตึงแน่นไปด้วยมัดกล้าม ทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ ไม่นานชายหนุ่มออกมาพร้อมกับพันผ้าเช็ดตัวรอบเอว ใช้ผ้าอีกผืนเช็ดไปตามเรือนผม ใบหน้า บ่าและแผงอกกว้าง แสงไฟดับวูบลงทิ้งไว้เพียงรอยทางของแสงจันทร์ ร่างสูงดึงผ้าเช็ดตัวออกก่อนทิ้งร่างลงนอนคว่ำบนที่นอน ร่างกระดอนขึ้นเล็กน้อยเพราะแรงทิ้งตัว ชายหนุ่มเสือกตัวให้ทั้งร่างขึ้นไปอยู่บนเตียง ระบายลมหายใจออกมาพร้อมๆ กับปล่อยตัวให้เข้าสู่ห้วงนิทรา
มือนุ่มๆ ลูบไล้บนบ่าก่อนร่างนุ่มนิ่มจะแนบลงบนแผ่นหลัง ผมขยับยิ้มหากยังข่มใจนอนนิ่ง ความฝันยามราตรีของผมมาแล้ว ไม่มีใครหวานเกินเธอไม่มีใครร้อนแรงเกินเธออีกแล้ว ริมฝีปากนุ่มๆ ทิ้งจูบร้อนๆลงบนบ่า รอยทางความร้อนเลื่อนลงต่ำสู่เอว ก่อนที่ฟันเล็กๆ จะทิ้งรอยปลุกไว้บนบั้นท้าย
คิดถึงฉันไหม เสียงใสเอ่ยถามเมื่อผมพลิกตัวกลับ ดึงเธอเข้ามาในวงแขน
ผมควรจะคิดถึงไหม เราไม่รู้จักกัน
ผมเอ่ยเสียงเบากระซิบข้างใบหูบอบบางที่เห็นขาวนวลเมื่อต้องแสงจันทร์ปล่อยให้ส่วนอื่นๆ ของใบหน้าเป็นความลับ เป็นปริศนาต่อไป
เสียงใสหัวเราะแผ่วเบาเป็นคำตอบ ร่างอ้อนแอ้นขยับถอยลึกเข้าไปใจกลางเตียง สู่ความมืดที่มืดยิ่งกว่า ล่อลวงให้ตามคิดค้นหา ทิ้งเพียงข้อเท้าขาวผ่องไว้ท่ามกลางแสงนวล มือหนาคว้ายึดข้อเท้าบางเอาไว้ เริ่มดึงเธอออกมาช้าๆ พร้อมประทับรอยจุมพิตลงบนผิวนุ่ม รอยกัดหยอกเย้า เรียกเสียงหัวเราะก่อนหญิงสาวจะสะบัดหนีหลบเข้าสู่ความมืดปริศนา ชายหนุ่มโผตาม
ริมฝีปากสองคู่พบกันด้วยความกระหายคิดถึงรสชาติของกันและกัน สองมือต่างไขว่คว้าอีกฝ่ายราวกับเราจะไม่มีวันพรุ่งนี้ เสียงหอบปนเสียงสะอื้นเรียกการตอบสนองของร่างกายอีกฝ่าย เสียงครวญครางกระซิบราวกับขาดใจ ทำให้อีกฝ่ายเคลื่อนกายช้าลงราวกับจะปลอบขวัญ ก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายรุกเร้ากลับบ้าง เสียงกระซิบ เสียงเคลื่อนไหวในความมืดมิดนั้น เรียกความอิจฉาของพระจันทร์จนต้องหลบเร้นในเงามืดหวังให้สองร่างเคลื่อนย้ายมาให้ได้ยลสักเพียงนิด เสียงกระซิบกระซาบเคลื่อนไหวยังดังแผ่วจนดวงดาวกระพริบส่งแสงจางก่อนจะหาย
แสงแรกอรุณส่องให้เห็นรางๆ เพียงร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำนิ่งอยู่บนเตียงกว้าง และรอยจุมพิตแห่งราตรีบนบั้นท้ายตึงแน่นของชายหนุ่ม
จากคุณ :
pajan
- [
29 เม.ย. 52 11:18:08
]