Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ทะเลที่แปรปรวน

    “ทะเลแปรปรวน”

          เช้าที่ฉ่ำชื่นสดใสริมทะเลฝั่งอ่าวไทย น้ำทะเลสีครามเขียว ปนเกลียวคลื่นลูกไม่สูงมากนัก      พาพัดเป็นระลอกถี่เข้ากระทบชายฝั่งตลอดเวลา ลมทะเลพัดหวิวเอื่อยๆ  พอทำให้ใบสนที่แห้งปลิดปลิวร่วงหล่นลงสู่ขอบถนนปูน ตะวันดวงโตเริ่มทอแสงสีทองริมเส้นขอบฟ้า ส่องทาทาบประกายพรายน้ำเป็นระยิบตระการ น้ำค้างแต่งแต้มใบไม้และดอกที่เบ่งบานเริ่มแห้งเหือด เรือประมงน้อยใหญ่ลอยล่องเคว้งคว้างบนผิวน้ำ   ทำหน้าที่ของมันตามคำสั่งของกัปตันผู้บังคับควบคุม  นกนางนวลโผปีกกว้างส่งสำเนียง หลายชีวิตเริ่มต้นขึ้นพร้อมแสงสีทอง

    เงียบงันในความรกร้างของบ้านหลังน้อย   รั้วไม้ระแนงถี่สูงเคียงเอว  ถูกฉาบทาด้วยสีขาวนวล  ทางเดินจากรั้วประตูวางแผ่นหินทรายสี่เหลี่ยมเป็นระยะพอก้าว โรยรอบข้างด้วยหินแม่น้ำสีขาวตลอดทาง   ตลอดริมทางเดินเข้ายังตัวบ้าน    กล้วยไม้เหี่ยวเฉาสงบนิ่งไร้ชีวาบนกระถางที่ห้อยระโยง  เช่นเดียวกับพลูด่างที่เหลืองแห้งผูกห้อยระย้าไว้ใกล้กัน     สนามหญ้าหน้าบ้าน รกครึ้มด้วยหญ้านวลน้อยที่ปลูกไว้  แต่บัดนี้เหมือนขาดการตัดตบแต่งมานาน ถูกหญ้าเจ้าชู้ขึ้นแซมรก  ดอกลั่นทมสีขาวบานสะพรั้งบนยอดกิ่ง  และบ้างที่ร่วงหล่นเกลื่อนพื้น ต่างกับโมกซ้อนที่ใบเริ่มเหี่ยวเฉาขาดการรดน้ำดูแล  

    ทางซ้ายถัดจากทางเดิน หน้าต่างที่เคยเปิดกว้างรับลมทะเลกับถูกปิดตายสนิท ขอบหน้าต่างถูกฝุ่นผงครอบครอง ประตูทางเข้าถูกเปิดแง้มเพียงเล็กน้อย  เฟิร์นใบมะขามด้านข้างแห้งกรอบจากการขาดน้ำมานาน เพียงโมบายสีเงินเท่านั้นที่ส่งเสียงดูมีชีวิตชีวา

    แสงไฟในห้องถูกเปิดไว้อย่างสลัวๆ พัดลมเพดานตัวใหญ่ทำหน้าที่หมุนอย่างเชื่องช้า  หลายอย่างในบ้านดูรกระเกะระกะ ไร้การจัดเก็บ บนโต๊ะรับแขกหน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่    รูปภาพทั้งเก่าใหม่ถูกวางเกลื่อนกลาดบนโต๊ะ รวมอยู่กับกรอบรูปไม้สีน้ำตาลขนาดกลางที่ในนั้นมีรูปถ่ายของครอบครัว ใกล้กันบนโซฟาหนังสีครีมตัวยาว  หญิงสาวในชุดเสื้อกางเกงสีดำนอนหลับอยู่ด้วยความอ่อนเพลียและซูบโทรม

