Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ท่องไปในความรู้สึก

    ตะวันฉายแสงขึ้นเหนือเมืองมหานคร  เสียงแห่งความสงบถูกไล่ตะเพิดไปแล้วตั้งแต่เมื่อรุ่ง    ผู้คน...รถราไหลแล่นไปตามท้องถนน  ตามหนทาง    เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจนั้นเสมือนนกหวีดที่เป่าเร่งให้ทุกคนและทุกอย่างในเมืองหลวงออกวิ่งไปสุดแรง      สุดแท้แต่จุดหมายของใครคือที่ใด      ฉันเดินเฉื่อยช้าไปท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เร่งรีบ    ได้แต่เฝ้ามองอย่างงุนงง....จะรีบไปไหนกัน ?    แล้วถ้าหากไปถึงแล้ว   เขาจะต้องรีบทำอะไรกันไปอีกซักกี่อย่าง ?    แล้วชีวิตคนพวกนั้นจะต้องรีบร้อนกันไปถึงเมื่อไหร่เล่า ?      

    ฉันค่อยๆเดินผ่านโรงพยาบาล...สถานที่ที่ฉันชอบนัก ค่าที่ได้มองดูผู้คนหลากหลาย   คนไข้ก็มาก...คนไม่ไข้ก็มี   เหล่านี้ล้วนชวนให้เราคิดถึงการเจริญมรณานุสติ....เกิด..แก่..เจ็บ..แล้วก็ตายลง..สถานที่แห่งนี่ล้วนมีอยู่ครบ     บางที..ใครหลายคนอาจฉุกใจคิด.....ชีวิตนั้นเดินมาถึงช่วงใดของสัจธรรม 4 ข้อนี้แล้ว     ชีวิตจะเดินต่อไปยังสัจธรรมข้อที่เท่าไหร่ ?    สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือทุกชีวิตย่อมต้องเดินไปพบสัจธรรมข้อสุดท้ายอันเป็นปลายทาง
     
    แสงแดด...ดูอ่อนโยนขึ้นในสวนหย่อมใจกลางโรงพยาบาล  ความร่มรื่นเจือเคล้าไว้ด้วยอากาศสดชื่น    บรรยากาศสงบงามนั้นดูเหมือนจะพาให้ทุกคนต่างชะลอฝีเท้าลง    ดนตรีแผ่วหวานลอยลมรื่นหู  และคงไม่แค่กล่อมใจใครหลายคนที่ผ่านทาง...แม้แต่นกพิราบเหล่านั้นก็ยังเดินคุยกันอย่างแช่มช้าเข้ากันกับทำนองดนตรี    ขอบคุณเหลือเกินที่โลกนี้ยังมีต้นไม้..ดอกไม้ให้มองได้เย็นตา   และขอบคุณนักหนาที่ยังมีนก..แมลง..แมว..หมาที่ทำให้รู้ว่า    เรา..มนุษย์    มิได้เป็นเจ้าของโลกใบนี้แต่เพียงฝ่ายเดียว
     
    เรือเทียบท่าทว่าดูเร่งร้อน  ทำให้ผู้ที่โดยสารต้องขึ้นลงอย่างเร่งรีบ     ลมแม่น้ำปะทะใบหน้า...ผมเผ้ากระจาย   สาวหลายนางเดินหลบไปด้านใน    ปล่อยให้ใครอีกบางคนชมวิวริมฝั่งน้ำได้เต็มตา     วัดวาอาราม...ศาลเจ้า..อาคารบ้านเรือนโบราณ    ครั้งหนึ่งเคยอลังการ..สง่างาม..ภาคภูมิและสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นชาติวัฒนธรรม   วันนี้...ต่างพากันนั่งมองดูผู้คนสัญจรไปมาจากริมฝั่งชายน้ำ   อาจคิดคำนึงถึงวันคืนเก่าๆ   เรือพระราชพิธี...เรือพาย....งานลอยกระทง...มหาสงกรานต์..งานเล่นเพลงรักเพลงเรือ.....หรือแม้แต่ชาวบ้านล่องเรือค้าขาย  ไอ้แกละ..ไอ้จุก..ที่ซุกซนดำผุดดำว่ายได้เป็นวันๆ  ในวันเวลาที่เจ้าพระยายังคงยิ่งใหญ่...สำคัญ..และสวยงาม    วันนี้...สิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นล้วนหันหลังให้แก่ถนนทุกสายที่กล่าวกันว่าเป็นเส้นทางที่นำความเจริญมาสู่บ้านเมืองทดแทนการสัญจรทางน้ำอย่างเก่าก่อน     ดูไปก็คงไม่ต่างอะไรกับคนในวัยชรา..หูตาฝ้าฟาง   ไม่ทันยุคทันสมัย    รู้สึกว่าปัจจุบันหาใช่วันเวลาของตนอีกต่อไปไม่     การสูญเสียวันคืนแห่งชีวิต...ก่อความรู้สึกว่าตนกำลังหมดคุณค่าลงทุกวัน   อนาคตนั้นใกล้ฝั่งเข้าไปทุกที     ใครเล่าจะเข้าใจความรู้สึกหวนไห้เช่นนี้ได้ถ่องแท้เท่า....แต่คงมีสักวันในไม่ช้า…..มิใช่หรือ ?
     
