ผมเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันเล็กๆ ในซอย ผมทำหน้าที่ทุกอย่าง เป็นทั้งเถ้าแก่ และเด็กเติมน้ำมันในคนเดียว กัน
กิจวัตรของผมคือเติมน้ำมัน ขายของและคุยกับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
วันนี้ฝนตกแต่เช้า ...ผมก็่ตื่นแต่เช้าเช่นทุกวัน
ผมยืนเหม่อมองสายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมาไม่ขาดระยะ เรื่องราวในอดีตถูกรื้อขึ้นมาจากความทรงจำ ละอองฝนที่กระทบใบหน้าให้ความชุ่มช่ำ เย็นใจ "น่านอนฉิป" ผมคิด
เสียงข่าวจากจอโทรทัศน์เริ่มจะสู้เสียงของสายฝนที่ยิ่งหนักขึ้นๆ ทุกที ไม่ได้แล้ว ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตามองภาพที่ปรากฏบนจอ ฝนหนักอย่างนี้คงไม่มีใครมาเติมน้ำมัน ...
"ปี้ดๆๆๆ " เสียงบีบแตรจากรถมอเตอร์ไซค์ ฝ่าเสียงฝนเข้ามา ผมสะตุ้งตื่นหลังจากเคลิ้มไปเมื่อสักครู่ ผมวิ่งออกจากร้านเพื่อเติมน้ำมันตามปกติ ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงเธอคงมาจากต่างถิ่นเพราะผมไม่คุ้นหน้าเธอเลย
"ขอพักหน่อยนะคะ ฝนตกหนักมากเลยค่ะ" ผมพยักหน้า เมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้มาเติมน้ำมัน ผมชวนเธอเข้ามาพักในร้าน เธออาจจะต้องการเช็ดตัว
เธอตามผมเข้ามาในร้าน ผมไม่กล้ามองเธอ ทำได้แค่แอบมองตอนที่เธอเผลอ เธอดูสวยมาก ผมไม่กล้าวิจารณ์เธอมากไปกว่านี้
สักพักเสียงเรียกสายจากโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
"ฮาโหล...อยู่ทำที่ทำงาน"
ผมสะดุดกับประโยคสนทนานั้น
"ค่ะ กำลังทำงานอยู่"
ผมยิ้ม...เธอคงโกหก ปลายสาย ด้วยเหตุบางอย่างของเธอ ผมเคยได้ยินแบบนี้บ่อยๆ อย่างคราวที่แล้ว มีเด็กนักเรียนช่างกลเข้ามาเติมน้ำมันในปั๊ม มันบอกแม่ไปว่า ต้องปั่น มอเตอร์ ส่งอาจารย์...จะกลับบ้านดึกหน่อย ปั๊มน้ำมันของผมจึง กลายเป็นทั้งโรงเรียน ที่ทำงาน เป็นทุกอย่างเท่าที่ใครจะสรรหาให้เป็นไป
โทรศัพท์จึงทำหน้าที่เป็นเครื่องช่วยคนให้โกหกอย่างมั่นใจ โกหกโดยไม่ต้องปั้นหน้าใดๆทั้งสิ้น
"จ้า คิดถึงนะจ๊ะ" บทสนทนาของเธอจบลง ผมพอจะเดาออกว่า คนที่ปลายสายคงเป็นคนรักของเธอ
เธอหันมายิ้มอย่างเขินๆ ที่เธอปั้นเรื่องพกลมต่อหน้าต่อตาผมอย่างนั้น
ผมยิ้มตอบ สายตามองกลับไปที่หน้าจอทีวีตามเดิม...