    ฝั่งตรงกันข้ามของโซฟานั้น  เด็กหญิงตัวน้อยในชุดนักเรียนสีขาวสดใส นั่งมองหญิงสาวด้วยสายตาที่เศร้าและหม่นหมองปนสงสัย   เธอนั่งนิ่งจนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายนาที  เด็กหญิงจึงตัดสินใจลุก เดินเข้าไปข้างกายหญิงสาว  พร้อมเขย่าตัวเธอเล็กน้อย
    “แม่ขา ตื่นเถิดนะ วันนี้หนูต้องไปโรงเรียน คุณแม่ไปส่งนะคะ”    เสียงเล็กๆดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจากเด็กหญิงนั้น
    แม้จะอ่อนเพลียและเหนื่อยล้ามาหลายวัน แต่ทุกครั้งที่หลับลง มันไม่เคยทำให้หญิงสาวหลับสนิทเลยสักครั้งเดียว   ครั้งนี้ก็เช่นกัน  ความเสียใจเศร้าหมองจากการจากไปอย่างกะทันหันของสามี อันเป็นที่รักและฝากความหวัง มันทำให้หัวใจแทบแตกสลาย  จนบ้างครั้งอยากจะตามเขาไปเสีย  

    เสียงเรียกเล็กๆข้างๆทำให้เธอลืมตาขึ้น  ร่างของเด็กหญิงตัวน้อย  ผมยาวสลวยกับกิ๊บสีชมพู ในชุดนักเรียนสีขาว ยืนอยู่ตรงหน้า  เธอเพ่งพินิจอยู่สักครู่ ก่อนจะรีบลุกนั่ง พร้อมดึงตัวเด็กหญิงเข้ามากอด

    “จ๊ะ   เดี๋ยวแม่ไปส่งหนูที่โรงเรียนนะ คุณแม่ขอโทษ” เธอกระซิบบอกเด็กหญิง

    “เราจะต้องเริ่มต้นใหม่ เราจะต้องอยู่ให้ได้   เพื่อนางฟ้าตัวน้อยคนนี้ของเรา”    เธอคิดในใจ

    .....................................................................................


    ดึกสงัดในค่ำคืนที่เงียบสงบ ร่างหนึ่งผอมและซูบโทรม ผ่านการอดนอนมาหลายคืนทีเดียว ทุกอย่างในร่างกายนิ่งไม่ไหวติง  มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่ทำหน้าที่ของมัน   คราบน้ำตาที่ไหลผ่านสองแก้มยังคงทิ้งร่องรอย ขอบตาที่บวมช้ำบ่งบอกถึงการร้องไห้มากครั้งและเนิ่นนาน  พัดลมเพดานหมุนวนอย่างเชื่องช้าและสม่ำเสมอเช่นเคย  รูปถ่ายวางเกลื่อนบนโต๊ะข้างหน้า แต่สายตากับเลื่อนลอยไร้ทิศทางและจุดหมาย       วาบหนึ่งในความคิด  ภาพแห่งความทรงจำที่ปวดร้าวผุดขึ้นอีกครั้ง

    หลายปีของความรักที่เพาะบ่ม  มันก่อกำเนิดดอกผลที่งดงาม   หลายปีที่ร่วมกันสร้างสัมพันธ์ครอบครัว   ที่สมบูรณ์พร้อม    ทุกอย่างที่คาดหวังและวางเป้าหมายดูลงตัว    เปี่ยมไปด้วยความสุข เด็กหญิงตัวน้อยลืมตาดูโลกคือของขวัญจากฝากฝั่งฟ้า    นางฟ้าตัวน้อยของครอบครัวคือความหวังที่คอยรอ   การก่อร่างสร้างครอบครัวเป็นไปอย่างเรียบร้อยและลงตัว ทุกอย่างดูมีความสุขที่สุด ที่ครอบครัวหนึ่งพึงกระทำได้ในเวลาไม่นานนัก ของชีวิต
    ริมทะเลที่แสงแดดยามเย็นสาดส่อง   ผิวน้ำทะเลเป็นประกายพรายระยิบ    ลมทะเลพัดใบสนร่วงหล่น  ทับถมบนพื้นหนานุ่ม  ผู้คน หนุ่มสาว เดินเล่น หยอกล้อ กลุ่มเด็กน้อยนั่งก่อกองทรายบนชายหาดอย่างสนุกสนาน บ้างวิ่งไล่จับปูลมล้มคว่ำ หัวเราะ ครื้นเครง   ผู้ใหญ่ปูสื่อนั่งจับกลุ่มพูดคุยสนทนาใต้ต้นสนมองดูลูกหลานเพลิดเพลิน หมาตัวใหญ่โดดโต้คลื่นที่พาพัดอย่างไม่เกรงกลัว

