Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เพราะฉันไม่ใช่นางเอก ตอนที่ 12

    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/11/W7228401/W7228401.html

    ตอนที่แล้วค่ะ

    ============


    บรรยากาศสบาย ๆ ในห้องรับประทานอาหาร  ซึ่งเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว  ยกหลังคาสูง  มุงด้วยจาก  โดยรอบของชายคาประดับด้วยดอกกล้วยไม้หลากสี  แต่แปลกตรงที่กระถางใส่กล้วยไม้  กลับเป็นถุงมันฝรั่งเลย์  ถุงขนมกรอบแกรบแทน  เรียงเป็นสีเดียวกันหรือสลับกันอย่างเป็นระเบียบสวยเก๋ไปอีกแบบ  หรือแขวนสลับด้วยต้นพลูด่างต้นเล็ก ๆ กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก  ด้านหน้าทางเข้าจะประดับด้วยต้นมะกรูดที่ตกแต่งกิ่งอย่างสวยงาม  สลับกับผักกาดม่วงในกระถางกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวหนึ่งศอก  คนที่เดินผ่านจะต้องหันมามองกันด้วยความทึ่งในความสมบูรณ์ของผักกาดม่วงกันเป็นแถว  มีดอกไม้พุ่มสีขาวที่ตัดแต่งเป็นรูปม้ายืนอยู่สองข้างของทางเข้าเท่มาก ๆ  ลมพัดเย็นโชยเข้ามาผ่านต้นไม้ร่มครึ้มรอบตัวอาคาร

    ผู้เยี่ยมชมทุกคนต่างประทับใจในรสชาดอาหาร ซึ่งปรุงด้วยพืชผักผลไม้อันหอมหวาน  กรอบอร่อยอย่างเป็นธรรมชาติ   ด้วยความสดใหม่อย่างไม่เคยรับประทานผักที่ไหนอร่อยเท่าที่ไร่ตะเกียงไพรแห่งนี้   ทุกคนจึงเจริญอาหารเป็นอย่างดี  รับประทานได้มากและทานด้วยความสบายใจเพราะปราศจากสารเคมีใด ๆ

    “อาหารอร่อยรึเปล่าคะ คุณเวสิยา”  หลานสาวเจ้าของไร่ถามไถ่เพื่อนสมัยเรียนของผู้จัดการไร่ตะเกียงไพรที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามข้างผู้จัดการไร่หนุ่ม

    ระบิลละสายตาจากจานข้าวตัวเองขึ้นมามองหน้าคนถามอย่างฉงน

    คนถูกถามส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนตอบ
    “อร่อยมากค่ะ  เป็นคนชอบทานผัก  ผักที่นี่อร่อยอยู่แล้ว มาขอระบิลทานบ่อย ๆ”  สาวสวยแกล้งพูดแหย่ถึงผู้จัดการไร่พลางปรายสายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างตนเล็กน้อย  ก่อนที่จะส่งสายตาคมสวยกลับมาจับจ้องใบหน้าใสของเด็กสาวดูปฏิกิริยาของเธอ

    ผู้จัดการไร่สะอึกเล็กน้อยเมื่อถูกพาดพิง  สายตามองคุณหนูตะเกียงด้วยความกังวล  ไม่รู้ทำไมต้องกลัวเธอจะเข้าใจผิด

    หลานสาวเจ้าของไร่รู้สึกสะกิดใจอยู่บ้าง  แต่ไม่สนใจว่าสาวสวยคนนี้จะมากินอะไรกับใครบ่อยแค่ไหนก็ช่าง  เธอไม่สนใจ  เพราะเธอไม่ได้เป็นอะไรกับใครซะหน่อย

    “มิน่า...คุณเวสิยาถึงได้หุ่นดีมากเลยนะคะ  เพราะชอบทานผักนี่เอง”    สาวน้อยพูดกลบเกลื่อนด้วยท่าทียิ้มแย้ม  มองสาวสวยที่สวมเสื้อยืดรัดรูปสีขาวเนื้อดีแนบเนื้อเผยให้เห็นรูปร่างส่วนโค้งเว้าสมส่วนชัดเจน  

