ตอนที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7893474/W7893474.html
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.
ข้อมูลที่ได้รับอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ประณตชะงัก แล้วหันไปสบตากับชลทิชาและมิ่งมาลีที่มองตอบกลับมา ก่อนสายตาทุกคู่ในที่นั้นจะทอดตรงไปยังคนที่โพล่งพูดประโยคดังกล่าวแทรกการสนทนาขึ้นมา
คือ... ขอโทษค่ะ ผู้หมวด... ใบหน้าของแพมาลาแดงสลับซีดด้วยความตกใจกับการกระทำที่ค่อนข้างเสียมารยาทของตนเองอยู่ไม่น้อย พี่ไม่อยากให้... ไม่อยากให้เสียเวลา...
ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ เข้าเรื่องเลยก็ดีเหมือนกัน เขายิ้มให้ เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือนิดหนึ่ง คุยธุระกันไวเท่าไหร่ คุณแพมกับคุณมิ้งค์ แล้วก็ทิชาจะได้พักผ่อนเร็วขึ้น เดินทางกับทำงานมาเหนื่อยแย่
สไตลิสต์สาวหัวเราะในลำคอเบา ๆ กับอาการหุนหันพลันแล่นผิดวิสัยของแฝดพี่ เอื้อมมือไปโอบไหล่อีกฝ่าย ก่อนช้อนสายตามองชายหนุ่มเพียงคนเดียวในที่นั้น และยิ้มมุมปากให้เขา จากสีหน้าเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนผู้หมวดคงไม่คิดสินะคะว่า คนแบบ ดร. เจติยะจะแต่งงาน มีลูก
เขาพยักหน้ารับว่าเข้าใจความนัยในคำพูดดังกล่าวของเธอดี แม้จะไม่ได้ใส่ใจเรื่องส่วนตัวของบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงมากกว่าไปผลงานในฐานะนักวิจารณ์ฝีปากกล้าที่ไม่เคยประนีประนอมความรู้สึกใคร แต่ไม่มีผู้ใดสามารถแย้งได้เต็มปากว่าวิจารณ์ด้วยอคติส่วนตัว เนื่องจากทุกคำที่กลั่นออกมาเป็นบทความล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น หากมีข่าวแว่วมาเข้าหูเขาบ้างเช่นกันว่า ดร. เจติยะอาจไม่ได้ชอบเพศตรงข้าม และนักดนตรีรุ่นพี่บางคนยังหยอกเขาเรื่องที่นักวิจารณ์ชื่อดังช่วยดูแลเขาเป็นอย่างดีระหว่างอยู่ที่บอสตันว่าอาจมี ความเอ็นดูเป็นพิเศษ นอกเหนือจากที่ชื่นชมในเรื่องของฝีมือ
แม่แต่งงานกับคุณพ่อหลังเรียนจบ แต่อยู่ด้วยกันมาได้ห้าปี ก็หย่ากัน แล้วแม่ก็แต่งงานใหม่กับพ่อรองที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน โดยที่ตอนนั้นแม่ท้องเราสองคนอยู่ มิ่งมาลีเล่า ถึงแม่จะแต่งงานใหม่กับพ่อรอง และพ่อรองก็รับรองว่าเราเป็นลูก แต่ทั้งแม่กับพ่อรองก็ยังคบหากับคุณพ่อเป็นเพื่อนสนิท จนกระทั่งแม่กับพ่อรองประสบอุบัติเหตุเสียไปตอนที่เราสองคนอายุสิบสี่ คุณพ่อหรือ ดร. เจติยะก็รับเราเป็นบุตรบุญธรรม พามาอยู่ด้วย เลี้ยงดู ส่งเสียจนเรียนจบมหาวิทยาลัย
ระหว่างที่แฝดน้องอธิบายความ แพมาลาก็ขยับตัวด้วยท่าทีอึดอัดกับเรื่องลับภายในครอบครัวที่อีกฝ่ายเปิดเผยให้คนนอกรับรู้ และชลทิชาก็สังเกตเห็นว่า เธอลอบมองปฏิกิริยาของนายตำรวจหนุ่มเป็นระยะ แต่เขาก็รับฟังโดยไม่แสดงความรู้สึกใด แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชวนให้คิดไปได้ต่าง ๆ นานาก็ตาม
แม่จบมาทางด้านการร้องเพลงคลาสสิก พ่อรองเป็นครูสอนเปียโน ส่วนคุณพ่อถึงจะจบมาทางด้านวรรณกรรมตะวันตก แต่มีความรู้ด้านดนตรีและศิลปะการละครเหนือกว่านักดนตรีจริง ๆ บางคนเสียอีก ที่สำคัญกว่านั้น คือ ท่านวิจารณ์ใครไม่เคยพลาดเลย...