    เวลาหนึ่งมอเตอร์ไซค์คันเล็กแบบครอบครัว วิ่งเข้ามาในบริเวณ เด็กหญิงตัวน้อยนั่งด้านหน้าของผู้เป็นพ่อที่เป็นคนขับ  เธอหญิงสาวผู้เป็นทั้งแม่และภรรยานั่งเกาะเอวอยู่ด้านหลัง เป็นภาพที่ชินตาของผู้คนบริเวณนี้   ทั้งสามกำลังมาร่วมกิจกรรมในเวลาเย็นเช่นนี้เสมอๆ จนเป็นที่รักใคร่ของผู้คน   ขนมเล็กๆน้อยๆที่นำใส่ตะกร้า หน้ารถ ติดมาแจกจ่ายให้เด็กๆ บางครั้ง ผลไม้หรืออะไรที่สามารถนำมาเผื่อแผ่ให้แก่กัน มักมีติดมือมาเสมอๆ

    ทุกเช้าของวันธรรมดา  อาหารเช้าง่ายๆจะถูกจัดเตรียมโดยฝีมือของผู้เป็นแม่  หน้าที่ของนางฟ้าตัวน้อยหลังจากตื่นขึ้นมาคือ อาบน้ำและแต่งตัว ซึ่งชุดเสื้อผ้าผู้เป็นแม่ก็ได้จัดเตรียมไว้แล้วเช่นกัน   เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ  ใกล้เวลาที่พระคุณเจ้าเดินบิณฑบาตมาถึง นางฟ้าตัวน้อยจะมานั่งคอยอยู่บนม้าหินริมประตูรั้วหน้าบ้าน

    “แม่จ๋า หลวงพ่อมาแล้วค่ะ” เสียงเล็กๆตะโกนจากหน้าบ้าน บอกผู้เป็นแม่ เหมือนเดิมอย่างทุกวัน

    “หลวงพ่อขา รอก่อนนะคะ คุณแม่กำลังออกมาค่ะ” เสียงนั้นหันมาปรารภกับภิกษุด้วยความเดียงสา
    ใส่บาตร รับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน ก่อนที่มอเตอร์ไซค์คันเล็กจะทำหน้าที่ของมัน จัดการส่งทั้งสามคนให้ถึงจุดหมาย  

    .........................................................................................

    หลายปีดำเนินไปเฉกเช่นชีวิตครอบครัว     การทำงานอย่างหนักของทั้งพ่อและแม่  เพื่อหวังให้ครอบครัวมีมากขึ้น เทียบเคียงหรือมากกว่าครอบครัวรอบข้าง หวังเพื่อหน้าตาและการยอมรับของสังคมรอบข้าง เพราะแค่คิดว่าจะมีความสุขมากขึ้น    บ้านหลังใหญ่ขึ้น รถคันใหญ่ขึ้น ไม่มีมอเตอร์ไซค์คันเดิม ไม่มีเวลารับลมริมทะเลเหมือนเดิม  ไม่มีสามพ่อแม่ลูกเช่นเวลาก่อนเก่า   การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาน้อยลง เวลาแห่งความสุขที่เคยมีลาลับหาย เพื่อวาดหวังความสุขในอนาคต    แต่ใครเลยจะล่วงรู้เวลาแห่งความสุขจะอยู่กับเรานานเท่าไร  และในเมื่อวันพรุ่ง    เราไม่สามารถรับรู้ว่าอะไรจะมาเยือน    หรือจะเหลือเวลาไหมให้ตื่นขึ้นมาหายใจ

