 |
การเดินทางอย่างนักเดินทาง
รายการ Roaming ของ Ray Mcdonald บอกเราว่าช่วงที่ผ่านมาเขาเดินทางโดยรถไฟจากหัวลำโพง ....ไปลาว....เวียดนาม...จีน...เข้าไปรัสเซีย...เข้าโซนยุโรป..เยอรมัน...สวิส...อิตาลี....ฝรั่งเศส...จบที่อังกฤษ 52 วัน 16 ประเทศ เป็นการเดินทางที่เราว่าน่าประทับใจมาก...ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัย การวางแผน อุปสรรคที่พบ เส้นทางที่ผ่านและสุดท้ายปลายทางที่หมาย ตอนจบรายการมาโนช พุฒตาล บอกว่าเราน่าจะได้ลองออกแบบการเดินทางในแบบของเราเองเพื่อเพิ่มสีสันกับการเดินทางของเรา นั่นสินะ.... น้องที่รู้จักกัน...คนที่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆกำลังจะไปอังกฤษ เธอชอบการเดินทางมาก....เราว่าไปอังกฤษหนนี้กับเวลาปีครึ่ง...เธอคงต้องหาทางไปเที่ยวให้ทั่วยุโรปเป็นแน่ เธอเคยเล่าว่าไปแบ็คแพ็คคนเดียวที่สิงคโปร์ มาเลย์ บาหลี อินโด ออกจากบ้านไปเป็นเดือนๆ เราว่าชีวิตดูมีอะไรน่าสนใจดี น่าจะมีอะไรมาเล่าให้เราฟังได้เยอะแยะ....เพราะเราไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตที่น่าตื่นเต้นอย่างนั้น น้องตอบว่า....มันเล่าไม่ได้..อธิบายไม่ถูกพี่ มันต้องไปเจอด้วยตัวเอง อ้าว ? ซะงั้น เลยกลายเป็นว่าเราซึ่งมีประสบการณ์ชีวิตที่สุดแสนจะธรรมดาต้องเล่าเรื่องของเราให้มันฟังแทน แล้วมันก็ขำกับทุกอย่างที่เราเล่าให้ฟัง เห็นเราเป็นการ์ตูนไปเสียแล้ว...แค่เห็นหน้าเรายังไม่ทันจะทำอะไรเลย มันก็หัวเราะ ประเด็นของการเดินทางของเขา ก็คือ การที่จะได้อยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา...อยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย มันทำให้เราได้อยู่กับตัวเราเองจริงๆ เคยอ่านหนังสือเรื่องการเดินทางของตุ๊กตาหมี เป็นอะไรที่เราประทับใจมาก เด็กผู้หญิงวัยประถมคนหนึ่งในอเมริกา ทำการบ้านปิดเทอมส่งคุณครู โดยการพาตุ๊กตาหมีไปเที่ยวกับเธอในการเดินทางไปต่างประเทศ พอครบกำหนดกลับ....ญาติของเธอจะเดินทางต่อเลยฝากน้องหมีไปเที่ยวด้วยพร้อมสมุดบันทึกส่วนตัวของน้องหมีเพื่อให้คนที่ถือตุ๊กตาตัวนี้ได้เขียนบันทึกลงไป สุดท้ายเจ้าน้องหมีตัวนี้ก็ได้เดินทางไปไกลกว่าที่เด็กหญิงคิด เพราะนักเดินทางที่รู้เรื่องนี้ช่วยกันส่งต่อตุ๊กตาตัวน้อยพร้อมทั้งช่วยกันบันทึกเรื่องราวต่างๆลงไปในสมุดเล่มนั้น และรอวันที่น้องหมีจะเดินทางกลับสู่อ้อมกอดของเด็กคนนี้อีกครั้งเมื่อการเดินทางจบลง เราเชื่อว่ามันจะเป็นน้องหมีที่มีการเดินทางที่น่าประทับใจที่สุด และบันทึกของเด็กหญิงเล่มนั้นคงเป็นการบ้านที่ไม่มีใครไม่อยากอ่าน อีกเรื่องราวประทับใจของมิตรภาพข้ามขอบโลก เด็กผู้หญิงวัย 8 ขวบคนหนึ่ง เธอออกเดินทางจากอเมริกากับครอบครัวไปบนเรือสำราญ คืนหนึ่งเธอเขียนจดหมายด้วยข้อความสั้นๆบอกที่อยู่ติดต่อของเธอแล้วม้วนใส่ไว้ในขวดไวน์...โยนมันลงมหาสมุทร หลังจากนั้นไม่กี่เดือนมีจดหมายจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอีกคนหนึ่งในฝรั่งเศสเขียนกลับมา ต่อมาทั้งคู่ได้ผลัดกันเดินทางมาเยี่ยมเยือนกันจนสนิทสนมกันดี และมิตรภาพของเด็กทั้งสองก็อยู่มายาวนานกว่า 40 ปี ไม่ใช่สิ..