ติดตามเรื่องเล่าสยองตอนต้นได้ที่บล็อคของมูนนี่ค่ะ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=moonyforever&group=2&page=3
ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (หลอนครั้งแรก)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7555350/W7555350.html
ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (ฝูงผีบุก)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7561061/W7561061.html
ตอน ผีทวงสมอง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7569912/W7569912.html
ตอน ช่วยด้วย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7575674/W7575674.html
ตอน หัวใคร ในทะเล
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7581096/W7581096.html
ตอน ทำไมพี่ถึงไม่ช่วยผม!
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7589318/W7589318.html
ตอน กลิ่น
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7650035/W7650035.html
ตอน เขามาเตือน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7630569/W7630569.html
ตอน วิญญาณป่าที่เขาใหญ่
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7613807/W7613807.html
ตอน เขามานำทาง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7664958/W7664958.html
ตอน เหงามั้ยจ๊ะ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7689756/W7689756.html
ตอน ผีถ้วยแก้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7703708/W7703708.html
ตอน ผีที่อินเดีย ตอนแรก
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7732635/W7732635.html
ตอน เขา....มาเกาะที่ไหล่
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7754283/W7754283.html
ตอน ท่อนแขนใครบนหาดทราย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7784939/W7784939.html
ตอน ผีที่อินเดีย(ภาคสองเสียงในความมืด)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7813860/W7813860.html
ตอน ความอัศจรรย์บนนากาก็อต
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7840255/W7840255.html
ตอน พรายทะเล
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7865143/W7865143.html
ตอน มือสีขาว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7889933/W7889933.html
ตอน ผีที่ดินเดีย ภาคเจอผีที่เนปาล
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7918007/W7918007.html
เรื่องที่ 21 ผมเป็นทหารช่าง
เรื่องเล่าในคราวนี้อาจจะไม่ยาวเท่าใดนัก เพราะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคนอื่นและถูกนำมาเล่าให้ครอบครัวพี่ได้รับฟัง แต่พี่ก็ยังอยากจะเล่า เพื่อรำลึกถึงคุณพ่อ ที่เพิ่งเสียไปเมื่อราวกลางเดือนมิถุนายน ปีพ.ศ.2551 นี้เอง
คุณพ่อของพี่เป็นคนค่อนข้างแข็งแรง และเป็นคนที่จัดอยู่ในกลุ่ม ฉลาด ท่านมีความสามารถทางด้านการช่างทุกชนิด เคยได้รับการอบรมในหน่วยการบิน และเป็นนักเรียนทหารอากาศชุดแรกศึกษาวิธีการซ่อมเครื่องบินรบ ความจริงมีชื่อเรียกเฉพาะแต่พี่จำไม่ได้ว่าคืออะไรทั้งที่พ่อก็เคยพูดให้ฟังหลายครั้ง น่าเจ็บใจตัวเองจริงๆ
คุณพ่อเคยทำงานกับบริษัทThai-am ซึ่งต้องร่วมงานกับคนต่างชาติโดนเฉพาะอเมริกัน ตอนนั้นพี่ยังเด็กมากจำรายละเอียดอะไรไม่ค่อยได้ รู้อย่างเดียวว่าเพื่อนฝรั่งของพ่อที่พอพูดไทยได้มักจะมาเที่ยวบ้านและนำนิทานต่างๆมาเล่าให้ฟัง แถมด้วยสมุดภาพสวยๆเกี่ยวกับเทพยุโรป แฟรี่และเอลฟ์ นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่สนใจเรื่องราวเหล่านั้นมาจนถึงทุกวันนี้
