บ่ายวันหนึ่ง...
กะอีแค่เรื่องสั้นเรื่องเดียว สองชั่วโมงก็เขียนเสร็จแล้วเฟร้ยยยย
คิดในใจพร้อมกับสบประมาทในใจอีกเหมือนกันว่าท้าใครไม่ท้า ดันมาท้ามืออาชีพ ชะ....
+ + + + + + + + +
บ่ายวันที่ลูกพี่ไม่อยู่ ลูกหนูย่อมร่าเริงเป็นธรรมดา ถึงแม้จะถูกวางระเบิดไว้ด้วยงานที่กองเต็มอยู่ตรงหน้า ตำราที่ต้องอ่านสอบในหลักสูตร Army Logistics ตบท้ายด้วยความรู้สึกหม่นเหงาเศร้าเพราะความรักที่ลุ่มๆ ดอนๆ อีก สัญญาณกระพริบด้านล่างของจอมอนิเตอร์ของโปรแกรม MSN ที่แอบเล่นตอนเจ้านายไม่อยู่ คนที่ทักทายมาคือชายหนุ่มที่เคยมีความสำคัญกับหัวใจเมื่อไม่นานมานี้
เขียนเรื่องสั้นแข่งกันมั้ย กำลังคันไม้คันมือ สมองกำลังแล่นปรู๊ดปร๊าด แต่ไม่มีคู่แข่งเลยไม่มีแรงบันดาลใจ มาลงสนามเขียนเรื่องสั้นแข่งกันดีกว่า
ประโยคแผลงๆ ที่เขาคิดขึ้นมาได้ท่ามกลางอากาศที่อบอ้าวก่อนฝนตกต้นเดือนพฤษภาคม
ตกลง ใครเอาเรื่องสั้นแปะบนบล็อคของตัวเองก่อนภายในสัปดาห์นี้ คนนั้นชนะ
ตัดรำคาญด้วยกติกาที่คิดว่าฉลาดเลิศที่สุดแล้วในเวลานั้น
ได้เลย ไม่มีปัญหา
เขารับคำท้าเป็นมั่นเป็นเหมาะ
แต่มีข้อแม้นะ
เริ่มเอะใจว่าเขาอาจจะเล่นตลก มีลูกไม้ใช้ความเจ้าเล่ห์ เอาชนะด้วยการโกง
ข้อแม้อะไรอีกล่ะ
ห้ามเอาเรื่องที่เขียนไว้แล้วมาย้อมแมวเด็ดขาด ต้องคิดใหม่เขียนใหม่ ทะลึ่งเอาเรื่องที่เขียนไว้แล้วมาแปะ จับได้ปรับแพ้
ไม่มีปัญหา ได้อยู่แล้วววววววววว
แล้วการแข่งขันก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะไม่มีกรรมการมาตัดสิน ไม่มีสินจ้างรางวัล แต่นั่นเป็นความพอใจและข้อตกลงที่สองฝ่ายมีร่วมกัน มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีและมิตรภาพ
มิตรภาพ ของคำว่าเพื่อนที่คำว่าคนรักและความรักเดินเฉียดผ่านเลยมาเพียงแค่ลมพัดใบไม้ไหว นับย้อนถอยไปเมื่อเกือบห้าปีก่อน กับมิตรภาพที่เกิดขึ้นเพราะมีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน และมากกว่านั้น นั่นเพราะประตูมิตรภาพได้เปิดต้อนรับให้เราเดินเข้าไปสู่เสี้ยวหนึ่งในโลกส่วนตัวของกันและกัน คำว่า เพื่อน จึงเกิดขึ้นและดำเนินต่อมา โดยที่ฝ่ายหนึ่งนั้นได้หารู้ไม่ว่าเพื่อนอีกคนคิดอะไรมากกว่าแค่เพื่อน หรือบางทีอาจรู้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักเอียงๆ เพียงข้างเดียวนั้นบรรลุเป้าหมาย เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น
รักเอียงๆ ในวันหนึ่งจึงสมดุลด้วยการยกธงขาวยอมแพ้ เพราะการเอาชนะใจคนที่ไม่รักก็ไม่ต่างจากการวิ่งไล่เงาเอาดอกไม้ทัดหูได้สำเร็จ จึงแอบบอกตัวเองเงียบๆ ว่าเมื่อใครคนหนึ่งไม่รักก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่รัก สักวันเราอาจจะเจอใครสักคนที่เกิดมาเพื่อเราจริงๆ ก็ได้ คิดได้ดังนั้นแล้วจึงยอมตัดเยื่อเหลือเพียงใยเอาไว้เป็นความทรงจำดีๆ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีความรักที่ไม่สมหวังแต่ก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้เก็บเอาไว้ได้ระลึกถึงบ้างในบางเวลาที่ไม่มีใคร
กะอีแค่เรื่องสั้นเรื่องเดียว สองชั่วโมงก็เขียนเสร็จแล้วเฟร้ยยยย
คิดในใจพร้อมกับสบประมาทในใจอีกเหมือนกันว่าท้าใครไม่ท้า ดันมาท้ามืออาชีพ ชะ....
