ตะวันฉายแสงขึ้นเหนือเมืองมหานคร เสียงแห่งความสงบถูกไล่ตะเพิดไปแล้วตั้งแต่เมื่อรุ่ง ผู้คน...รถราไหลแล่นไปตามท้องถนน ตามหนทาง เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจนั้นเสมือนนกหวีดที่เป่าเร่งให้ทุกคนและทุกอย่างในเมืองหลวงออกวิ่งไปสุดแรง สุดแท้แต่จุดหมายของใครคือที่ใด ฉันเดินเฉื่อยช้าไปท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เร่งรีบ ได้แต่เฝ้ามองอย่างงุนงง....จะรีบไปไหนกัน ? แล้วถ้าหากไปถึงแล้ว เขาจะต้องรีบทำอะไรกันไปอีกซักกี่อย่าง ? แล้วชีวิตคนพวกนั้นจะต้องรีบร้อนกันไปถึงเมื่อไหร่เล่า ?
ฉันค่อยๆเดินผ่านโรงพยาบาล...สถานที่ที่ฉันชอบนัก ค่าที่ได้มองดูผู้คนหลากหลาย คนไข้ก็มาก...คนไม่ไข้ก็มี เหล่านี้ล้วนชวนให้เราคิดถึงการเจริญมรณานุสติ....เกิด..แก่..เจ็บ..แล้วก็ตายลง..สถานที่แห่งนี่ล้วนมีอยู่ครบ บางที..ใครหลายคนอาจฉุกใจคิด.....ชีวิตนั้นเดินมาถึงช่วงใดของสัจธรรม 4 ข้อนี้แล้ว ชีวิตจะเดินต่อไปยังสัจธรรมข้อที่เท่าไหร่ ? สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือทุกชีวิตย่อมต้องเดินไปพบสัจธรรมข้อสุดท้ายอันเป็นปลายทาง
แสงแดด...ดูอ่อนโยนขึ้นในสวนหย่อมใจกลางโรงพยาบาล ความร่มรื่นเจือเคล้าไว้ด้วยอากาศสดชื่น บรรยากาศสงบงามนั้นดูเหมือนจะพาให้ทุกคนต่างชะลอฝีเท้าลง ดนตรีแผ่วหวานลอยลมรื่นหู และคงไม่แค่กล่อมใจใครหลายคนที่ผ่านทาง...แม้แต่นกพิราบเหล่านั้นก็ยังเดินคุยกันอย่างแช่มช้าเข้ากันกับทำนองดนตรี ขอบคุณเหลือเกินที่โลกนี้ยังมีต้นไม้..ดอกไม้ให้มองได้เย็นตา และขอบคุณนักหนาที่ยังมีนก..แมลง..แมว..หมาที่ทำให้รู้ว่า เรา..มนุษย์ มิได้เป็นเจ้าของโลกใบนี้แต่เพียงฝ่ายเดียว
เรือเทียบท่าทว่าดูเร่งร้อน ทำให้ผู้ที่โดยสารต้องขึ้นลงอย่างเร่งรีบ ลมแม่น้ำปะทะใบหน้า...ผมเผ้ากระจาย สาวหลายนางเดินหลบไปด้านใน ปล่อยให้ใครอีกบางคนชมวิวริมฝั่งน้ำได้เต็มตา วัดวาอาราม...ศาลเจ้า..อาคารบ้านเรือนโบราณ ครั้งหนึ่งเคยอลังการ..สง่างาม..ภาคภูมิและสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นชาติวัฒนธรรม วันนี้...ต่างพากันนั่งมองดูผู้คนสัญจรไปมาจากริมฝั่งชายน้ำ อาจคิดคำนึงถึงวันคืนเก่าๆ เรือพระราชพิธี...เรือพาย....งานลอยกระทง...มหาสงกรานต์..งานเล่นเพลงรักเพลงเรือ.....หรือแม้แต่ชาวบ้านล่องเรือค้าขาย ไอ้แกละ..ไอ้จุก..ที่ซุกซนดำผุดดำว่ายได้เป็นวันๆ ในวันเวลาที่เจ้าพระยายังคงยิ่งใหญ่...สำคัญ..และสวยงาม วันนี้...สิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นล้วนหันหลังให้แก่ถนนทุกสายที่กล่าวกันว่าเป็นเส้นทางที่นำความเจริญมาสู่บ้านเมืองทดแทนการสัญจรทางน้ำอย่างเก่าก่อน ดูไปก็คงไม่ต่างอะไรกับคนในวัยชรา..หูตาฝ้าฟาง ไม่ทันยุคทันสมัย รู้สึกว่าปัจจุบันหาใช่วันเวลาของตนอีกต่อไปไม่ การสูญเสียวันคืนแห่งชีวิต...ก่อความรู้สึกว่าตนกำลังหมดคุณค่าลงทุกวัน อนาคตนั้นใกล้ฝั่งเข้าไปทุกที ใครเล่าจะเข้าใจความรู้สึกหวนไห้เช่นนี้ได้ถ่องแท้เท่า....แต่คงมีสักวันในไม่ช้า
..มิใช่หรือ ?