ไม่ใช่แค่มิตรภาพของเด็ก 2 คนนี้เท่านั้น แต่เป็นมิตรภาพของพ่อแม่...พี่น้อง...สามี..และลูกๆของพวกเธอต่างหาก อ่านแล้วอยากจะไปเดินมองหาขวดไวน์ที่ริมชายหาดที่ไหนซักแห่ง อยากรู้ว่าเรื่องราวประทับใจแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเราบ้างมั้ย ? ใครจะคาดคิด...การเดินทางข้ามมหาสมุทรของขวดไวน์ใบหนึ่ง....จะสามารถสร้างมิตรภาพของเพื่อนที่อยู่ไกลถึงคนละฝั่งมหาสมุทร วางสายจากเพื่อน....คุยกันเรื่องทริปที่เราจะไปกันครั้งหน้า พวกเราได้มีโอกาสเดินทางด้วยกันล่าสุด คือ ทริปไปกระบี่ กระบี่ที่เราไปนอนเป็นที่พักริมทะเล....ติดภูเขา เราชอบสวนที่นั่นมาก....บรรยากาศเหมือนธรรมชาติจริง ต้นไม้ต้นไร่ ทุกอย่างดูดีไปหมด....ไม่เว้นแม้แต่ผู้คน เราได้กินอาหารริมทะเล .... ไปนอนนวดที่สปา.....เดินเล่นดูร้านค้าผู้คน....เดินย่ำทราย...มองปลายฟ้า แต่อย่างเดียวที่เราเห็นไม่ถนัดในความสวยของมันก็คือ ทะลกระบี่ ใครจะรู้ว่าช่วงที่เราเดินทางนั้น มรสุมเข้าพอดี....ทะเลใสอย่างที่เห็นในทีวีหรือโปสการ์ดนั้น ขุ่นไปหมด ฟ้าก็ครึ้มตลอดทั้งวัน จนกระทั่ง..เช้าวันสุดท้าย...เราถึงได้เห็นบรรยากาศทะเลกระบี่อย่างที่เราอยากจะได้เห็น ฟ้าสดสวย..น้ำสดใส...ลมสดชื่น แล้วเราก็ต้องเดินทางกลับ จำได้ว่าเราเป็นคนชวนให้เพื่อนๆเขียนโปสการ์ดหาตัวเองกัน โปสการ์ดคนละ 1 ใบ ลงที่อยู่ของพวกเราแต่ละคน....ป่านนี้มันยังเดินทางมาไม่ถึงเลย หรือตู้ไปรษณีย์ตู้นั้นไม่มีใครมาไขนานแล้ว ? หรือที่จริงเราหย่อนผิดตู้ ?
ว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับการที่เราอยากบอกอะไรกับใครบางคน....เราหย่อนจดหมายลงไปในตู้ไปรษณีย์หัวใจของเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน...แต่เรากลับไม่เคยไขตู้ออกมาเลย มันจึงกลายเป็นไปรษณีย์....ที่ส่งไม่ถึง ใครเคยเป็นแบบนี้บ้างมั้ย ? รสชาติของการเดินทาง สำหรับความผิดหวังกับทะเลกระบี่ซึ่งไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด อาจเพราะว่าเราไปคาดหวังเอาเองว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็นั่นแหละ..มันอาจจะมีนอกแผน..นอกเส้นทางไปบ้าง แต่ถ้าคุณเป็นนักเดินทางที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยว คุณจะยอมรับมันได้...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ถ้าให้มองกันอย่างลึกซึ้งแล้ว ....ชีวิตคนเราก็ถือเสมือนการเดินทางอย่างหนึ่ง จากการเกิด...สู่วัยทารก...วัยเด็ก...วัยรุ่น...วัยทำงาน...วัยผู้ใหญ่...วัยชรา...วัยไม้ใกล้ฝั่ง...และสู่ความตายในที่สุด ถ้าใครได้เดินทางมาจนครบเส้นทางเหล่านี้ เราถือว่าเป็นโชคดี
ไม่ว่าในระหว่างเส้นทางเหล่านั้น จะสุขหรือทุกข์เพียงใดก็ตาม ...... แต่ถ้ารู้จักมองอย่างลึกซึ้ง...รู้จักความงดงามของโลก...รู้จักคุณค่าของชีวิตแล้วละก็ ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนบนหนทางนี้....ก็ต้องถือว่าคุณใช้ชีวิตบนโลกใบนี้อย่างนักเดินทาง...ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่บังเอิญผ่านมา
จากคุณ :
สร้อยสยาม
- [
11 มิ.ย. 52 23:22:20
]
|
|
|
|
|