ว่าจบก็วางงานทุกอย่างไว้ ตำราที่เอามากางตรงหน้าเสมือนว่าจะอ่านก็ได้แต่กางเก้ออยู่อย่างนั้น โปรแกรม MSN และเหล่าสรรพเสียงที่ทำลายสมาธิทั้งหลายถูกปิดลง และสิ่งที่เปิดขึ้นมาแทนที่คือหน้ากระดาษว่างๆ ของโปรแกรม MS Word ซึ่งพร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวที่จะถูกเรียกว่าเรื่องสั้น ณ ต่อไปนี้ เพื่อแข่งขันบนเวทีของมิตรภาพและอาการคันไม้คันมือ
นาฬิกาบนฝาผนังบอกว่าเวลาผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่านั้น และขณะกำลังบรรจงพิมพ์ถ้อยคำที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยคเริ่มต้นเรื่องสั้นได้ดีที่สุดลงไปบนหน้ากระดาษ มือถือก็สั่นไหวจนใจหล่นไปอยู่ที่เท้า สัญญาณเตือนข้อความ ส่งจากผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็น คนรัก ในปัจจุบันบอกว่า วันนี้งานยุ่งมาก นัดกินข้าวเย็นนี้ขอยกเลิกนะ สั้น ง่าย ได้ใจความ แต่ปวดร้าวเป็นที่สุด การใช้เวลาพิมพ์ข้อความ กับการกดเลขไม่กี่ตัวเพื่อโทฯ มาหา อย่างหลังน่าจะง่ายว่า แต่ คนรัก ก็เลือกใช้การส่งข้อความ อาจเพราะไม่อยากฟังถ้อยคำตัดพ้อต่อว่า หรืออาจเพราะกำลังอยู่กับใคร...
สิ่งหนึ่งที่ห้ามไม่ได้ คือห้ามใจของคน....
ข้อความที่กำลังถูกพิมพ์เป็นประโยคเริ่มต้นแจ่มๆ ของเรื่องสั้นในการแข่งขันครั้งนี้ จึงถูกทำลายด้วยความคิดเรื่องของคนรักเข้ามาแทนที่
คนรัก เข้ามาในชีวิตเงียบๆ หลังจากที่ยอมตัดใจจากรักเอียงๆ เพียงข้างเดียวไปไม่นาน ความรักที่ไม่เคยแน่ใจเลยว่าเป็นรักที่เกิดจากหัวใจหรือเพียงเพราะต่างก็ไม่มีใครในเวลานั้น เป็นความรักที่ต้องการใครสักคนจูงมือสร้างอนาคตร่วมกันหรือเป็นเพียงจูงมือกันเดินริมหาดทรายเท่านั้น ความรักที่ต้องการใครสักคนเอาใจใส่ดูแลหรือเพียงแค่หาใครสักคนไว้คุยแก้เหงา และดูเหมือนเขาจะยังพึงพอใจกับการใช้ชีวิตแบบไร้เป้าหมายปลายประสงค์อย่างที่เคยเป็นแต่ก่อนมา ความรักที่เป็นอยู่นี้จึงอาจไม่ใช่ความรักจริงๆ เมื่อเขาต้องการใครสักคนเพียงแก้เหงาในบางห้วงแห่งเวลาที่ความเหงานั่งเคียงข้างเกาะแขนเขานานเกินไป เขาเคยอิจฉาคนที่เดินเคียงข้างจูงมือกันอยู่ริมทะเล และโกรธเคืองโชคชะตาที่ทำให้ความรักของเขาล้มเหลวทุกครั้งที่เกิดขึ้น มันผ่านไปบ่อยครั้ง จากความเจ็บปวดกลายเป็นชาชิน และท้ายที่สุด เขาก็ไม่รู้จักความรักมากไปกว่าแค่ต้องการใครสักคนมาเป็นเพื่อนแก้เหงาเท่านั้น ความรักครั้งนี้จึงเกิดขึ้น
เพียงเพราะแค่คนเหงาสองคนมาพบกัน
ช่างเถอะ ไม่กินข้าวด้วยกันสักมื้อก็ไม่เห็นจะเป็นไร
บอกตัวเองอย่างนั้น ทั้งที่ก็รู้ดีว่าเป็นการปลอบใจไปลมๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ทัศนคติที่มีต่อกันยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
และขณะที่ตั้งสมาธิอีกครั้ง ตัวหนังสือตัวแรกก็กำลังถูกบันทึกลงบนหน้ากระดาษอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ก็สั่นไหวเป็นจังหวะต่อเนื่องพร้อมแสงไฟกระพริบถี่แสดงให้รู้ว่ามีสายโทฯ เข้า