    ดึกสงัดในค่ำคืนที่เดือนมืดมิด  สายลมพัดโชย สุนัขเห่าหอนขานรับเป็นทอดๆต่อกันเหมือนการส่งสัญญาณแห่งความมืดเทา  เงียบงันในชุมชนและท้องถนน มีเพียงแสงไฟสลัวตามเสาเท่านั้นที่ส่องแสงทำหน้าที่อย่างแข็งขัน  

    หญิงสาวนั่งคอยการกลับมาของสามีอันเป็นที่รัก   ค่ำคืนนี้ช่างยาวนานยิ่งนักในความคิดแห่งการรอคอย   เขาผู้เป็นสามียังไม่กลับจากการทำงาน  ซึ่งเป็นเรื่องปกติเฉกเช่นทุกวัน  ต่างกันเพียงเวลาเท่านั้นที่คืนนี้มันเนิ่นนานเกินไปเสียแล้ว   ตีหนึ่งกว่าบนเข็มนาฬิกาบอกเวลา  มันไม่ปกติ  เพราะทุกครั้งเขาจะกลับไม่เกินห้าทุ่มเท่านั้น  โทรศัพท์มือถือถูกกดครั้งแล้วครั้งเล่า

    มีเพียงเสียงปลายสายที่ตอบอัตโนมัติแจ้งว่า “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”   เท่านั้น   ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เธอโทรสอบถามจากที่ทำงานของผู้เป็นสามี คำตอบที่ได้รับคือ สามีเธอออกจากที่ทำงานมาแล้วตั้งแต่สี่ทุ่ม มันเป็นคำตอบที่ไม่น่าพอใจนัก เขาหายไปใหน เขาเป็นอะไรไป ทำไมไม่กลับบ้าน ทำไมไม่โทรกลับมาบอก มันไม่ใช่นิสัยของเขานี่นา
    ความห่วงใย ความร้อนลุ่ม กระวนกระวาย เกิดขึ้นจนเธอไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้  เธอยังคงนั่งรอ  คอยการกลับมาของสามีต่อไป ด้วยความหวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไร และเขาจะกลับมา

    “กริ๊งๆๆๆๆ”เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นในความเงียบ   เธอกระวีกระวาดลุกไปรับโทรศัพท์ด้วยความหวังว่าจะเป็นเสียงสามีที่เฝ้ารอ   หลังจากได้ยินเสียงข้อความผ่านทางโทรศัพท์จากปลายสาย   ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนหยุดนิ่งและมืดสนิท ร่างกายหยุดนิ่งไม่ไหวติง ลมหายใจแทบจะหยุดเช่นกัน   หูโทรศัพท์ที่ถือเมื่อครู่หลุดล่วงจากมือโดยไม่รู้ตัว   ห้อยแต่งอยู่ข้างโต๊ะโดยไม่ได้วางสาย   เหงื่อไหลซึมทั่วใบหน้าและร่างกาย   แม้อากาศไม่ได้ร้อนเลยก็ตาม   “มันไม่จริงใช่ไหม ที่เราได้ยิน”

    ไฟกระพริบของรถตำรวจและมูลนิธิสว่างวูบวาบอยู่ทั่วบริเวณ  เจ้าหน้าที่ตำรวจและมูลนิธิวุ่นวายรายล้อมสิ่งหนึ่งที่อยู่บนพื้นถนน  ผู้คนใกล้เคียงที่ยังไม่หลับนอนยืนจับกลุ่มเฝ้าดูและพูดคุย  ริมถนนกลางซอยห่างไม่ไกลจากบ้านมากนัก    บนพื้นคอนกรีตของถนน  สิ่งหนึ่งใต้ผ้าดิบสีขาวหยุดนิ่งไม่ไหวติงแม้เพียงน้อยนิด   มีเพียงสีแดงสดคาวครุ้งที่ไหลรินและฉาบแดงบนพื้นทั่วบริเวณใกล้ผ้าขาวผืนนั้น  