    “ก็ทำงานเกี่ยวกับสปา ขืนอ้วนลูกค้าก็หมดความเชื่อถือสิคะ” พูดพลางหัวเราะ

    “ระบิลทานอันนี้หน่อยนะคะ  เดี๋ยวเวตักให้”  พลางตักอาหารส่งให้ระบิลด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย  

    “ทานตามสบายเลยนะครับ  ผมตักเองดีกว่า”  ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงเรียบ พร้อมกับยกมือปรามก่อนที่จะอีกฝ่ายจะตักมาถึงจานของเขา  โดยปกติผู้จัดการหนุ่มไม่ชอบให้ผู้หญิงมาวุ่นวายกับชีวิตมากนัก  โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าสาธารณะชนแบบนี้

    รวิวารหลบสายตาผู้จัดการไร่  ทำเป็นไม่สนใจ  แต่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความหนักแน่นเด็ดขาดชัดเจนของชายหนุ่ม

    “อะไรอร่อยที่สุดคะ  พี่วิราม”  คุณหนูตะเกียงหันไปถามเจ้าของฟิสเนสบ้าง

    “แหนมธัญพืชชุบแป้งทอดครับ  อร่อยมาก ๆ  ทานกับผักสด  หืม...สุดยอดเลย ”  หนุ่มหน้าคมรู้สึกเจริญอาหารเป็นพิเศษ  การได้ทานข้าวร่วมโต๊ะกับหลานสาวเจ้าของไร่ทำให้ทานได้มากกว่าปกติ  เพราะเธอทานอะไรก็ดูน่าเอร็ดอร่อยไปหมด

    “แล้วตะเกียงรู้รึเปล่าครับว่ามันใส่อะไรบ้าง  ทำยังไงเหรอ”  เขากลืนข้าวลงคอเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยถามต่ออย่างสนใจ

    “ทำไมจะไม่รู้ละคะ”  ผู้ช่วยจำเป็นตอบพลางยิ้มระรื่น

    “ก็ตะเกียงเป็นคนคิดเมนูนี้เองนี่คะ  ส่วนประกอบก็มีถั่วเขียว  ถั่วแดง ถั่วดำ  ข้าวฟ่าง  ข้าวบาเล่ย์  ข้าวกล้อง  ลูกเดือย  เม็ดบัว  เห็ดหูหนูดำ  เห็ดหูหนูขาว  และเห็ดนางฟ้า เอามาผสมกันใส่ซีอิ๊ว  กระเทียม เกลือ  เต้าหู้ยี้ค่ะ  แล้วหมักไว้ประมาณ 7 วัน”  สาวน้อยอธิบายอย่างคล่องแคล่วเชียว

    เนื่องจากแผนกอาหารธัญพืชของร้านค้าไร่ตะเกียงไพร  บางครั้งจะมีพวกธัญพืชขายไม่หมด  เธอจึงเสนอให้นำมาทำเป็นแหนม  จนตอนนี้ถือว่าเป็นอาหารเมนูเด็ดที่ขายในร้านค้าของไร่ตะเกียงไพรไปแล้ว

    “หืม...ใส่แต่ของมีประโยชน์ทั้งนั้นเลยนะครับ”

    “เห็ด 3 อย่างนี่มีประโยชน์ทางยาด้วยนะคะ  เขาบอกว่า เห็ดถ้าทานเดี่ยว ๆ ก็เป็นอาหารธรรมดาค่ะ  ถ้าทานคู่กัน 3 อย่างจะเป็นยาลดอนุมูลอิสระ  ลดการเติบโตเนื้องอก ลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งด้วยนะคะ”  สาวน้อยอธิบายเสียงแจ๋ว

    “เก่งจังเลย  ขอตัวไปเป็นแม่บ้านได้รึเปล่าครับเนี่ย” เขาหยอกเย้าเด็กสาวเล่น  สายตาคมจับจ้องอยู่ที่วงหน้าของสาวน้อยเป็นประกาย

    ผู้จัดการไร่ตวัดสายตามามองหน้าหนุ่มหล่อทันทีอย่างลืมตัว  ไม่รู้ทำไมหูมันต้องคอยฟังเขาจะคุยอะไรกันด้วยนะ!