    ท่าเรือตรงหน้าพาเรากลับมาสู่ภาพปัจจุบัน  เรือลำนั้นแล่นออกจากท่าไปแล้ว  เดินหน้าต่อไปเพื่อทำหน้าที่แห่งตน   มันอาจจะเบื่อ...แต่ไม่อาจจะบ่น   แท้จริงแล้วบนโลกใบนี้...ก็มิใช่คนเรานี่เองหรอกหรือ.....ที่เป็นเหตุผลให้คนอื่นต้องดำเนินชีวิตไม่ต่างอะไรไปจากเรือโดยสารลำหนึ่งที่แล่นวนเรื่อยไปไม่มีวันจบ
     
    สายฝนปรอยทำให้ทางเท้านองเจิ่ง    ฉันมองเห็นรอยเท้าตัวเองย่ำไปตามทางที่เดินผ่าน    รอยนั้นย่ำไปบนรอยที่คนก่อนหน้าเหยียบมาแล้ว   และมันก็จะหายไปเมื่อคนใหม่ก้าวย้ำบนรอยเดิม     ย่อมไม่มีรอยเท้าของใครอยู่ยงตลอดไป    ความจริงก็คือไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนแรกที่ก้าวเท้ามาที่นี่...โลกใบนี้....และย่อมจะไม่มีใครรู้แน่ว่า....ใครจะเดินจากไปเป็นคนสุดท้าย    ใช่...ใครจะตอบได้ ?
     
    ณ ท่าเรือยามค่ำ  เรือหลายลำประดับไฟสวยงามพาผู้คนล่องเจ้าพระยา  แสงไฟหลากสีสะท้อนไปทั่วอย่างไม่เกรงใจแม่น้ำยามกลางคืน     บนเรือนั้น  มีทั้งอาหารอร่อย  มีทั้งดนตรีไพเราะ   ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ    เวลาเดียวกัน...สายตาฉันเหลือบเห็นหญิงชราคนหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่เงียบๆในมุมมืด  เสื้อผ้าเก่าสกปรก   ข้างกายมีถุงผ้าเก่าขาดใบหนึ่ง    นั่นคงเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่แกมีหรืออาจเป็นสมบัติมีค่าที่สุดที่แกจะมีได้    ไม่มีรอยยิ้ม...ไม่มีน้ำตา...ไม่มีความรู้สึก...ในแววตาว่างเปล่านั้นอาจมองไม่เห็นอนาคตแต่คงมองเห็นอดีตของตัวแกเอง    ฉันยื่นถุงข้าวให้..แกรีบคว้าไว้    ไม่มีคำขอบคุณ   ไม่แม้แต่จะหันมอง  ไม่มีคำพูด  ไม่มีคำถามใดจากฉัน    ฉันอยากให้แกอยู่กับความคิดของแกเองต่อไปเพราะนั่นอาจเป็นสิ่งที่แกต้องการที่สุดก็เป็นได้
     
    เงาสายน้ำสะท้อนแสงไฟอยู่วิบวับ    พระจันทร์ดูดวงเล็กนักอาจเพราะหมดแรงจะแข่งกับแสงแห่งเมืองหลวงในยามค่ำคืนก็เป็นได้   มิพักต้องพูดถึงแสงดาวที่หม่นหรี่เสียจนเลือน     โป๊ะเรือโยนตัวขึ้นลงตามแรงคลื่นน้ำ      ผู้คนพูดคุยกันเบาๆ..บ้างก็เหม่อมองไปไกล...บ้างก็ปล่อยใจไปตามลมแม่น้ำที่พัดเอื่อย      เรือข้ามฟากเที่ยวสุดท้ายเข้าเทียบ   แทบจะทันทีที่ผู้คนถ่ายเทลงไปในเรือลำนั้นแล้วปล่อยให้มันพาข้ามไปอีกฟาก     เมื่อบ่ายหัวออกกลางน้ำ...เสียงเครื่องยนต์เรือสะเทือนไปทั้งท้องน้ำ...กลบเสียงถอนหายใจผะแผ่วของเจ้าแห่งพระยาที่เหนื่อยอ่อนมาทั้งวัน     แต่อย่างน้อยเรือก็ยังรู้ว่ามีเที่ยวสุดท้าย      

    แล้วชีวิตคนเราล่ะ ?   รู้หรือไม่ว่าเมื่อใดจะเป็นเที่ยวสุดท้ายไปสู่ฝั่งแห่งชีวิต

    จากคุณ : สร้อยสยาม - [ 10 มิ.ย. 52 01:08:31 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com