ท่าเรือตรงหน้าพาเรากลับมาสู่ภาพปัจจุบัน เรือลำนั้นแล่นออกจากท่าไปแล้ว เดินหน้าต่อไปเพื่อทำหน้าที่แห่งตน มันอาจจะเบื่อ...แต่ไม่อาจจะบ่น แท้จริงแล้วบนโลกใบนี้...ก็มิใช่คนเรานี่เองหรอกหรือ.....ที่เป็นเหตุผลให้คนอื่นต้องดำเนินชีวิตไม่ต่างอะไรไปจากเรือโดยสารลำหนึ่งที่แล่นวนเรื่อยไปไม่มีวันจบ
สายฝนปรอยทำให้ทางเท้านองเจิ่ง ฉันมองเห็นรอยเท้าตัวเองย่ำไปตามทางที่เดินผ่าน รอยนั้นย่ำไปบนรอยที่คนก่อนหน้าเหยียบมาแล้ว และมันก็จะหายไปเมื่อคนใหม่ก้าวย้ำบนรอยเดิม ย่อมไม่มีรอยเท้าของใครอยู่ยงตลอดไป ความจริงก็คือไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนแรกที่ก้าวเท้ามาที่นี่...โลกใบนี้....และย่อมจะไม่มีใครรู้แน่ว่า....ใครจะเดินจากไปเป็นคนสุดท้าย ใช่...ใครจะตอบได้ ?
ณ ท่าเรือยามค่ำ เรือหลายลำประดับไฟสวยงามพาผู้คนล่องเจ้าพระยา แสงไฟหลากสีสะท้อนไปทั่วอย่างไม่เกรงใจแม่น้ำยามกลางคืน บนเรือนั้น มีทั้งอาหารอร่อย มีทั้งดนตรีไพเราะ ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เวลาเดียวกัน...สายตาฉันเหลือบเห็นหญิงชราคนหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่เงียบๆในมุมมืด เสื้อผ้าเก่าสกปรก ข้างกายมีถุงผ้าเก่าขาดใบหนึ่ง นั่นคงเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่แกมีหรืออาจเป็นสมบัติมีค่าที่สุดที่แกจะมีได้ ไม่มีรอยยิ้ม...ไม่มีน้ำตา...ไม่มีความรู้สึก...ในแววตาว่างเปล่านั้นอาจมองไม่เห็นอนาคตแต่คงมองเห็นอดีตของตัวแกเอง ฉันยื่นถุงข้าวให้..แกรีบคว้าไว้ ไม่มีคำขอบคุณ ไม่แม้แต่จะหันมอง ไม่มีคำพูด ไม่มีคำถามใดจากฉัน ฉันอยากให้แกอยู่กับความคิดของแกเองต่อไปเพราะนั่นอาจเป็นสิ่งที่แกต้องการที่สุดก็เป็นได้
เงาสายน้ำสะท้อนแสงไฟอยู่วิบวับ พระจันทร์ดูดวงเล็กนักอาจเพราะหมดแรงจะแข่งกับแสงแห่งเมืองหลวงในยามค่ำคืนก็เป็นได้ มิพักต้องพูดถึงแสงดาวที่หม่นหรี่เสียจนเลือน โป๊ะเรือโยนตัวขึ้นลงตามแรงคลื่นน้ำ ผู้คนพูดคุยกันเบาๆ..บ้างก็เหม่อมองไปไกล...บ้างก็ปล่อยใจไปตามลมแม่น้ำที่พัดเอื่อย เรือข้ามฟากเที่ยวสุดท้ายเข้าเทียบ แทบจะทันทีที่ผู้คนถ่ายเทลงไปในเรือลำนั้นแล้วปล่อยให้มันพาข้ามไปอีกฟาก เมื่อบ่ายหัวออกกลางน้ำ...เสียงเครื่องยนต์เรือสะเทือนไปทั้งท้องน้ำ...กลบเสียงถอนหายใจผะแผ่วของเจ้าแห่งพระยาที่เหนื่อยอ่อนมาทั้งวัน แต่อย่างน้อยเรือก็ยังรู้ว่ามีเที่ยวสุดท้าย
แล้วชีวิตคนเราล่ะ ? รู้หรือไม่ว่าเมื่อใดจะเป็นเที่ยวสุดท้ายไปสู่ฝั่งแห่งชีวิต
จากคุณ :
สร้อยสยาม
- [
10 มิ.ย. 52 01:08:31
]