    “คิดผิดคิดใหม่ได้นะคะ  กลัวพี่จะทานไม่ลงมากกว่าค่ะ”  เด็กสาวพูดพลางหัวเราะ

    “ฝึกไปอีกหน่อยก็อร่อยเองล่ะ  เดี๋ยวพี่ให้สอนเอง”

    หลานสาวเจ้าของไร่ทำตาโต

    “พี่ทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ”

    “เป็นสิครับ  ไม่งั้นจะคุมมุมอาหารสุขภาพได้ไงละครับ  เน้นว่า เพื่อสุขภาพ และอร่อยด้วยนะ”  หนุ่มฟิสเนตยิ้ม

    ผู้ช่วยจำเป็นคลี่ยิ้ม  ผู้ชายทำอาหารเป็นเนี่ย...ดูน่ารักจังเลย.....

    “คุณเวสิยาละครับ  ทำอาหารเป็นรึเปล่าครับ”  เขาหันไปชวนเจ้าของสปาคนสวยคุยบ้าง  จะชวนแต่เด็กฝึกงานคุยคนเดียวก็กระไรอยู่  ทั้ง ๆ ที่รู้สึกมีเรื่องอยากคุยกับหลานสาวเจ้าของไร่มากมายเหลือเกิน

    “เป็นนิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะ คงต้องให้คุณวิรามช่วยแนะนำบ้างนะคะ”

    “ยินดีครับ” พลางแจกยิ้มสวย

    “พี่วิรามลองทานผักนี้ดูสิคะ”  หลานสาวเจ้าของไร่ชี้ไปที่ผักสีเขียวใบไม่เล็กไม่ใหญ่ที่วางอยู่ในจานผักสด

    หนุ่มหล่อมอง ๆ แล้วลองหยิบขึ้นมาจิ้มน้ำพริกทานดูอย่างว่าง่าย

    “อืม...อร่อยดี เปรี้ยว ๆ  เรียกว่าผักอะไรครับ”

    เด็กสาวหันไปมองหน้าผู้จัดการไร่  เพราะเธอเกิดจำชื่อผักชนิดนี้ไม่ได้

    “ผักติ้วครับ”  ผู้จัดการไร่ตอบให้

    “ทานผักเก่งขึ้นนะครับ  แต่ก่อนเห็นไม่ชอบทานผักนี่นา”  วิรามจำความหลังได้  

    แล้วใคร?  ที่ทำให้เธอเปลี่ยนตัวเองได้กันนะ?  สมัยเด็ก ๆ เขาหลอกล่อให้เธอทานผักเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมหลงกลเอาซะเลย

    หนุ่มหล่อมองหน้าผู้จัดการหนุ่มอย่างสงสัย

    เขารึเปล่า?

    หรือจะเป็นคุณตาของเธอ?  หรือตัวเธอเองที่อยากเปลี่ยน?

    “ก็...มันไม่มีอะไรให้ทานมากกว่าค่ะ  แต่ทานบ่อย ๆ ก็อร่อยดีไปเอง”

    “ทานพุทราครับทุกคน  อร่อยมากเลย  ผมปลูกไว้ที่ด้านหลังของห้องอาหารนี่เอง”  ผู้จัดการไร่ขัดจังหวะการสนทนาอย่างหมั่นไส้เล็กน้อยถึงปานกลางมันตงิด ๆ ยังไงไม่รู้  พลางเลื่อนจานผลไม้ไทยมาตรงหน้าผู้ร่วมโต๊ะอาหาร  ลูกพุทราสีเหลืองอ่อนลูกกลม ๆ ใหญ่ประมาณนิ้วหัวแม่มือ  ผิวเรียบดูกระดำกระด่างนิดหน่อย  นอนสลอนอยู่ในจานเซรามิค  