สักครู่ มีรถกระบะเข้ามาจอดเทียบหัวจ่ายน้ำมัน เธอทำท่าทางลุกลน เมื่อเห็นรถคันนั้น
"อย่าบอกนะคะว่า ฉันอยู่ในนี้ มันจะตามมาทำร้ายฉัน"
ผมชักเริ่มสับสน "งานเข้าโว้ย" ผมพยักหน้าแล้ววิ่งฝ่าสายฝนออกไปอีกครั้ง
"เติมน้ำมันหรือครับ"
"เปล่าครับ ผมมาตามหาแฟน มีคนเห็นเธอหลบเข้ามาที่นี่ พอจะเห็นเธอบ้างไหมครับ" ผมจะบอกเขาว่าอย่างไร บอกตามที่เธอขอร้อง หรือจะบอกไปตามความจริง
ผมสับสนไปหมด น้ำเสียงที่นุ่มนวลเกินที่จะตามมาทำร้ายใครได้ ของเขาทำให้ผมตัดสินใจลำบาก... หรือว่าเธอโกหกผม เพื่อให้ผมโกหกผู้ชายคนนี้อย่างชอบธรรม ก็ในเมื่อเธอเพิ่งมาโกหกต่อหน้าต่อตาผมนี่
ไม่นะครับ ไม่เห็นใครเข้ามาเลย ผมต้องบอกไปอย่างนั้น อย่างน้อยถ้ามีการทำร้ายกันควรจะไปทำร้ายกันที่อื่นน่าจะดีกว่า
ไปดูที่ปั๊มซอยถัดไปสิครับ เผื่อคนที่คุณตามหาไปที่นั่น ผมแนะนำไปเพื่อเร่งให้เขาออกไปจากปั๊มของผมเร็วให้ที่สุด
ฝนหยุดตก ... ท้องฟ้าก็เริ่มเปิด และดูเหมือนเรื่องก็เริ่มคลี่คลาย
เธอเดินออกมาจากในร้าน ขอบ-อกขอบคุณผมเป็นการใหญ่ ผมไม่อยากซักไซ้เธอว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมแค่อยากให้เธอไปๆจากร้านผมเสียที
คู่นี้มันประสาทหรือไงว่ะผมบ่นในใจ ด้วยความหงุดหงิด
ขณะกำลังเดินกลับเข้าร้าน เสียงดังของรถมอเตอร์ไซค์ทำให้ผมหันกลับไปมอง ปรากฏว่าเป็นรถของตำรวจสายตรวจ นายตำรวจลงจากรถ เดินมาที่ผม
มีการโทรเเจ้งว่า มีการปล้นปั๊มน้ำมันครับ บอกว่าเป็นปั๊มนี้
คงผิดปั๊มแล้วครับ ปั๊มแถวนี้มีทุกซอยอาจจะเป็นปั๊มอื่น ผมยิ้มให้กับนายตำรวจ
นายตำรวจทำหน้าสงสัย เดินกลับขึ้นรถ แต่ระวังไว้นะครับ ช่วงนี้โจรปล้นตามปั้มน้ำมันมันเยอะ
ผมขอบคุณนายตำรวจคนนั้น แล้วเดินเข้าร้าน ความหงุดหงิดเมื่อสักครู่เริ่มคลายลง ผมเปิดลิ้นชักเงินเพื่อจะดูว่า...
ฉิปหาย ผมทรุดลงนั่งกับพื้น
"ฮาโหล...อยู่ทำที่ทำงาน"
"ค่ะ กำลังทำงานอยู่"
"จ้า คิดถึงนะจ๊ะ"
"อย่าบอกนะคะว่า ฉันอยู่ในนี้ มันจะตามมาทำร้ายฉัน"
"เปล่าครับ ผมมาตามหาแฟน มีคนเห็นเธอหลบเข้ามาที่นี่ พอจะเห็นเธอบ้างไหมครับ"
มีการโทรเเจ้งว่า มีการปล้นปั๊มน้ำมันครับ บอกว่าเป็นปั๊มนี้
ประโยคเหล่านี้ถูกปะติดปะต่อ กันอย่างรวดเร็ว
มิน่า มันถึงเอาปั้มกรูเป็นที่ทำงาน ขโมยเงินกรูยังโทรเเจ้งตำรวจให้กรูอีก
จบครับ...
จากคุณ :
เพราะคิดจึงทุกข์
- [
23 พ.ค. 52 22:45:02
]