เอ่ยถึงตรงนี้ แม้ใบหน้าของคนเล่าจะยังกระจ่างด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาคมที่เคยมีประกายมาดมั่นและเป็นจุดที่ทำให้เธอแตกต่างจากพี่สาวร่วมสายเลือดอย่างชัดเจนกลับอ่อนแสงลง
แต่เราสองคนเป็นลูกไม้หล่นไกลต้นไปหน่อย เพราะไม่มีใครเล่นดนตรีได้เรื่องเลย แพมเขายังดีที่เรียนบรรณารักษ์ เข้าทางคุณพ่อที่มีหนังสือเยอะ โดยเฉพาะพวกวรรณกรรมรัสเซียที่ท่านทั้งรักทั้งหวง ส่วนพี่สิ จบนิเทศก็จริง แต่ก็ไปทำงานสายแฟชั่นในนิตยสารที่มีโฆษณาเยอะกว่าเนื้อหาข้างในที่ท่านเกลียดนักหนา แถมยังเคยวิจารณ์หนังสือพวกนี้เอาไว้เจ็บ ๆ ด้วยว่า มีส่วนที่ทำให้คนอ่านฉลาดในการใช้ชีวิตน้อยกว่าส่วนที่ทำให้ล้มละลายทางความคิดเพราะความฟุ้งเฟ้อ
มิ้งค์... บรรณารักษ์สาวเอ่ยชื่อของคู่แฝดของตนแผ่วเบา วางมือลงบนขาของอีกฝ่ายเป็นการปลอบใจ ถึงคุณพ่อจะไม่ชอบหนังสือพวกนั้น แต่คุณพ่อก็ไม่เคยตำหนิอะไรมิ้งค์เลยนะ... ถ้าคุณพ่อไม่รักมิ้งค์ คุณพ่อจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้มิ้งค์ฟังตั้งมากมายทำไม มิ้งค์รู้ไหมว่า มิ้งค์จำสิ่งที่คุณพ่อพูด เขียนได้มากกว่าแพมอีก
ไม่ใช่เพราะคุณพ่อรักแพมมากกว่ามิ้งค์หรอกเหรอ คุณพ่อถึงได้ไม่บ่น ไม่ว่าอะไรให้แพมฟังมากมายน่ะ มิ่งมาลีแย้งเสียงขม ความอ่อนแอและอ่อนไหวที่เคยเร้นอยู่เบื้องลึกปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน แพมไม่ต้องพยายามพูดหรือทำอะไรให้มิ้งค์รู้สึกดีขึ้นหรอก มิ้งค์รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร
แพมาลาถอนใจเฮือก ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ถ้าอะไรเป็นอะไรของมิ้งค์หมายถึงว่าคุณพ่อรักเราสองคนไม่เท่ากันละก็ แพมว่ามิ้งค์คิดผิดแล้วละ... ทรัพย์สินทุกอย่างท่านก็ทำพินัยกรรมแบ่งให้เราสองคนเท่า ๆ กัน เว้นแต่ของในห้องนั้นของคุณพ่อเท่านั้นแหละที่ท่านเลือกไม่ได้ว่าจะให้ใครจนเราต้องมารบกวนผู้หมวดถึงที่นี่ แล้วแพมก็ไม่รู้ด้วยว่าของที่อยู่ในห้องนั้นคืออะไร
แล้วทำไมต้องเลือกให้แค่คนเดียวล่ะ
คำถามย้อนของคนเกิดทีหลังทำให้คนเกิดก่อนนิ่งงันไปอย่างคนอับจนถ้อยคำ ห้องทั้งห้องที่เคยอยู่ในบรรยากาศเป็นกันเองคุกรุ่นด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้น และชวนอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
อย่างไรก็ตาม ความเงียบที่เกิดขึ้นก็ไม่ดำเนินไปในระยะเวลาที่เนิ่นนานนัก ด้วยถูกทำลายลงด้วยเสียงลั่นเอี๊ยดจากเก้าอี้ทำงานของเจ้าของห้องที่โน้มตัวลงวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะก่อนเอนหลังกลับไปพิงพนักอีกครั้ง
ขอโทษครับ
สิ้นคำขอโทษของนายตำรวจหนุ่ม บรรณารักษ์สาวก็หน้าแดงขึ้นมาอีกรอบด้วยความอายที่เธอและน้องสาวถกเถียงกันต่อหน้าเขาและชลทิชา ซึ่งทำหน้าที่ประสานงานให้พวกเธอได้พบเขา ในขณะที่คนเป็นสไตลิสต์เบือนหน้าหนีไปทางอื่น และจิบน้ำชาในถ้วยคล้ายพยายามระงับอารมณ์ เรียกสติของตนให้คืนกลับมา
ขอโทษอีกครั้งนะครับ เขาเอ่ยขึ้น หลังรอดูท่าทีของแขกทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อกี้ ผมได้ยินคุณแพมกับคุณมิ้งค์พูดเรื่องพินัยกรรม... หมายความว่า ดร. เจติยะ ท่าน...