    ยังไม่มีใครกล้าหยิบทาน  เพราะรูปลักษณ์ที่ไม่สวยปิ๊งน่ารับประทานเท่าไหร่นัก

    คุณหนูตะเกียงตัดสินใจหยิบมาทานเป็นคนแรก  เพราะอะไรก็ตามที่ผู้จัดการไร่เป็นคนปลูกมักจะอร่อยเสมอ  แม้รูปจะไม่สวยไม่งามก็ตาม

    “หืม…ระบิล  อร่อยจังเลย”  เธอเดาไม่มีผิด  หลังจากกัดลงไปคำแรก  รสชาดหวานอมเปรี้ยวพอดิบพอดี  รสนี้ใช่เลย

    “คุณเวสิยา  พี่วิรามลองทานสิคะ”  พูดหลังจากกลืนพุทราที่เคี้ยวแล้วลงคอไป  เชื้อเชิญผู้ร่วมโต๊ะทานผลไม้พื้นบ้าน

    เวสิยาเหลือบสายตามอง ผลไม้พื้นบ้านลูกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน  สีกระดำกระด่าง  บางลูกสุกจัดจนกลายเป็นสีส้ม

    “พี่วิรามลองทานสิคะ อร่อยมาก ๆ เลยนะ”  หลานสาวเจ้าของไร่หันไปคะยั้นคะยอหนุ่มหล่ออีกครั้งหลังจากเห็นเขายังลังเลอยู่  แล้วจัดการหยิบลูกสีเหลืองอ่อนเข้าปากรสชาดหวานอมเปรี้ยวชื่นใจจริง ๆ

    วิรามจึงลองหยิบมาทานดูบ้างเมื่อเห็นสีหน้าคนชวนทานน่าอร่อยขนาดนั้น  ทั้งที่รูปภายนอกของพุทรามันไม่สวยไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย

    “อร่อยรึเปล่าคะ”  เด็กฝึกงานถามเมื่อเห็นเขาเอาเข้าปากได้ซักที

    “หืม…อร่อยมากเลยครับ  รสนี้ครับ  ใช่เลย”  เขาทำหน้าตาจี๊ดจ๊าดเชียว

    “เห็นมั้ย…บอกแล้ว…”

    รวิวารอดแปลกใจไม่ได้  ส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะชอบผลไม้รสหวานมากกว่ารสเปรี้ยวนี่นา

    “ชอบรสนี้เหมือนกันหรือคะ”

    “พี่ไม่ชอบผลไม้ที่หวานอย่างเดียวครับ  ชอบผลไม้ที่หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ มากกว่า”  แล้วเอื้อมมือมาหยิบอีกลูกรอเข้าปาก

    “คุณเวสิยาไม่ลองทานหรือคะ”  ผู้ช่วยจำเป็นลองชวนอีกครั้ง

    “ขอบคุณค่ะ อิ่มแล้ว บังเอิญไม่ค่อยชอบทานรสเปรี้ยวด้วยน่ะค่ะ”  พูดจบหญิงสาวยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

    คุณหนูตะเกียงยื่นมือไปหยิบพุทราไทยลูกกลม ๆ ในจานอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้  จนเกือบหมดจาน  และเป็นจังหวะเดียวกันกับหนุ่มหล่อเอื้อมมือมาหยิบเช่นกัน

    “อุ้ย!” ชายหนุ่มอุทาน  “ขอโทษครับ”  เมื่อมือเขาบังเอิญจับถูกมือเธอเข้า

    หนุ่มหล่ออมยิ้มบาง ๆ ไม่นึกว่าจะบังเอิญใจตรงกันเลือกหยิบพุทราลูกเดียวกันได้

    เด็กสาวยิ้มแหย ๆ  รีบถอนมือออกจากฝ่ามือชายหนุ่ม  อดลอบมองผู้จัดการไร่ไม่ได้   รู้สึกเป็นกังวลยังไงไม่รู้   ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะต้องกังวลไปทำไม  เธอกับหนุ่มหล่อไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย

    “เตรียมตัวได้แล้วนะครับ”  ระบิลสั่งผู้ช่วยของเขาให้เตรียมพร้อมด้วยเสียงปกติ  แม้ในใจจะขุ่น ๆ เล็กน้อย  แต่พยายามบอกตัวเองว่า  มันเป็นความบังเอิญ  ไม่มีใครตั้งใจ  หรือถึงจะตั้งใจเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะไปต่อว่าอะไรใครทั้งนั้น  แล้วเขาก็ไม่รู้จะแสดงอาการไม่พอใจ  หรือประชดประชันออกมาเพื่อให้ได้ประโยชน์อะไร  พูดจบเขาขอตัวไปเตรียมงานต่อ

    “เดี๋ยวสิ! ระบิล  ลูกสุดท้ายแล้ว  ให้นายนะ  ลูกสุดท้ายแฟนสวยน้า…”  ผู้ช่วยจำเป็นหันไปเรียกผู้จัดการไร่ที่กำลังลุกขึ้น  พลางส่งเสียงล้อเลียน

    “ไม่เป็นไรครับ  คุณทานเถอะ  ลูกสุดท้ายอย่าพลาด  แฟนหล่อครับ”  ผู้จัดการไร่โต้ตอบด้วยเสียบราบเรียบ  แล้วลุกขึ้นเดินออกไปทันที

    รวิวารมองตามหลังผู้จัดการไร่ไป  อดทำจมูกย่นใส่เขาไม่ได้  แล้วเอาพุททราลูกสุดท้ายเข้าปาก  เธอจะเลือกเอง  และไม่ได้เลือกใครจากรูปลักษณ์ภายนอกด้วย  เธอจะเลือกพุทราสีกระดำกระด่าง  แต่รสชาดข้างในแสนอร่อย

    วิรามมองทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกใจเล็กน้อย  ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทสนมกันเป็นพิเศษเลย

    “แล้วเดี๋ยวมีรายการอะไรต่อครับ”  

    “นั่งรถเยี่ยมชมไร่ค่ะ  แล้วก็ไปชมการสาธิตการทำน้ำมันไบโอดีเซล  แก๊สชีวภาพ  และการแยกขยะช่วยโลกค่ะ”  เด็กสาวตอบเสียงใสแจ๋ว

    บรรดาผู้เข้าเยี่ยมชมไร่ตะเกียงไพรต่างนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ขอนไม้ภายใต้ร่มเงาของต้นตะขบใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาราวกับร่มคันใหญ่ที่อยู่โดยรอบของห้องรับประทานอาหาร  หลานสาวเจ้าของไร่ยิ้มแก้มปริอย่างมีความสุขหลังจากถามไถ่ผู้เยี่ยมชมไร่ถึงรสชาดอาหารเที่ยงวันนี้ เพราะทุกคนจะตอบว่าอร่อย  อร่อยมากทั้งนั้นเลย  ที่สำคัญแอบไปดูถังทิ้งเศษอาหารมาแล้ว  มีเศษอาหารเหลือน้อยมาก  ยิ่งปลาบปลื้มเข้าไปกันใหญ่


    “คุณรับผิดชอบกับขยะที่คุณสร้างขึ้นมาให้กับโลกนี้อย่างไร?  ก่อนที่คุณจะทิ้งมันออกไปจากสายตา”

    รวิวารสะดุดตากับป้ายที่ติดไว้ใกล้ถังขยะ  มีที่การแบ่งแยกเป็นขยะชนิดต่าง ๆ  คำถามนั้นทำให้เธอต้องหันกลับมาถามตัวเองเช่นกันว่า  เธอรับผิดชอบกับขยะที่เธอสร้างขึ้นมาอย่างไร?  