บางที เขาอาจจะโทฯ มาบอกว่าไปกินข้าวเย็นด้วยกันได้แล้วก็ได้
ฮาโหล ตื่นแล้วจ้ะแม่... มาทำงานสายนิดหน่อย รถติดบัน-ไล เลยจ้ะแม่ แล้วตอนนี้ก็บ่ายแล้วแม่ มาถึงที่ทำงานนานมากแล้ว เพราะแม่รู้ว่าการตื่นสายเป็นคุณสมบัติที่แก้ไม่หายอย่างหนึ่งของลูก ประโยคแรกที่แม่มักจะติดปากถามคือ ตื่นหรือยังลูก
ตอนนี้ที่บ้านฝนกำลังจะตกนะลูก แต่ไฟดับทั้งบ้านหมู่บ้านเลย
ไฟดับอย่างนี้ทุกครั้งที่ฝนตกเหรอจ๊ะแม่
ลูกที่ดี กลับบ้าน (นอก) ปีละครั้ง ถามถึงเรื่องไฟฟ้ากับแม่ที่โทฯ ทางไกลมาด้วยความห่วงใยและคิดถึงลูก
โอ้ย ไฟฟ้าที่นี่ไม่ต้องรอให้ฝนตกหรอกลูก แค่หมาเห่าเฉยๆ มันก็ดับแล้ว
และอีกสองสามประโยคสนทนาก่อนจะวางสายไป ให้ลูกสาวได้ชื่นบานในหัวใจ อย่างน้อยที่สุดในวันที่ไร้แรงใจ คนที่จะอยู่เคียงข้างเสมอก็คือครอบครัวนั่นเอง
และนาฬิกาข้างฝาก็บอกเป็นนัยว่าอีกสิบห้านาทีจะครบสองชั่วโมง โดยที่เรื่องสั้นสักเรื่องนั้นยังไม่เริ่มต้น...แต่เอาเถอะ เหลือเวลาอีกตั้งสองวันถึงจะครบสัปดาห์ หมอนั่นไม่มีทางเขียนเรื่องสั้นได้เร็วกว่าแน่นอน เพราะสมองส่วนการประมวลผลด้านศิลปะของเขาทำงานช้ากว่าส่วนที่ประมวลผลด้านตรรกศาสตร์ อนุมานได้ว่าเขาสามารถคิดเลขได้เร็วกว่าคิดพล็อตเรื่อง หรืออย่างน้อยที่สุดเขาก็ใช้การจิ้มแป้นคีย์บอร์ดมากกว่าการพิมพ์สัมผัสแหละนะ นี่คือข้อได้เปรียบในการแข่งขันครั้งนี้โดยที่เจ้าตัวไม่ได้เอะใจเลยว่ากติกาที่ถูกตั้งขึ้นนั้นแอบเอาเปรียบอยู่เล็กน้อย
น่าแปลก ที่เมื่อถึงเวลาหนึ่งแล้วคนที่เคยถูกรักปักอกปักใจ มาวันหนึ่งจะต้องมารบกันในสนามตัวอักษร แม้จะเป็นคู่แข่งหลอกๆ เป็นการแข่งขันเล่นๆ เพื่อฝึกฝนตัวเองในการเขียนเรื่องสั้น แต่ความรักนั้นก็ไม่ได้เหลือทั้งเยื่อและใยเอาไว้อีกเลย นอกเสียจากความเป็นเพื่อนแท้ๆ ที่ต่างก็รู้ดีว่า นั่นคือสิ่งที่เรามีต่อกันโดยไม่มีเงื่อนไข
หน้ากระดาษยังว่างเปล่า เรื่องราวไม่ถูกเล่าเป็นเรื่องสั้น หนังสือไม่ถูกหยิบขึ้นมาอ่าน และข้อความในมือถือนั้นต่างหาก ที่รบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา กระทั่งตกเย็นเลิกงานขับรถกลับบ้าน
Madness in the Darkness คนที่เคยเป็นคนที่ถูกรักและปัจจุบันนั้นคือคู่แข่งในสนามตัวอักษรได้โทรศัพท์มาหา
ไงจ๊ะที่รัก ยอมแพ้แล้วใช่มั้ยล่ะ บอกแล้ว เขียนเรื่องสั้นอ่ะชิวๆ ริอ่านจะเอาชนะมืออาชีพ ต้องใช้เวลาหน่อยนะ
จีบปากจีบคอล้อเล่นกันเพลิดเพลินเพราะรู้ดีว่าเขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความเป็นเพื่อน
เปล่า ผมแค่มีพล็อตเรื่องเล่าให้คุณฟัง เพราะผมรู้ว่ายังไงๆ ผมก็พิมพ์ไม่ทันคุณหรอก แต่ผมมีพล็อตเรื่องมาเล่าแทน
เอ๊า อย่างนี้ก็ผิดกติกาสิ ก็บอกว่าใครแปะบล็อคก่อนชนะไง
ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจกว่าและที่สำคัญดูเหมือนเราจะแพ้กันทั้งคู่
หมายความว่าไงยะ
เมื่อกี้ตอนผมออกมาจากที่ทำงาน บังเอิญผมเห็นแฟนคุณ ไปกินข้าวเย็นกับแฟนผม
End
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
14 พ.ค. 52 08:47:55
]