เอาล่ะ ข้ามช่วงเวลาพวกนี้ไปดีกว่า เพราะมันจะกลายเป็นการเล่าอัตตชีวประวัติแทนการเล่าเรื่องสยอง พอคุณพ่อของพี่อายุมากขึ้นท่านก็เกิดล้มและเป็นอัมพฤกษ์ ตอนแรกก็พอจะขยับแขนขาได้ แต่พอนานวันเข้าท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย พี่กับน้องสาวคนรองจะผลัดกันไปดูแลคุณพ่อซึ่งพักอยู่ที่บ้านน้องชาย ทุกครั้งที่เห็นหน้าหรือระหว่างรอการชำระล้างร่างกายคุณพ่อมักจะเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง ดูท่านมีความสุขมาก พอเราจะกลับท่านก็หงอยไปถนัดตา เพราะถึงแม้จะไม่ใช่คนช่างพูด แต่ลูกผู้หญิงมักจะสรรหาเรื่องราวต่างๆมาคุยได้ดีกว่าลูกผู้ชาย
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ่อเริ่มบ่นว่าร่างกายอ่อนแอผิดปรกติ แถมหัวใจก็ไม่ดี บางทีก็มักจะพูดแปลกๆทำนองพ่อคงอยู่ได้อีกไม่นาน พี่กับน้องก็ได้แต่ปลอบใจทั้งที่กังวลมากเพราะคุณพ่อเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย จนกระทั่งเย็นวันพุธ พี่คุยกับคุณพ่อ ท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดีแถมยังพยายามชะโงกดูหลานสาวคนเดียวที่กำลังนั่งเล่นอยู่ไม่ไกล คุยเล่นกันพักใหญ่พี่ก็กลับบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้นน้องชายโทรมาบอกว่า พ่อตายแล้ว
พี่ช็อกมาก รีบอาบน้ำแต่งตัว พอไปเห็นพ่อที่ดูเหมือนคนนอนหลับพี่กลั้นน้ำตาไม่อยู่เลย แต่ก็ไม่กล้าร้องได้โฮออกมาเพราะกลัวว่าหลานจะตกใจ คุณพ่อได้ทำการบริจาคร่างกายไว้กับโรงพยาบาลศิริราช ดังนั้นทุกคนจึงรีบติดต่อกับหน่วยงานทุกอย่าง จนเที่ยงจึงมีรถมารับ ตอนที่เขายกพ่อขึ้นเปลและเข็นออกไป พี่รู้สึกเหมือนเห็นพ่อเดินตามหลังและหันมาส่งยิ้มให้ทำนองว่า
พ่อไปแล้วนะลูก
อีกครั้งที่น้ำตาไหลออกมา พวกพี่นั่งมองเตียงที่ว่างเปล่า ไม่มีใครกล้าทำอะไรจนกระทั่งบ่ายพี่จึงเริ่มเก็บข้าวของต่างๆและติดต่อวัดเพื่อบริจาคสิ่งของ ซึ่งท่านเจ้าอาวาสก็ตอบกลับมาว่าจะให้รถมารับในวันรุ่งขึ้น
คืนนั้นน้องชายหอบครอบครัวไปนอนค้างบ้านพี่ เพราะทำใจไม่ได้
วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อนำรถหกล้อมาขนของ ซึ่งได้แกเตียงซึ่งเป็นโต๊ะกูบช้างขนาดใหญ่ ตู้เย็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆรวมไปจนถึงอุปกรณ์การช่างและเครื่องเสียงเพราะคุณพ่อเป็นคนที่ชอบฟังเพลงมากๆ นิสัยนี้คงติดมาถึงพี่ด้วย พวกเราจุดธูปบอกคุณพ่อว่าได้บริจาคของรักของหวงของท่านให้วัดที่ค่อนข้างกันดาร และเจ้าอาวาสก็เป็นพระที่ดี มีวินัยสูงมาก เพราะพ่อพี่เป็นคนที่จริงจัง ถ้าใครทำอะไรนอกลู่นอกทางท่านจะตำหนิโดยไม่ไว้หน้าเลย
เหตุการณ์ผ่านไปจนครบทำบุญเจ็ดวัน หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่าตอนที่ยกเตียงขึ้นกุฏิก็ไม่มีอะไร แต่พอหยิบสว่านไฟฟ้าขึ้นมาเพื่อใช้งาน ท่านรู้สึกเหมือนมีคนมายืนมองข้างหลัง และมีเสียงพูดเรียบนิ่งว่า
ผมเป็นทหารช่าง
หลวงพ่อรีบหันไปมองแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากลมพัดผ่านไปวูบหนึ่ง พวกพี่รู้ทันทีเลยว่าคุณพ่ออยากตรวจดูว่าคนที่รับของของท่านไปนั้น เป็นคนยังไงเพราะพ่อรักและถนอมเครื่องใช้ทุกชิ้นมาก เมื่อเห็นว่าพระรูปนี้เป็นผู้มีวินัยที่ดีก็เบาใจ จากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกเลย
ท้ายนี้อีกไม่กี่เดือน พ่อก็จะได้ขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่แล้ว คุณพ่อเคยเป็นอาจารย์สอนทหารช่างมาก่อน พ่อชอบให้ความรู้กับคนอื่นมากแม้จะอำลาจากโลกนี้ไปแล้ว ท่านก็ยังอยากที่จะสอนผู้คน แม้จะด้วยร่างกายของท่านเองก็ตาม
พี่เสียใจเหลือเกินที่ไม่เคยได้พูดคำนี้กับท่าน
ทุกวันนี้ก็ยังอยากจะบอกว่า
ลูกรักพ่อ
*/*/*/*/*
เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่คุณพ่อจากไป และเป็นวันแรกที่ท่านจะได้เป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนิสิตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้นมูนนี่จึงขออนุญาตนำเรื่องราวของคุณพ่อมาบอกเล่า เพื่อเป็นการระลึกถึงท่านค่ะ
จากคุณ :
Moony_Lupin
- [
5 มิ.ย. 52 23:44:38
]