    รถพ่วงเข้ามาเตรียมจอดอยู่ด้านข้างของห้องอาหาร  ตัวรถแบ่งเป็นสองตอน  ด้านหน้าเหมือนรถจี๊บเป็นส่วนของคนขับรถ   ด้านหลังถูกดัดแปลงโดยมีการต่อเติมรถพ่วงเพื่อใช้บรรจุคนพาเที่ยวชมไร่ตะเกียงไพร  เป็นรถที่ใช้ได้ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์  และไบโอดีเซล  รวมถึงสามารถช่วยกันถีบเพื่อให้รถขับเคลื่อนไปก็ได้  เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดสร้างความตื่นตาตื่นในใจให้กับผู้เยี่ยมชมไร่เป็นอันมาก  

    “หลังจากอิ่มกันแล้ว  ตอนนี้ก็ขอเชิญทุกคนออกกำลังกันเล็กน้อยนะครับ”  ผู้จัดการไร่ประกาศเชิญชวน

    “มีรถอยู่ 5 คันนะครับ  ให้นั่งคันละ 10 คนครับ   หลังจากที่ขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว  ทุกท่านจะมองเห็นที่ถีบเหมือนถีบจักรยาน  นั่งเฉย ๆ ก็ไม่สนุก  ขอความร่วมด้วยช่วยกันปั่นหน่อยนะครับ”  ระบิลยืนมองเจ้าหน้าที่จัดผู้เยี่ยมชมขึ้นรถเป็นไปอย่างเรียบร้อย

    “ตะเกียงครับ  นั่งไปกับพี่มั้ย”  วิรามถามผู้ช่วยจำเป็นที่ดูเหมือนยังไม่มีที่นั่งเป็นที่เป็นทาง

    ระบิลเดินผ่านมาได้ยินพอดี  แต่จะพูดปรามห้ามเธอไว้ก็กระไรอยู่  จึงทำเป็นยืนมองเอกสารในมือ  แต่หูรอฟังคำตอบของเธอด้วยใจวุ่นวาย  ไม่อยากให้เธอนั่งไปกับพ่อหนุ่มรูปงามคนนั้นเลยจริง ๆ

    คุณหนูตะเกียงมองดูอย่างพิจารณา เธออยากนั่งไปด้วยจังเลย  อยากจะร่วมด้วยช่วยปั่นไปกับเขาด้วย  ดูน่าสนุกดี  แต่ถ้านั่งไปกับหนุ่มฟิสเนสจะเป็นการนั่งเบียดกับชายหนุ่มมากเกินไป  อยากให้เขานั่งให้สบาย  ที่สำคัญไม่ชอบนั่งเบียดไปกับผู้ชาย  ไม่ว่าเขาจะหล่อแค่ไหนก็ตามที

    “ขอบคุณค่ะ  ไม่เป็นไร  พี่นั่งให้สบายนะคะ”

    วิรามรู้สึกเสียดายที่หมดโอกาสได้นั่งอยู่ใกล้ชิดหลานสาวเจ้าของไร่  อดฟังเสียงสดใสของเธอพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ เลย

    “คุณตะเกียงนั่งด้านหน้าคนขับก็ได้นะครับ  มีที่ว่างอยู่ครับ”  ผู้จัดการหนุ่มรีบหันมาบอกผู้ช่วยจำเป็น  แอบยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจที่เด็กฝึกงานของเขาไม่นั่งกระเบียดกระเสียนไปกับพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนั้น

    “ให้เวไปนั่งกับระบิลด้วยคนได้มั้ย”  เสียงสาวสวยเจ้าของร้านสปาดังแทรกขึ้นมา

    รวิวารหันไปมองด้วยความฉงนในความกล้าที่จะขอมานั่งกับผู้จัดการไร่ของเธอ  อารมณ์ขุ่นขึ้นมาทันทีเลย

    “คุณตะเกียงมานั่งแทนเวก็ได้ค่ะ”  มิหนำซ้ำยังรีบออกตัวเสนอความเห็นตามมาอีก

    “ไม่เป็นไรครับ  คุณเวสิยานั่งที่เดิมดีแล้ว เพราะจะนั่งสบายกว่าครับ” ผู้จัดการหนุ่มกล่าวปฏิเสธทันทีอย่างสุภาพ  

    อารมณ์ขุ่นเคืองของสาวน้อยหายไปทันทีกับคำตอบที่หนักแน่นชัดเจนไม่ลังเลของผู้จัดการไร่  คำตอบของเขาถูกใจเธอจริง ๆ