    หญิงสาวแหวกเจ้าหน้าที่ที่รายล้อมจนถึงผืนผ้าขาว  เธอทรุดนั่งลงใกล้กับผืนผ้า มือน้อยๆที่สั่นเทาค่อยๆเอื้อมไปเปิดผ้าที่ปิดทับให้เปิดออก    ร่างๆหนึ่งที่เคยกอดนอนอยู่ทุกค่ำคืน นอนนิ่งไม่ไหวติงไร้ซึ่งลมหายใจ   เธอผวากอดร่างนั้นไว้ราวกลัวมันจะหายไป  กรีดร้องด้วยน้ำตาที่เอ่อท่วมใบหน้า รินไหลไม่หยุด  ไม่รู้ว่ามันมาจากส่วนใหนของร่างกาย  ไม่มีคำพูดที่จะเปล่งเสียง  ไม่มีการบอกลาจากเขา ไม่มีการบอกลาจากเธอที่เขาจะสามารถได้ยินหรือรับรู้   เสียงสะอื้นไห้ดังเนิ่นนานจนเธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  
    “สามีคุณถูกฆาตกรรม ปล้นทรัพย์”   เสียงตำรวจในที่เกิดเหตุ
    แต่เธอคงไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยในตอนนี้  แม้แต่เสียงของหวอรถตำรวจที่ดังอยู่ทั่วบริเวณ

    ....................................................................................................

    เวลาไม่เคยหยุดรออะไรและใครๆ  มันยังคงทำหน้าที่เดินหน้าต่อไป เช่นกันความตายไม่อาจย้อนได้เช่นดั่งเวลาเช่นกัน  ชีวิตที่ยังคงหายใจอยู่เท่านั้นที่ต้องดำเนินต่อไป  
    ความทุกข์โศกเศร้าตรมเก็บเกาะไม่ยอมจางหาย จากหัวใจของหญิงสาว    แม้จะผ่านไปหลายเดือนแล้วก็ตามที   แต่เธอจะทำเช่นไร  คงอยู่กับความเศร้าหมองปล่อยให้ชีวิตไร้จุดหมาย  หรือเดินหน้าต่อไปกับชีวิตที่ยังคงอยู่และนางฟ้าตัวน้อยบริสุทธิ์ที่อยู่เคียงข้าง

    ลมทะเลพัดเพียงแผ่วเบาพอให้เส้นผมปลิวไสวและใบสนร่วงหล่น  แสงนวลของจันทราจับต้องบนผิวน้ำในค่ำคืน  แสงไฟริบหรี่ของเรือน้อยสุดสายตาเข้าแถวเรียงราย  ผู้คนจับกลุ่มพูดคุยหยอกล้อ  บ้างวิ่งออกกำลัง บ้างเดินรับลมทะเลจักรยานและมอเตอร์ไซค์สวนทางแบ่งเส้นถนน  แสงไฟบนยอดเสาตลอดแนวให้ความสว่างนวล จับผิวถนนและริมหาดทราย   คลื่นเล็กๆพัดระลอกแล้วระลอกเล่า   ยังคงพลุกพล่านบริเวณชายหาดริมแนวสน  ชายหาดที่ทอดยาว  ใครสองคนเดินจูงมือย่ำเม็ดทราย


    “ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไปอย่างทุกข์และสุขปะปน เฉกเช่นทะเลที่ไม่เคยไร้ความแปรปรวนของคลื่นลม”    





    “นายดอกหญ้า”   21 May 2009

    จากคุณ : ดอกหญ้า บนทางดิน - [ 21 พ.ค. 52 21:43:26 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com