ค่ะ... ท่านเสียเมื่อเดือนก่อนนี่เอง แพมาลาตอบ และเมื่อกลางปีท่านป่วยระหว่างไปเป็น Guest Lecturer ที่เพนซิลเวเนีย หมอที่นั่นตรวจพบว่าท่านเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ท่านมีเพื่อนเป็นหมออยู่ที่ซีราคิวส์ และไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายเลยตัดสินใจรักษาที่อเมริกา แต่โชคไม่ดีที่ท่านแพ้ยาคีโมฯ ก็เลยเสียที่นั่นค่ะ
เสียใจเรื่องคุณพ่อด้วยครับ ประณตบอก ไม่นึกว่าจะได้คุยกับท่านที่บอสตันครั้งนั้นเป็นครั้งแรกแล้วก็ครั้งสุดท้าย ตอนผมเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้พบท่านบ้าง แต่ได้แค่ทักทายกันในการแข่งหรือคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิกเท่านั้น หลังจากผมรับราชการก็ไม่ได้ยินข่าวคราวท่านอีกเลย
ขอบคุณค่ะ ผู้หมวด หญิงสาวรับ ที่ไม่ค่อยมีข่าว เพราะช่วง 2-3 ปีหลังนี้ คุณพ่อใช้เวลาอยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่อเมริกากับรัสเซียมากกว่าเมืองไทยด้วยน่ะค่ะ แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ท่านมีความสุขที่สุดกับสิ่งที่ท่านรัก
นั่นสินะ... มิ่งมาลีซึ่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยามนึกถึงบุคคลที่เป็นหัวข้อสนทนา คุณพ่อหายใจเข้าออกเป็นเพลง วรรณกรรม แล้วก็ชาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว...
เธอก้มลงมองน้ำชาในถ้วย แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่ม คุณพ่อพูดเสมอว่า ชารัสเซียแท้ ๆ รสเข้มขม เหมือนความหนักหน่วงของเนื้อหาวรรณกรรมรัสเซีย และมีคาเฟอีนสูงเพราะผ่านการต้มกลั่นมาอย่างดีเหมือนเพลงของคีตกวีรัสเซียยุคโรแมนติกที่แสดงถึงความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมานาน
แต่ในสายตาของคุณพ่อ มีคนเพียงคนเดียวที่เป็นเหมือนดอกไม้ที่ขึ้นแทรกระหว่างม่านเหล็ก เป็นคนที่ทำให้วรรณกรรมที่มีเนื้อหาซึมเศร้าและกดดันกลายเป็นบทเพลงที่อ่อนไหวไปด้วยความรู้สึก เหมือนน้ำตาลที่ช่วยให้เราดื่มชารสเข้มลงคอ และซาบซึ้งกับรสชาติของชารัสเซียได้ คือ ไชคอฟสกี้... คีตกวียุคโรแมนติก นักประพันธ์เพลงที่ท่านประทับใจมาก
(มีต่อค่ะ)
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
30 พ.ค. 52 21:43:43
]