    “ขึ้นรถครับคุณตะเกียง  รถจะออกแล้วครับ”  หันมาเตือนหลานสาวเจ้าของไร่ที่ยังยืนงงอยู่  ไม่รู้ว่าควรจะไปนั่งที่ไหนดี

    ผู้ช่วยจำเป็นเดินตามไปขึ้นรถด้านหน้าที่นั่งระหว่างคนขับกับผู้จัดการไร่

    “ให้ฉันนั่งด้านนอกได้มั้ย”

    “อย่าดีกว่าครับ  มันค่อนข้างอันตราย”  น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้นเล็กน้อย เพราะด้านข้างไม่มีประตูปิด

    “นั่งด้านในนะครับ”  เสียงเข้ม ๆ  อ่อนลงเชิงขอร้อง

    เด็กฝึกงานจำเป็นจึงต้องทำตามคำขอร้องนั้น  ที่นั่งกว้างเพียงพอสำหรับสาวน้อยตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ  แต่ถึงกระนั้นรวิวารยังนั่งอย่างระมัดระวังไม่ให้ส่วนใดของร่างกายต้องสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวส่วนหนึ่งส่วนใดของผู้จัดการหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  แม้แต่น้อย

    คนขับรถพ่วงอมยิ้ม  แปลกใจกับท่าทีของเจ้านาย โดยปกตินายระบิลของเขาไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนมานั่งคู่ไปด้วยกันแบบนี้เลย  แต่ต้องรีบหุบยิ้ม  ละสายตาจากทั้งคู่  เพราะสายตาปรามอยู่ในทีของเจ้านายฉายรังสีพาดพิงมาถึงแล้ว

    “ขอโทษนะครับ”  ผู้จัดการไร่บอกเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  ก่อนโน้มตัวเอื้อมมือผ่านร่างเล็กไปหยิบไมล์โครโฟนออกจากแท่นวางที่อยู่ด้านหน้าของตัวรถ

    “ทุกท่านพร้อมหรือยังครับ  ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มปั่นกันได้เลย   แต่ถ้าเหนื่อยก็หยุดพักได้นะครับ” แล้วเริ่มกรอกเสียงผ่านไมล์โครโฟนบรรยายไปตลอดทาง  

    รถพ่วงเคลื่อนตัวออกด้วยความเร็วพอประมาณ  วิ่งไปตามถนนลูกรัง  ขึ้นเนินลงเนิน  เลี้ยววนไปตามหุบเขา  ข้างทางเต็มไปด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองอร่ามงดงามเป็นทุ่งทานตะวันสีทอง   ลำต้นสูงท่วมหัว  ดอกใหญ่สมบูรณ์มาก  บางดอกใหญ่ถึง 47 ซม. เลยทีเดียว  ใหญ่กว่าใบหน้าของคน 2 คนรวมกันซะอีก  ดอกที่ใหญ่มากมันจะก้มหัวลงพื้นดิน  สงสัยจะหนักมากจนเงยหน้าสบตากับพระอาทิตย์ไม่ไหวซะแล้ว

    “ข้างทางที่ท่านเห็นอยู่นี้คือดอกทานตะวันครับ คงรู้จักกันเป็นอย่างดีใช่รึเปล่าครับผม   เรารณรงค์ให้ชาวบ้านช่วยกันปลูก  และทดลองแข่งกันปลูกใครจะได้ผลผลิตต่อไร่มากกว่ากัน  โดยห้ามใส่ปุ๋ยเคมี  และฉีดยาฆ่าแมลง   ผลผลิตสูงสุดต่อไร่โดยเฉลี่ยคือ  1 ตันต่อไร่  จากเดิมได้อย่างมากแค่  250 ก.ก. ต่อไร่ ใช้เวลาปลูก 100 วัน  เป็นพืชที่ปลูกแล้วเห็นผลทันตาในชาตินี้ครับ  เรานำเมล็ดที่ได้มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  เช่น  เมล็ดทานตะวันอบแห้ง   ทำน้ำมันดอกทานตะวัน  และนำไปทำไบโอดีเซลครับ”  

