อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
เลยได้ความรู้ใหม่เรื่อง ดัชนีตัววัดอย่างไม่เป็นทางการ
อาศัยพฤติกรรมของมนุษย์ด้วยกันเอง
สนุกดี เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง
นอกเหนือจาก ดัชนีมาม่าแบบบ้านเราแล้ว
ฝรั่งเขาก็มีดัชนีตัววัดความประหยัดและฝืดเคือง
ด้วยสิ่งของหลายๆอย่าง
ดัชนีกางเกงใน
ในยุคฝืดเคือง เงินทองไม่ตกเรี่ยราด
ชุดชั้นในไม่ใช่สิ่งที่ต้องซื้อมาอวดใครอีกแล้ว
นอกจากคนกันเอง(ยิ่งไม่ต้องอวด)
ชุดชั้นในชายน่ะเหรอยิ่งเก่า ยิ่งเยิน ยิ่งเท่ ยิ่งแมน
ดัชนีกระโปรงสั้น
จากการสำรวจและวิจัยของดีไซน์เนอร์เสื้อผ้า
ยุคไหนสาวๆกระโปรงสั้นขึ้นๆ บอกถึงความมั่นใจสุดๆ
ยุคไหนสาวๆกระโปรงยาวลงๆ บอกถึงความห่วงใย กังวล
(หรือว่า ยาวแล้วประหยัด เผื่อตัดได้กระมัง)
อันนี้แปลกดี
ดัชนีลิปสติก
อันนี้ยิ่งแปลก ลิปสติกขายดีกว่าเดิมในยุคเงินทองร่อยหรอ
นักจิตวิทยาเพียรหาเหตุผล ผู้หญิงอย่างไรซะก็ต้องการดูดี
และทำตัวให้เฉิดฉาย เพื่อลดอารมณ์หดหู่ (Mood Enhancer)
ลิปสติกสีสดใสจึงกลายเป็นตัวทำเงินให้กับแบรนด์เครื่องสำอาง
ในยามฝนฟ้า อากาศ เมฆหมอกคลุมเครือ
ดัชนีแอสไพริน
เมื่อเงินทองเดินจาก อะไร อะไรก็ชวนน่าปวดขมอง
อย่ากระนั้นเลย กินแอสไพรินหรือยาแก้ปวดดีกว่า
เป็นการระงับความปวดด้วย และป้องกันด้วย
ไม่ต้องไปหามดหาหมอ(ไม่มีตังค์)
เพราะฉะนั้น ไม่แปลกใจ ยาแก้ปวดหัวประเภทเดียวกัน จะขายดีขึ้นมาก
กูรูขอเพิ่มบ้าง ดัชนีไส้อั่ว
วันไหนไปช้อปปิ้งตามศูนย์ประชุม
ถ้าอยากรู้ว่าจะขอต่อรองสินค้าข้าวของได้หรือเปล่า
ก็ต้องรู้ต้นทุนของการเช่าพื้นที่
ว่าแล้วก็ต้องเดินไปบริเวณซุ้มขายอาหาร ซึ่งมักมีอยู่ทุกงาน
ไปที่ซุ้มน้ำพริกหนุ่ม แหนม ไส้อั่ว
ถ้ามีไส้อั่วหั่นเป็นชิ้นๆให้ชิม
แสดงว่า ค่าเช่าบู้ท แม่ค้ายังพอรับไหว
ถึงพอเจียดกำไรเอาไส้อั่วราคาแพงมาให้ชิมได้
ถ้ามีแต่แคบหมูจิ้มน้ำพริกหนุ่ม ให้ชิมล่ะก้อ
แพงหูฉี่แน่ๆ ข้าวของในงานจะต่อรองได้ยากมาก
เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จงเดินกลับบ้านเสีย แห่ะ แห่ะ
เพื่อนๆล่ะมีดัชนีอะไรสังเกตเองบ้าง
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 52 10:57:21
จากคุณ :
กูรูขอบสนาม
- [
12 มิ.ย. 52 10:38:07
]