    “สวยจังเลย  ระบิล”  สาวน้อยหันมายิ้มแย้มกับภาพตระการตาของดอกทานตะวันสีเหลืออร่ามสดใส  แววตาคู่นั้นเป็นประกายร่าเริงแจ่มใสบริสุทธิ์

    ผู้จัดการไร่อมยิ้มน้อย ๆ  ได้เห็นรอยยิ้มของคนนั่งข้าง ๆ ใกล้ ๆ  แค่นี้  ก็มีความสุขแล้ว  ความรู้สึกแวบหนึ่ง…ไม่อยากให้เธอยิ้มแบบนี้ให้กับหนุ่มคนไหนเลย  แต่ต้องบอกตัวเองว่า  เขาไม่สามารถเก็บรอยยิ้มของเธอไว้สำหรับตัวเขาเองเพียงคนเดียวได้  มันเห็นแก่ตัวเกินไป  

    รถพ่วงชะลอความเร็วลง  แล้วจอดเมื่อถึงศูนย์ขยะไร่ตะเกียงไพร  ผู้จัดการไร่ประกาศให้ผู้เยี่ยมชมที่สนใจถ่ายรูปกับดอกทานตะวันถ่ายรูปได้  โดยให้เวลา 20 นาที  ก่อนเข้าเยี่ยมชมศูนย์ขยะ

    คุณหนูตะเกียงสนุกสนานกับการช่วยผู้เยี่ยมชมถ่ายรูปคู่กับดอกทานตะวัน  ไม่ว่าจะเป็นรูปคู่  รูป  รูปหมู่ รูปเดี่ยว ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนแล้วพลอยยิ้มแย้มมีความสุขไปด้วย

    “ถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ คุณตะเกียง”  เวสิยาเดินถือกล้องมาให้หลานสาวเจ้าของไร่

    “ได้ค่ะ”  เธอรับกล้องของสาวสวยมาถือไว้   แล้วเดินตามไปถ่ายรูปให้ตามจุดที่คนสวยต้องการ

    “สวยมากเลยค่า...”  ตะเกียงชดปุ่มพาวเวอร์ถ่ายรูปให้  การโพสท่าของสาวสวยราวกับนางแบบมืออาชีพก็ไม่ปาน

    “คุณวิรามถ่ายรูปด้วยกันนะคะ”  เวสิยาเรียกหนุ่มหล่อมาถ่ายรูปด้วยกัน

    หนุ่มหน้าคมเดินมาเข้ากล้องอย่างว่าง่าย  แค่เขายืนนิ่ง ๆ  ไม่ต้องเก๊กอะไรมากมาย  ก็แสนจะดูดี  ดูหล่อ  ดูเท่กินขาดอยู่แล้ว

    “ระบิลมาถ่ายรูปด้วยกันนะ”  เวสิยาเรียกผู้จัดการไร่ตะเกียงไพรพลางวิ่งเข้าไปยืนข้าง ๆ ชายหนุ่มทันที  แถมเอียงคอเข้าไปใกล้ผู้จัดการหนุ่ม จนแทบจะซบไหล่ของเขาอยู่แล้ว  อยากจะเกาะแขนของเขาเอาไว้  แต่ไม่กล้า  เพราะเพื่อนหนุ่มจะต้องหันมามองด้วยสายตาดุ ๆ แน่ ๆ ถ้าเผลอทำอย่างนั้น

    “ถ่ายให้ผมด้วยครับ”  วิรามส่งกล้องให้ผู้จัดการไร่  แล้วรีบไปยืนข้าง ๆ คุณหนูตะเกียงบ้าง

    ผู้จัดการไร่มองอย่างขัดใจเล็กน้อย  จำใจถ่ายรูปคู่ให้เจ้าของฟิตเนสกันคุณหนูตะเกียงอย่างเสียไม่ได้  

    ไม่เข้าใจตัวเองเลย  ไม่เคยเป็นแบบนี้  ทำไมต้องรู้สึกขุ่นข้องหมองใจด้วยนะ!  เขาเป็นอะไรไป?

    แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 52 18:08:41

    แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 00:48:40

    แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 00:20:34

    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 27 พ.ค. 52 00:12:55 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com